ไป๋ยี่เฟยและเหลียนยินยืนรับลมทะเลอยู่บนดาดฟ้าด้วยกัน
เหลียนยินมองทะเลที่กว้างใหญ่ เห็นว่าระยะห่างจากหนานเหมินยิ่งใกล้มากขึ้นแล้ว เขาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“จะถึงบ้านแล้ว ดีใจมากเลยสินะ?” ไป๋ยี่เฟยถามยิ้มๆ
เหลียนยินพยักหน้า “ใช่”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ว่าหยิบบุหรี่หนึ่งมวนออกมา จุดไฟ ค่อยๆสูบอย่างช้าๆ
เหลียนยินมองเขา สักครู่ใหญ่ถึงเอ่ยว่า “ฟ้าสว่างก็จะถึงแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่พยักหน้า ไม่ได้เอ่ยคำ
ต่อจากนั้น เหลียนยินเอ่ยถาม “ตอนนี้ลงมือไหม?”
ไป๋ยี่เฟยก้มหน้าลงมองนาฬิกาของตนเอง “รอฉันสูบบุหรี่มวนนี้เสร็จ”
“ได้” เหลียนยินพยักหน้า ดูเหมือนตื่นเต้นเล็กน้อย “เช่นนั้นตอนนี้ฉันไปพาต๋านีมา”
ไป๋ยี่เฟยก็พยักหน้าเล็กน้อยเอ่ยว่า “ระวังด้วย”
เหลียนยินหมุนกายเดินไปทางห้องโดยสารเรือ
หลังจากไป๋ยี่เฟยสูบบุหรี่เสร็จ ก็โยนก้นบุหรี่ในมือทิ้งไปในทะเล จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องโดยสารเรือแล้ว แต่ว่าเขาไม่ได้เดินขึ้นไปด้านบนแต่กลับเดินไปด้านล่าง มาถึงที่โกดัง
แต่ทว่าเขาเดินไปรอบหนึ่งก็หันกลับ ก็เดินไปทางชั้นสามช้าๆ
ตอนนี้ตีสองแล้ว ทุกคนต่างหลับไปหมดแล้ว
เรือสำราญทั้งลำเต็มไปด้วยผู้คนจากหนานเหมิน ดังนั้นจีซือจึงไม่ได้จัดคนให้มาเฝ้าที่ด้านนอก
ไป๋ยี่เฟยผ่อนคลายลงมาก เขามาถึงด้านนอกห้องจีซือแล้ว
เขาในเวลานี้สวมหน้ากากอันหนึ่งไว้บนใบหน้า นับเป็นการปลอมตัวอีกครั้ง
เพราะว่าตอนเวลาอาหารเย็นเขาแอบไปที่ห้องครัว ใส่ยานอนหลับเล็กน้อยลงไปอาหาร
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงเปิดประตูห้องของจีซือโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
แต่ว่าที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ ประตูกลับไม่ได้ล็อก แค่ผลักก็เปิดออกแล้ว
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้ไม่สนใจอะไรมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงผลักประตูเปิดออกเดินเข้าไป
หลังจากตอนที่เขาเข้าไปแล้ว ก็ถูกฉากตรงหน้านี้ทำให้ตกตะลึงค้างอยู่ที่เดิมทันที
ไฟในห้องนั้นไม่ได้ปิด ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง สถานการณ์ในห้องชัดเจนอย่างมาก
พื้นในห้องเต็มไปด้วยเลือด ในอากาศก็มีกลิ่นคาวเลือดรุนแรง
ส่วนจีซือเจ้าของห้อง ดวงตาทั้งคู่ของเขาเบิกกว้างจ้องมาที่ไป๋ยี่เฟย เพราะว่านี่เป็นเพียงแค่หัวของเขา
ส่วนร่างกายของเขานอนหงายอยู่บนเตียง เลือดจากคอของเขาย้อมผ้าปูเตียงเป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่ง
ศีรษะถูกวางตั้งตรงไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
นอกจากจีซือแล้วยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในขบวนรับเจ้าสาวและก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งของฉุงลี่ซือ
แต่ว่าตอนนี้เธอนอนเปลือยกายอยู่บนพื้น ส่วนศีรษะและร่างกายของเธอก็แยกออกจากกัน
มองเห็นฉากนี้ ในสมองของไป๋ยี่เฟยมีเสียงอื้ออึงขึ้นมาเสียงหนึ่ง ราวกับถูกระเบิดออกเช่นนั้น
ในตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยคิดได้ทันทีว่ามีคนต้องการให้ร้ายเขา!
