“ดังนั้น ฉันยินยอมอย่างเต็มใจ”
คำพูดของหลี่เสว่ ทำให้อู๋หยุนกับหลิวโก๋จงตกใจมาก
ไม่ว่าจะเป็นความใจกว้างของหลี่เสว่ ยังเป็นวิธีที่เธอเสนอเอง มันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจมาก
“พะ……พวกคุณมันหน้าไม่อาย!”อู๋หยุนไม่สามารถยอมรับแนวคิดแบบนี้ เธอชี้ไปที่หลี่เสว่แล้วด่าออกไป
แต่หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ฟังสิ่งที่หลี่เสว่พูดจบแล้ว หัวใจของเขาจึงมีแต่ความรู้สึกผิด และในเวลานี้เอง เขายิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาชี้หน้าด่าตำหนิหลี่เสว่ เนื่องจากหลี่เสว่เสียใจมามากพอแล้ว
ไป๋ยี่เฟยจึงก้าวออกมา ขวางอยู่ข้างหน้าของหลี่เสว่แล้วพูดว่า“ทุกอย่างมันเป็นความผิดของผม ถ้าพวกคุณจะดุจะด่าก็มาลงที่ผม ไม่เกี่ยวกับเธอเลย”
พานปู้ถิงที่เห็นแบบนั้น จึงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน แล้วชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยพลางพูดขึ้นมาว่า“ไป๋ยี่เฟย ทำไมถึงหน้าไม่อายขนาดนี้?นายมีปัญญาอะไร มีสิทธิ์อะไรแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ได้ในเวลาเดียวกัน?”
“ผมจะบอกอะไรคุณนะ พรุ่งนี้ผมกับเสี่ยวอิงจะแต่งงานกันแล้ว เธอจะแต่งงานกับฉันแน่แล้ว ฉันจะไม่มีทางให้คนอย่างคุณทำให้เสี่ยวอิงเป็นมลทิน!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไร หลี่เสว่จึงผลักเขาออกไปเบาๆ เธอมองหน้าพานปู้ถิง กระทั่งยังก้าวไปข้างหน้าสองก้าว พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก“คุณเป็นใคร สามีของฉันเก่งกว่าคุณหมื่นเท่า!”
“เขาเก่งกว่าผม?”พานปู้ถิง หัวเราะอย่างเย้ยหยัน“การศึกษาเขาดีกว่าผมงั้นเหรอ?หน้าตาหล่อกว่าผมเหรอ?”
“ใช่ ผมยอมรับว่าตอนนี้ชีวิตของเขาดีกว่าผม แต่แล้วยังไงล่ะ เขาเป็นคนที่มีภรรยาแล้ว จุดนี้ไม่สามารถเทียบกับผมได้!”
“อีกทั้งคุณลุงคุณป้าก็อนุญาตให้เสี่ยวอิงแต่งงานกับผม พรุ่งนี้พวกเราจะจัดงานแต่งกันแล้ว”
“หลังจากพรุ่งนี้จัดงานแต่งงานเสร็จ ทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง!”
“เขาดีกว่าผมแล้ว……เอ่อ……”
“พู่!”
สุดท้ายเขายังพูดไม่ทันจบ จู่ๆก็เขาก็หยุดพูด ในขณะเดียวกัน ก็นึกถึงเสียงของใบมีดที่แทงทะลุเลือดเนื้อ
ในแขนเสื้อของหลี่เสว่ซ่อนมีดไว้เล่มหนึ่ง มันแทงเข้าไปในหัวใจของพานปู้ถิง
หลี่เสว่มองไปที่เขาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า“เรื่องนี้ ยังไม่สิ้นสุด”
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ทุกคนต่างพากันตกใจ แม้แต่ไป๋ยี่เฟยก็ตกใจเช่นกัน
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหลี่เสว่จะพกมีดมาหนึ่งเล่ม อีกทั้งยังฆ่าพานปู้ถิงอย่างเด็ดขาดขนาดนี้
“ปู้ถิง!”
