ตอนที่ 99
“ผมมาโรงพยาบาลพอดี เจอพวกกรรมการของโหวจวี๋” ในขณะที่หวังโหลวพูด หน้าตาไม่เป็นธรรมชาติ
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้พบความปกติอะไร พยักหน้าและคิดว่าน่าจะเป็นกรรมการคนไหนไปพูด เลยพูดว่า “อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร เป็นไข้นิดหน่อย ตอนนี้ก็ใกล้จะหายแล้ว”
พูดจบ เหตุการณ์ก็อึดอัดขึ้นมา หวังโหลวได้แต่นั่งยิ้ม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไรกับไป๋ยี่เฟย
ขณะนี้เองไป๋ยี่เฟยก็เกิดความสงสัย “ดูใจนายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ช่วงนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
หวังโหลวอึ้งไปนิดนึง ส่ายหน้าไปมา “ไม่มีหรอก คงเป็นเพราะช่วงนี้พักผ่อนไม่พอ”
“อ่อ งั้นนายกลับไปพักผ่อนเถอะ อย่ายุ่งกับงานจนเจ็บป่วยล่ะ” ไป๋ยี่เฟยไม่ได้คิดอะไรมาก
หวังโหลวหันไปมองหลงหลิงหลิงที่นั่งอยู่ข้างเตียง พยักหน้า สุดท้ายก็เดินออกไปจากห้อง….
หลงหลิงหลิงจะเดินไปปิดประตู เดินมาถึงข้างเตียงของไป๋ยี่เฟย
ทันใดนั้น ก็มีคนเคาะประตูเข้ามา เป็นพยาบาลท่านหนึ่ง
ในมือของพยาบาลถือปรอทวัดไข้ไว้ ถามไป๋ยี่เฟยว่า “คุณได้วัดไข้รึยังคะ”
ไป๋ยี่เฟยคว้าปรอทออกมาจากใต้ผ้าห่มอย่างทุลักทุเล พยาบาลยื่นมือไปรับ ไม่ทันระวังก็เลยชนหลงหลิงหลิง
หลงหลิงหลิงไม่ทันได้ตั้งตัว เลยล้มลงไปในอ้อมอกของไป๋ยี่เฟยทันที
บังเอิญ หวังโหลวที่ยืนอยู่หน้าประตูกำลังจะเข้ามาบอกไป๋ยี่เฟยให้ระวังหลิ่วเซียวเหยาเห็นเข้าพอดี สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวขึ้นทันที
ในขณะเดียวกัน หลิ่วเซียวเหยาที่ยืนรออยู่หน้าประตูตลอดเดินเข้ามา ได้เห็นฉากนี้เหมือนกัน ในใจก็แอบดีใจ
หวังโหลวเลือกที่จะไม่กลับเข้าไป เขาเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยหน้าตาเคร่งขรึม
หลิ่วเซียวเหยาตามติดไป
“พี่หวัง เป็นอะไรไป”
หวังโหลวไม่พูดอะไร
หลังจากขึ้นรถแล้ว หลิ่วเซียวเหยากล่าวต่อ “เอ๊ะ เมื่อกี้คุณเห็นไหมว่าหลงหลิงหลิงกระโดดเข้าไปในอ้อมอกของไป๋ยี่เฟย ผมจำได้ว่า ไป๋ยี่เฟยมีภรรยาแล้ว”
“จุ๊ๆ คิดไม่ถึงจริงๆ”
“แต่ดูเหมือนว่าคุณก็รู้จักหลงหลิงหลิงเหมือนกัน โอ๊ะ ก็ใช่ คุณน่าจะเคยไปโหวจวี๋กรุ๊ป หลงหลิงหลิงเป็นถึงผู้ช่วยประธานบริษัท คงจะเคยเจอกันบ้าง”
หลิ่วเซียวเหยาพูดไปพลาง สังเกตสีหน้าของหวังโหลวไปพลาง
หน้าของหวังโหลวดำขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อได้ยินคำพูดของหลิ่วเซียวเหยา มันยิ่งมืดมนจนน่ากลัว
สุดท้ายเขาก็คำรามอย่างหมดความอดทน “หยุดพูดซักทีเถอะ”
หลิ่วเซียวเหยาเห็นดังนั้นก็ยกมุมปากขึ้น หวังโหลวใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว ขอแค่เขาช่วยใส่ฟืนอีกนิดนึงเท่านั้น……
