หลิวโก๋จงจ้องมองไปที่เธอแล้วตำหนิ“ลูกเป็นอะไร?ปู้ถิงกำลังแสดงความในใจให้ลูกรับรู้ ทำไมลูกถึงเมินเฉยเขา?”
หลิวเสี่ยวอิงหันกลับมา ใช้สายตาที่ไร้แสงสว่าง เธอพูดอย่างเรียบเฉยว่า“มะรืนก็จะจัดงานแต่งกันแล้ว จำเป็นต้องแสดงความในใจอะไรอีกเหรอคะ?”
พูดจบเธอก็ไม่สนใจคนสามคนที่อยู่ในห้องรับแขกอีก เธอเดินตรงกลับเข้าห้องของตัวเองไป
คนสามคนที่อยู่ในห้องรับแขกที่ได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกอึดอัดใจมาก
หลิวโก๋จงพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า“ตามใจจนเคยตัวแล้วจริงๆ……”
อู๋หยุนหัวเราะแห้งๆแล้วพูดว่า“คุณพูดน้อยๆหน่อยเถอะ เสี่ยวอิงตอบตกลงจะแต่งงานกับปู้ถิงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
พานปู้ถิงยิ้มแล้วพยักหน้า ถึงจะรู้สึกอับอาย แต่สุดท้ายหลิวเสี่ยวอิงก็แต่งงานกับเขา เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
……
หลังจากที่หลิวเสี่ยวอิงกลับเข้าห้องไปแล้ว ก็ทิ้งตัวลงบนเตียง
เธอร้องไห้เงียบๆอยู่ใต้ผ้าห่ม
ในสมองเอาแต่หวนนึกถึงความทรงจำระหว่างเธอกับไป๋ยี่เฟย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานมากแค่ไหน ดูเหมือนหลิวเสี่ยวอิงจะรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องผิดปกติ ในตอนที่เธอจะลุกขึ้นยืนนั้น เธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่คุ้นเคยค่อยๆเข้าใกล้เรื่อยๆ
หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกตกใจ เธอยันร่างกายลุกขึ้นโกยไม่รู้ตัว หันกลับไปมอง
วินาทีต่อมา เธอก็ถูกไป๋ยี่เฟยโอบกอดทั้งร่างจากด้านหลัง
หลิวเสี่ยวอิงอยากจะร้องกรีด แต่กลับถูกไป๋ยี่เฟยเอามือปิดปากอย่างรวดเร็ว“อุ๊บ……”
หลิวเสี่ยวอิงขัดขืนดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งแล้วยอมแพ้ไป หลังจากรอให้ไป๋ยี่เฟยปล่อยเธอแล้ว หลิวเสี่ยวอิงกลับผลักไป๋ยี่เฟยออกไป แล้วขึ้นไปยืนบนเตียง
“คุณมาทำอะไรที่นี่?”หลิวเสี่ยวอิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
ความสามารถตอนนี้ของไป๋ยี่เฟย อยากจะเข้าออกโรงแรมโดยเทพไม่รู้ผีไม่เห็น มันเป็นเรื่องอะไรที่ง่ายมากๆ
แต่เมื่อเผชิญกับความไม่แยแสของหลิวเสี่ยวอิง ไป๋ยี่เฟยก็ไม่เศร้าเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะเขารู้ดีว่า นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของหลิวเสี่ยวอิง นี่ไม่ใช่ความคิดที่แท้จริงของเธอ
ไป๋ยี่เฟยก้าวไปข้างหนึ่งก้าวแล้วกอดหลิวเสี่ยวอิงไว้“ผมมาดูคุณ”
หลิวเสี่ยวอิงดิ้นขัดขืนอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่อาจหลุดพ้นได้ เธอก้มหน้าลง แล้วพูดอย่างเมินเฉย“ฉันบอกแล้วไง เรื่องของเราผ่านไปแล้ว เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว”
“ไม่!”ไป๋ยี่เฟยกอดหลิวเสี่ยวอิงแน่น“เราเกี่ยวข้องกัน!คุณเป็นผู้หญิงของผม!”
“นี่คุณ……”หลิวเสี่ยวอิงเงยหน้ามองไป๋ยี่เฟยอย่างตกใจ ไม่รอให้เธอพูดอะไรมากไปกว่านี้ ไป๋ยี่เฟยก้มจุมพิตเธอในทันที
หลิวเสี่ยวอิงตะลึง เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันคุ้นเคยของไป๋ยี่เฟย ในใจกลับรู้สึกเศร้าอย่างอธิบายไม่ถูก เธอลับตาลง สุดท้ายใช้แรงที่มีอยู่ผลักไป๋ยี่เฟยออกไป
เธอจะต้องแต่งงานกับพานปู้ถิงในเร็ววันนี้แล้ว จากนี้ไปเธอจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับไป๋ยี่เฟยแล้ว……
แต่แล้วเธอก็ใช้แรงผลักไป๋ยี่เฟยออกไป
ไป๋ยี่เฟยหลับคว้าเธอมากอดไว้ มันจึงทำให้หลิวเสี่ยวอิงตกใจจนร้องเสียงหลง
“อ๊าย!”