อู๋หยุนอุทานอย่างตกใจ เธอรีบวิ่งเข้าไปพยุงพานปู้ถิงไว้
หลังจากที่หลิวโก๋จงได้สติ เขาก็ชี้ไปที่หลี่เสว่พลางก่นด่า“พวกเธอรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ!ถึงได้กล้าฆ่าคนตามอำเภอใจแบบนี้ ฉัน……”
เพียงแต่ยังไม่รอให้เขาพูดจบ หลี่เสว่ก็เอากองเอกสารออกมา แล้วโยนไปข้างหน้าของเขาพลางพูดว่า“คุณดูเอาเองเถอะ ดูว่าพวกคุณบีบบังคับให้เสี่ยวอิงแต่งงาน มันเป็นผู้ชายแบบไหน!”
พูดจบเธอไม่สนใจใครอีก แล้วเดินตรงออกไป
ไป๋ยี่เฟยที่เห็นข้อมูลเหล่านั้นแล้วเข้าใจได้ในทันที
ข้อมูลพวกนั้นเป็นข้อมูลที่เขาให้หวังโหลวไปสืบ หลังจากที่หวังโหลวสืบได้แล้วมาเพียงแต่ให้เขามาหนึ่งฉบับ ยังให้หลี่เสว่หนึ่งฉบับด้วย
และหลังจากที่หลิวโก๋จงกับอู๋หยุนดูข้อมูลเหล่านั้นแล้ว สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นแย่มากขึ้น
เนื้อหาในข้อมูลเหล่านั้นพวกเขาไม่สงสัยว่าเป็นข้อมูลเท็จ เพราะพวกเขาสัมผัสกับพานปู้ถิงมามาก มีบางเรื่องที่ถึงจะไม่รู้ แต่ด้วยระยะเวลาที่ติดต่อรู้จักกันมา จึงรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริง
และเพราะว่าทั้งสองคนก้มดูข้อมูลไม่มีใครไปสนใจ พานปู้ถิงจึงทำได้เพียงแค่ใช้มือจับกำแพง แล้วเรียกพวกเขา“คุณลุง คุณป้าครับ ช่วยผมด้วย ช่วยผม……ช่วยผมตามหมอ……ตามหมอ……”
พอดูข้อมูลเสร็จพวกเขาจึงหันไปมองพานปู้ถิง
เมื่อเผชิญหน้ากับพานปู้ถิงที่กำลังรองขอความช่วยเหลือ อู๋หยุนจึงมองไปที่หลิวโก๋จงอย่างไม่รู้ตัว
หลิวโก๋จงจ้องมองไปที่พานปู้ถิงอย่างเย็นชาพลางพูดขึ้นมาว่า“ไม่ทันแล้ว”
พานปู้ถิงเบิกตากว้างในทันที เขาไถลลงจากกำแพงที่พิงอยู่อย่างทนไม่ไหวแล้ว
สุดท้ายเขาอยากจะหายใจเฮือกใหญ่ แต่กลับเจ็บปวดมากจนชักกระตุก หลังจากนั้นไม่ทันได้สูดหายใจเข้า ก็หมดลมในทันที เสียงดังปึ้งตกพื้น
ไป๋ยี่เฟยที่เห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไป แล้วพูดกับพวกของหลิวโก๋จงว่า“เรื่องนี้ผมทำเอง ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”
หลิวโก๋จงมองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างเรียบเฉย แล้วพูดว่า“พานปู้ถิงจีบลูกสาวของฉันแล้วถูกปฏิเสธ เขารู้สึกเสียใจมาก เลยฆ่าตัวตาย”
“ประธานไป๋ ผมหวังว่าเรื่องนี้ จะไม่เกี่ยวอะไรกับการร่วมงานกับระหว่างสองบริษัทเรา”
ไป๋ยี่เฟยที่ได้ยินอย่างนั้นจึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาแปลกใจเล็กน้อย ในการกระทำของหลิวโก๋จง
และอู๋หยุนก็เดินไปที่ข้างหน้าของพานปู้ถิง แล้วก่นด่า“คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนโหดเหี้ยมกว่าสัตว์เดรัจฉาน!ฉันตาบอดไปจริงๆ!”