ในรถเงียบลงชั่วขณะ หวังโหลวเริ่มนั่งพึมพำกับตัวเอง
“ผมรู้จักเธอตั้งแต่เด็ก ผมอาศัยอยู่ในบ้านของเธอ 5ปี เธอดีกับผมมาก ผมนึกว่าเธอจะชอบผม เหมือนที่ผมชอบเธอ”
“แต่ตั้งแต่เธอเข้าเรียนมหาลัย เธอก็ออกจากบ้าน จนกระทั่งผมเข้ามหาลัย ผมพยายามจะติดต่อกับเธอ แต่ก็ไม่เคยติดต่อได้ เหมือนหายสาบสูญไปแล้วอย่างนั้น”
“จนผมได้เจอเธออีกครั้งที่โหวจวี๋กรุ๊ป ตอนนั้นผมดีใจมากที่เจอเธอ อยากเข้าไปคุยกับเธอ แต่เธอทำเหมือนไม่รู้จักกัน แกล้งเหมือนเป็นคนแปลกหน้า จดจ่อแค่เรื่องงานเท่านั้น”
“ผมคิดว่าเธอคงมีความจำเป็นบางอย่าง ผมเลยให้ความร่วมมือ ไม่ได้พูดอะไร”
“ผมยังหวังว่าเธอจะแอบมาหาผมเป็นการส่วนตัว แต่ เธอไม่ได้มา…..”
“เขาไม่มา” หวังโหลวคำรามอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นหวังโหลวก็เปล่งออกมาทีละคำทีละประโยค “ผมรู้ เธอชอบไป๋ยี่เฟย”
“ไป๋ยี่เฟยมีภรรยาแล้วนี่ แถมเขายังรักภรรยาเขามากด้วย ได้ยินมาว่าเพื่อภรรยา เขายอมมีปัญหากับพิธีกรชื่อดังสวี่เชี่ยนเชียวนะ”
“ผมรู้” หวังโหลวหรี่ตาลง
เมื่อหลิ่วเซียวเหยาเห็นดังนั้นก็พูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณควรต่อสู้เพื่อมัน เพราะท้ายที่สุดความรัก ก็ไม่มีอะไรสามารถทดแทนได้ มิตรภาพคือมิตรภาพ ความรักก็คือความรัก ”
หวังโหลวไม่ได้พูดอะไร
หลิ่วเซียวเหยา “เขาชอบไป๋ยี่เฟย อาจจะเป็นเพราะว่าสถานะของไป๋ยี่เฟย เขาประสบความสำเร็จมากกว่าคุณ มีความสามารถมากกว่า ถ้าหากคุณเหนือกว่าเขา ผู้ช่วยคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้ช่วยของคุณแล้ว”
“ที่จริงการจะเอาชนะเขาไม่ยากเลย ขอแค่คริสตัลกรุ๊ปร่วมมือกับหลิ่วซื่อกรุ๊ป โหวจวี๋กรุ๊ปก็สู้ไม่ได้แล้ว คุณก็จะได้รับสิ่งที่คุณต้องการไง ”
ทันทีที่หมดเสียงนั้น หวังโหลวก็พูดอย่างเย็นชาว่า “คุณต้องการจะจัดการโหวจวี๋กรุ๊ปจริงๆ”
สีหน้าของหลิ่วเซียวเหยาเปลี่ยนไป จากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “พี่หวังเอาที่ไหนมาพูด จัดการโหวจวี๋กรุ๊ปอะไรกัน ผมก็แค่อยากให้พี่ประสบความสำเร็จกว่าไป๋ยี่เฟยเท่านั้นเอง”
หวังโหลวหัวเราะเยาะ “พูดตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นไป๋ยี่เฟยหรือโหวจวี๋กรุ๊ปก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“แต่ผมจะบอกคุณให้นะ ผมกับไป๋ยี่เฟยเป็นเพื่อนรักกัน ผมไม่มีวันทำเรื่องที่ผิดต่อเขาแน่นอน คุณเป็นแค่ตัวอะไรล่ะ คอยยุยงให้ผมกับเขาแตกกันอยู่ได้ ”
“ไสหัวไป” หวังโหลวตะโกนอย่างไม่มีเยื่อใย
หลิ่วเซียวเหยาไม่ได้ยืนหยัดต่อ หลังลงจากรถ เขามองดูหวังโหลวจากไป และยิ้มออกมาอย่างพอใจ
1 ชั่วโมง ต่อมาหลิ่วเซียวเหยาบอกทุกคนเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุด ในห้องประชุมของหลิ่วซื่อกรุ๊ป