คนสามคนที่อยู่ในห้องรับแขกยังไม่ได้จากไปไหนพวกเขาได้ยินเสี่ยงนี้ อู๋หยุนรีบไปเคาะห้อง“เสี่ยวอิง เป็นอะไรลูก?”
ไป๋ยี่เฟยพึ่งวางหลิวเสี่ยวอิงลงบนเตียง หลังจากที่ได้ยินเสียงแล่ว ไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงถึงกับชะงักไป จากนั้นหลิวเสี่ยวอิงก็ตอบกลับอย่างเงียบสงบว่า“ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่ไม่ระวังชนโดนโต๊ะค่ะ”
“ชนโดนโต๊ะ?ชนที่ไหนลูก?เป็นอะไรมากไหม?”อู๋หยุนถามอย่างเป็นห่วง
หลิวเสี่ยวอิงตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นอะไรมาก หนูจะนอนแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม?แม่เอาน้ำมันดอกคำฝอยให้ลูกทาหน่อยไหม?”อู๋หยุนยังคงไม่วางใจ
หลิวเสี่ยวอิงตอบกลับว่า“ไม่ต้องค่ะ หนูจะนอนแล้วค่ะ”
“งั้นก็ได้ ระวังหน่อยนะลูก อย่าซุ่มซ่ามอีกนะ”อู๋หยุนพูดไปด้วย เดินไปที่ห้องรับแขกไปด้วย
พานปู้ถิงที่เห็นสถานการณ์แบบนั้นจึงเอ่ยถามไปว่า“เสี่ยวอิงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่ชนกับอะไรนิดหน่อย”อู๋หยุนยิ้มแล้วตอบกลับ
หลิวโก๋จงที่ได้ยินดังนั้นจึงทำเสียงหึ“โตขนาดนี้แล้ว ยังทำอะไรไม่ระวังอีก ทำให้คนอื่นเป็นห่วงตลอดเลย”
“พอแล้ว พูดอย่างกับคุณไม่เคยชนโดนของอะไรอย่างนั้นแหละ”อู๋หยุนโต้แย้งกลับอย่างอารมณ์เสีย หลิวโก๋จงไม่พูดอะไร
พานปู้ถิงหัวเราะแล้วพูดขัดจังหวะ“ลุงหลิวครับ เรามีดื่มกันสักแก้วไหมครับ?”
“ได้ ดื่มกันสักแก้ว”หลิวโก๋จงโบกมือ แล้วตอบตกลง
ภายในห้อง เมื่อมั่นใจว่าอู๋หยุนเดินจากไป ไป๋ยี่เฟยยังคงเคลื่อนไหวต่อไป แล้วลูบคลำหลิวเสี่ยวอิงต่อไปเรื่อยๆ แล้วจุมพิตเธอไปด้วย
หลิวเสี่ยวอิงไม่สามารถทัดทานได้ ผ่านไปไม่นานเธอก็ถูกเปลื้องผ้าจนร่างเปลือยเปล่า
จู่ๆเธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมา จึงจิกเล็บลงไปที่แขนของไป๋ยี่เฟย“ไป๋ยี่เฟย คุณคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรกันแน่?”
“เหอะๆ……”ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ แล้วพูดว่า“แน่นอนว่าเป็นผู้หญิงของผมน่ะสิ!”
เมื่อร่างสองร่างที่ยังคงห่วงหาอาลัยกันอยู่เกิดปะทะกันขึ้นมา มันก็จะเป็นฟืนแห้งที่ไฟโหมกระหน่ำ
……
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ไป๋ยี่เฟยกอดรัดหลิวเสี่ยวอิงที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสงบ
ตอนนี้หลิวเสี่ยวอิงหันหลังให้กับไป๋ยี่เฟย จึงทำให้ไป๋ยี่เฟยมองไม่เห็น แววตาของหลิวเสี่ยวอิงมีความเศร้าเจ็บปวด หางตาของเธอยังมีน้ำตาที่ยังไม่แห้งหายไป
ภายในห้องเงียบมากซึ่งมันมีแต่เสียงลมหายใจของพวกเขา
ผ่านไปนาน หลิวเสี่ยวอิงก็พูดอย่างแผ่วเบาว่า“ไป๋ยี่เฟย พอเท่านี้เถอะ จากนี้ไป อย่ามาหาฉันอีกเลย”
ไป๋ยี่เฟยยกศีรษะขึ้นมา มองดูใบหน้าด้านข้างของหลิวเสี่ยวอิงพลางพูดขึ้นมาว่า“เสี่ยวอิง ผมรู้ นี่ไม่ใช้ความตั้งใจจริงๆของคุณ”
ร่างกายของหลิวเสี่ยวอิงกระตุก หลังจากนั้นก็สัมผัสได้ถึงการกอดรัดที่แน่นขึ้นของไป๋ยี่เฟย หลิวเสี่ยวอิงสะอื้น แล้วพูดว่า“ใช่แต่ฉันไม่สามารถยืนมองดูแม่ฉันตายไปเฉยๆได้……”
“อันที่จริง……ฉันรู้ว่ามันเป็นการแสดงของเธอ แต่ฉันไม่กล้าให้เธอไปเสี่ยงแบบนั้น”
“คุณรู้ไหม?วันนั้นเธอกินยานอนหลับไปจริงๆ ฉัน……โชคดีที่ตอนนี้ฉันเรียนแพทย์มา จึงสามารถช่วยชีวิตได้ทัน ไม่อย่างนั้น……”
“อีกอย่าง ตอนที่ฉันยังเด็ก……”