สองสามีภรรยาเป็นคนที่ค่อนข้างหัวโบราณ เป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่แล้วเขามีความรักชาติมากกว่า นอกจากเรื่องที่พานปู้ถิงจะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ก็คือ พานปู้ถิงลักลอบขนโบราณวัตถุ
ไป๋ยี่เฟยที่เห็นดังนั้น เงยหน้าขึ้นไปมองหลิวเสี่ยวอิง หลังจากนั้นก็พูดขอโทษ“ขอโทษนะครับ ผมขอตัวไปดูเสว่เอ๋อก่อนนะครับ”
หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังออกไปตามหลี่เสว่ทันที
คราวนี้ ภายในห้องฉุกเฉินจึงเหลือแค่พวกเขาสามคนแล้ว
หลิวเสี่ยวอิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เธอได้เพียงแต่เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา“พ่อคะ……”
หลิวโก๋จงที่เห็นแบบนั้นจึงส่ายหัวแล้วถอนหายใจ หลังจากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึม“เสี่ยวอิง ให้ลูกแต่งงานกับพานปู้ถิง เรื่องนี้เราทำไม่ถูกต้อง พวกเราไม่ได้สืบให้ชัดเจน เกือบจะทำร้ายลูกแล้ว”
“แต่ ลูกจะแต่งงานกับไป๋ยี่เฟยไม่ได้!จึงพ่อจะตายก็เป็นไปไม่ได้!”
“พ่อคะ……”หลิวเสี่ยวอิงเรียกด้วยน้ำเสียงฝืนยิ้มอย่างขมขื่น
……
หลี่เสว่เดินออกจากโรงพยาบาล เดินไปตามถนนที่พลุกพล่าน
ความจริงแล้วก็เหมือนกับที่เธอพูดนั่นแหละ เธอยินยอมอย่างเต็มใจ แต่ในใจของเธอก็เสียใจเหมือนกัน
และเรื่องนี้หวังโหลวได้บอกกับหลี่เสว่ก่อนหน้านั้นแล้ว หลี่เสว่ก็รู้ว่าไป๋ยี่เฟยมีความคิดซับซ้อน ดังนั้นเธอจึงต้องออกหน้าช่วยไป๋ยี่เฟยแก้ปัญหาเรื่องนี้
เธออยากออกไปเดินเล่น เพื่อให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวค่อยๆหายไป
เพียงแต่พอเดินเล่นได้ครู่หนึ่ง ก็ถูกชายแปลกหน้าขวางเอาไว้
“สวัสดีครับ ขอถามหน่อยครับคุณคือหลี่เสว่ใช่ไหม?”
หลี่เสว่เงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายคนนั้น อายุของเขาประมาณสามสิบกว่า ผิวคล้ำเล็กน้อย พอฟังภาษาจีนกลางของเขาดูเหมือนจะเป็นชาวต่างชาติ
ถึงเขาจะมีท่าทีที่ดีมาก แต่หลี่เสว่ขมวดคิ้วเป็นปม ผู้ชายคนนี้เข้ามาขวางเธอไว้ แล้วยังถามชื่อของเธออย่างชัดเจนอีก อันที่จริงแล้วเขามั่นใจแล้วว่าเธอเป็นใคร
“คุณเป็นใคร?”หลี่เสว่มองไปที่เขาแล้วถามอย่างเย็นชา
ผู้ชายคนนั้นหัวเราะแล้วตอบกลับว่า“ดูท่าแล้ว คุณคือหลี่เสว่จริงๆสินะ คือแบบนี้นะครับ ผมอยากผมไป๋ยี่เฟยสามีของคุณหน่อยน่ะครับ”
พอได้ยินดังนั้น หลี่เสว่จึงระมัดระวังตัวขึ้น ถอยหลังไปสองก้าว แล้วถามอีกครั้งว่า“คุณเป็นใครกันแน่?อยากจะทำอะไร?”