ทุกคนฟังจบก็ถอนหายใจ
“หวังโหลวคนนี้เป็นผู้ที่มีจิตใจแห่งความรักและคุณธรรมลึกซึ้ง อย่างนี้พวกเราก็ไม่มีโอกาสแล้วสิ”
“ใช่ เซียวเหยา พวกเราค่อยๆพัฒนาไปดีกว่านะ ทำไมต้องไปยั่วโมโหโหวจวี๋ล่ะ”
“ถูกต้อง ถ้าเกิดโหวจวี๋เอาคืน เราจะได้ไม่คุ้มเสียนะ”
หลิ่วจาวเฟิงพูดตามขึ้นมา “พี่สอง พี่ทำแบบนี้ไม่ประมาทเกินไปเหรอ ถ้าหวังโหลวไปเล่าให้ไป๋ยี่เฟยฟังจะทำยังไง จริงๆโหวจวี๋ก็ไม่ได้คิดจะแตะต้องเรา ถ้ารู้เรื่องนี้ เขาต้องจัดการเราแน่”
หลิ่วเซียวเหยาไม่เพียงไม่สนใจคำตักเตือนคำตำหนิจากทุกคน แต่กลับมีความมั่นใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
หลิ่วหลงเห็นเช่นนั้นจึงถามว่า “แกมั่นใจเหรอ”
“พ่อวางใจเถอะครับ ”ผมเอาชนะโหวจวี๋กรุ๊ปได้แน่ๆ เขาตอบอย่างมั่นใจ
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็มองเขาอย่างสงสัย เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่
หลิ่วเซียวเหยาเห็นอย่างนั้นจึงพูดว่า “ทุกคนคิดดูนะ ถึงยังไงสองคนนั้นก็เป็นเพื่อนรักกัน หากตอนนั้นตอบตกลงกับผมทันที นี่สิถึงจะมีปัญหา”
เมื่อพูดจบ ทุกคนครุ่นคิดครู่นึง ก็รู้สึกมีเหตุผล
ผู้หญิงที่ตัวเองชอบถูกผู้ชายคนอื่นแย่งไป หวังโหลวยังจะทนได้อีกเหรอ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน แต่คริสตัลกรุ๊ปกลับซื้อนิวซีกรุ๊ปตัดหน้าโหวจวี๋กรุ๊ป ถ้ายังเป็นเพื่อนรักกันได้ ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
ตามคำทำนาย
ไม่นานหลังจากการสนทนาในห้องประชุม เสียงโทรศัพท์ของหลิ่วเซียวเหยาก็ดังขึ้น
หลิ่วเซียวเหยาเห็นว่าเป็นสายจากหวังโหลว จึงส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ จากนั้นก็รับสายและเปิดลำโพง
“พี่หวัง โทรหาผมมีธุระอะไรไหม”
“คืนนี้ว่างไหม มากินข้าวด้วยกันหน่อย”หวังโหลวพูดเชิงอยากขอโทษ“เมื่อกี้ผมอารมณ์ฉุนเฉียวไปหน่อย อยากขอโทษคุณ”
หลิ่วเซียวเหยาหัวเราะขึ้น “ว่างแน่นอน กับพี่หวังแล้วผมว่างเสมอ”
สองคนนัดแนะเวลาและสถานที่เสร็จ ก็วางสายไป
ตอนนี้เอง หลิ่วจาวเฟิงพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่สอง พี่เจ๋งจริงๆ”
“ผมทำงานรอบคอบเสมอ คราวนี้พวกคุณรอดูก็แล้วกัน โหวจวี๋กรุ๊ปจะดีใจได้ไม่นานแล้ว” หลิ่วเซียวเหยาหัวเราะเยาะ
หลิ่วหลงเห็นลูกชายของตนเก่งขนาดนี้ จึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ที่โรงพยาบาล ในที่สุดหลงหลิงหลิงก็กลับไป เหลือแค่ไป๋ยี่เฟยคนเดียวให้ห้องผู้ป่วย
ไป๋ยี่เฟยที่นอนอยู่บนเตียง ไม่สามารถหยุดความคิดที่ลอยไปได้ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง เขาก็อดเสียดายไม่ได้
ทันใดนั้น หลี่เสว่ก็โทรเข้ามาพอดี