หลิวเสี่ยวอิงเล่าเรื่องราวเยอะแยะมากมาย ไป๋ยี่เฟยกอดเธอไว้แล้วรับฟังเงียบๆ
แต่ตัวเขาเองนึกถึงหลิวจื่อหยุน พวกเธอสองคนเป็นแม่คน ไม่ว่าพวกเธอจะทำพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลมากแค่ไหน สิ่งเหล่านั้นที่ทำไปก็เพื่อปกป้องลูกของตัวเอง
ความรักของแม่ ตลอดมา มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
หลังจากที่หลิวเสี่ยวอิงพูดจบก็หยุดไปครู่หนึ่ง“จากนี้ อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะ ไม่อย่างนั้น คนที่ต้องตาย คงต้องเป็นฉันแล้วล่ะ”
ไป๋ยี่เฟยหันข้าง แล้วกอดหลิวเสี่ยวอิง พูดข้างๆหูเธออย่างแผ่วเบา“ไม่ได้นะ จากนี้ไปเราต้องเป็นแบบนั้นอีกต่อไป เพื่อช่วยให้ความรู้สึกของเราแข็งแกร่งมากขึ้น”
หลิวเสี่ยวอิงหันกลับไปด้วยความตกใจ ถลึงตาใส่ไป๋ยี่เฟย“ทำไมคุณ……”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะแล้วจูบหลิวเสี่ยวอิงไปหนึ่งครั้ง แล้วพูดว่า“วางใจเถอะครับ ผมพบกับน้ารองแล้ว เธอจะวางแผนให้เรา”
“ว่าไงนะ?”หลิวเสี่ยวอิงถามกลับอย่างไม่รู้ตัว
ไป๋ยี่เฟยกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างๆหูของเธอ หลังจากที่หลิวเสี่ยวอิงฟังจบก็เอ่ยถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง“จริงเหรอคะ……ได้จริงใช่ไหม?”
“แน่นอน”ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วจุมพิตหลิวเสี่ยวอิงอีกครั้ง
หลิวเสี่ยวอิงถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธ ผ่านไปไม่นานเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมามาก และผ่อนคลายมากขึ้น เธอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ไป๋ยี่เฟยที่เห็นว่าในที่สุดเธอก็ยิ้มแล้ว เขาจึงรู้สึกโล่งใจ แล้วจุมพิตหน้าผากของเธอ พลางพูดขึ้นมาว่า“เอาล่ะ นอนเถอะครับ”
……
ไป๋ยี่เฟยเดินออกจากโรงแรมไปในตอนฟ้าสาง กลับถึงคฤหาสน์ที่อยู่หลันโปกั่ง
เขากลับเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ ใครจะไปรู้ว่าพอเข้ามาก็รับรู้ได้ถึงเสียงลมพัดผ่าน
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตกใจในขณะเดียวกันก็เบี่ยงตัวหลบทันที
“ตุ๊บ!”
ถั่วลิสงที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกติดอยู่บนผนังด้านหลังของเขา
หยุนอิงที่เห็นแบบนั้นจึงปรบมืออย่างเสียดาย“โธ่เอ้ย หลบได้งั้นเหรอ!”
“แต่ถือว่าไม่เลวเลย ฉันก็คิดว่าคุณจะยอมแพ้เพราะความสัมพันธ์ที่พังทลาย!”
ไป๋ยี่เฟยหันกลับไปถลึงตาใส่หยุนอิง แล้วอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด“คุณเป็นบ้ารึไง?ไม่หลับไม่นอน มารอผมอยู่ที่นี่เพื่อสุ่มโจมตีผมเนี่ยนะ?สนุกมากไหม?”
หยุนอิงลุกขึ้นยืนจากโซฟา ในมือยังถือถั่วลิสงหนึ่งเม็ดที่กำลังปอกเปลือก“แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ใช่ ฉันแค่อยากทดสอบดูเอง ว่าคุณจะยังสามารถรักษาสัญญาของเราอยู่”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากสนใจเธอ จึงยกเท้าขึ้นแล้วเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อกลับห้องของตัวเองไป
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆหยุนอิงก็พูดว่า“กำหนดเวลาแล้ว มะรืนพวกเขาจะเดินทางจากเมืองหลวงมาหนานเหมิน คืนพรุ่งนี้คุณควรเคลื่อนไหวได้แล้ว ดังนั้นคุณรีบไปจัดการเรื่องส่วนตัวให้เสร็จเถอะ อย่าเสียเวลาอยู่เลย”