ผู้ชายคนนั้นพอได้ยินดังนั้นจึงชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็หยิบแผ่นเหล็กหลายอันออกมาจากกระเป๋าของตัวเองยื่นให้หลี่เสว่ดู
พอหลี่เสว่ได้เห็นแผ่นเหล็กแล้ว เธอก็รู้สึกตกใจมาก
เธอรู้ดีว่าช่วงนี้ไป๋ยี่เฟยให้คนทำแผ่นเหล็กแบบนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ อีกทั้งไป๋ยี่เฟยยังบอกเธอว่า แผ่นเหล็กพวกนี้สามารถใช้เป็นอาวุธได้ เขาเรียนรู้มาคนของสำนักหนานเหมิน
ดีงนั้นหลี่เสว่จึงตกใจมาก สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป คนตรงหน้าคือคนของสำนักหนานเหมือนเหรอ?
ในตอนนี้หลี่เสว่รู้สึกได้ถึงความอันตราย เธอมองซ้ายมองขวา พบว่าข้างๆเป็นร้านขายของเล่น เธอจึงคว้าของเล่นพวกนั้นที่วางอยู่ข้างนอกปาใส่ผู้ชายคนนั้น
หลังจากที่ปาใส่ผู้ชายคนนี้เสร็จตัวเองหันหลังแล้ววิ่งไป
ผู้ชายคนนั้นแปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าเขาคาดไม่ถึงว่าหลี่เสว่จะปาของใส่เขา แถมยังวิ่งหนี
หลังจากที่เขาหลบของเล่นพวกนั้นแล้วจึงรีบวิ่งตามไป“คุณหลี่ครับอย่าวิ่งหนีสิครับ คุณรอก่อน!”
ไป๋ยี่เฟยไม่เคยบอกเธอว่ามีเพื่ออยู่ที่สำนักหนานเหมิน ดังนั้นขอเพียงแค่เป็นคนของหนานเหมิน ก็คือศัตรู จะไม่ให้วิ่งหนีได้อย่างไร?
แต่หลี่เสว่เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง อีกฝ่ายเป็นวรยุทธ ถึงจะวิ่งหนีไปก่อนหนึ่งก้าว สุดท้ายก็ถูกไล่ตามทันอยู่ดี
หลี่เสว่วิ่งเข้าไปข้างในตรอกซอยเปลี่ยวเล็กๆ เธอมองชายตรงหน้าที่อยู่ตรงหน้าพลางหายใจหอบเหนื่อยแล้วถามออกไปว่า“คุณเป็นใครกันแน่?จะทำอะไร?”
พอชายผู้นั้นเห็นแบบนั้นจึงรู้สึกเสียใจ“ผมไม่ใช่ศัตรูครับ คุณอย่ากลัวไปเลย ผมแค่อยาก……”
สุดท้ายเขายังพูดไม่ทันจบ ก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตบางอย่างที่แผ่ซ่านอยู่ด้านหลัง
สีหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนไป หลังจากนั้นก็รีบหันกลับไปสาวหมัดไปหนึ่งหมัด
“ปึ้ง!”
หลังจากที่มีเสียงดังมาก เขาถอยไปหลายก้าวติดต่อกัน แต่คนที่โจมตีเขาจากด้านหลังก็กระเด็นไปไกลก่อนที่เขาจะยืนมั่นคงได้
และคนที่ไล่ตามหลี่เสว่ออกมาก็คือไป๋ยี่เฟย
ถึงไป๋ยี่เฟยจะแอบจู่โจมจากด้านหลัง แต่จะเห็นได้ว่า ไป๋ยี่เฟยยังคงพ่ายแพ้
ชายที่อยู่ตรงหน้าน่าจะแข็งแกร่งกว่าไป๋ยี่เฟย