ดังนั้นเขาไม่กล้าค้างอยู่นาน เขารีบวิ่งไปที่ข้างเตียงหาโทรศัพท์ของจีซือ หยิบขึ้นมาแล้วพุ่งออกไป
จนกระทั่งเขาพุ่งไปถึงบนดาดฟ้า ได้กลิ่นเค็มของลมทะเลอีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดที่ติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขาก็ค่อยๆจางหายไป
แต่ว่าต่อจากนั้น เขาเหมือนกับได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ในเวลานี้เอง ไป๋ยี่เฟยไม่มีเวลาให้คิดมาก ก็พุ่งออกไปทันที
ที่ดาดฟ้าอีกด้านหนึ่ง ต๋านีเอนพิงราวบันได กุมหน้าอกอย่างเจ็บปวด จ้องเขม็งคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาอย่างแค้นเคืองไม่ยินยอม
คนผู้นี้ก็คือเหลียนยิน และในมือของเขาก็ถืออาวุธประเภทหนึ่งอยู่ ก็คือสิ่งที่ทำขึ้นมาจากแผ่นเหล็กนับไม่ถ้วน แต่ว่าสุดท้ายรูปร่างที่สร้างออกมากลับเป็นรูปร่างพู่กันด้ามหนึ่ง
เขาถือพู่กันชี้ตรงไปที่หว่างคิ้วของต๋านี
ไป๋ยี่เฟยเห็นฉากนี้เข้า ก็ตะโกนเสียงดังทันที “รีบหยุดมือ!”
เหลียนยินและต๋านีต่างชะงักไปเล็กน้อย
แต่ว่านาทีต่อมา พู่กันเล่มนั้นในมือของเหลียนยินก็แทงเข้าไปกลางหว่างคิ้วของต๋านี
“อ๊าก!”
ดวงตาทั้งคู่ของต๋านีเบิกกว้าง ก็ตายไปทั้งแบบนี้
ไป๋ยี่เฟยวิ่งเข้ามา เพิ่งจะเห็นฉากนี้เข้าพอดี ก็ชะงักค้างทันที
เวลานี้ เหลียนยินดึงมือกลับมา หันศีรษะมา ท่าทีเพิ่งตระหนักถึงการมาถึงของไป๋ยี่เฟย “นายมาได้ยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยมองต๋านีที่ตายไปแล้ว จากนั้นก็มองเหลียนยิน สุดท้ายยิ้มแห้งๆเอ่ยว่า “เกิดเรื่องแล้ว”
“เรื่องอะไร?” เหลียนยินถามทันที
ไป๋ยี่เฟยคิดถึงภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ ทั่วร่างก็รู้สึกหวาดกลัว “จีซือตายแล้ว”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เหลียนยินขมวดคิ้วขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้าเอ่ย “ฉันก็ไม่รู้ ตอนที่ฉันไปเขาก็ตายแล้ว”
“แต่ว่า ฉันพบว่าในห้องของเขามีกล้องวงจรปิด กำลังคิดจะไปห้องควบคุมเพื่อดู ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบนดาดฟ้า ก็ลงมาแล้ว”
เหลียนยินเห็นสถานการณ์นี้ก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ฉันไปดูหน่อย”
หลังจากเอ่ยจบ เหลียนยินก็หมุนกายไปที่ห้องโดยสารเรือ
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ก็ตามขึ้นไป เพียงแค่ตอนที่เดินมาถึงชั้นสอง เขาพลันเอ่ยว่า “นายไปก่อน ฉันไปจัดการศพของต๋านีสักหน่อย”
“อืม” เหลียนยินไม่ได้หันหน้ากลับไป เดินต่อไปชั้นบน
ไป๋ยี่เฟยรอจนหลังจากเหลียนยินขึ้นไปบนชั้นสามแล้ว เขาก็ไปที่ห้องของฉุงลี่ซือบนชั้นสองอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ไปที่ดาดฟ้า
ในเวลานี้ เขาก็ไม่มีเวลาไปเคาะประตูแล้ว เขาก็ใช้มือบิดที่ล็อกประตูจนหักไป จากนั้นผลักประตูเดินเข้าไป
ในเวลานี้ ฉุงลี่ซือยังคงหลับใหลอยู่
บางทีอาจจะเป็นเพราะไป๋ยี่เฟยวางยานอนหลับลงในอาหาร ดังนั้นหลังจากเขาเข้าไปแล้ว ก็ไม่ได้ปลุกให้ฉุงลี่ซือตื่นขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยตอนนี้ไม่สามารถคิดอะไรได้มากมายแล้ว เขาดึงผ้าห่มติดมือมาผืนหนึ่งคลุมลงบนร่างของฉุงลี่ซือ ห่อเธอเอาไว้ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมา
ผลก็คือเพราะเหตุนี้ จึงทำให้ฉุงลี่ซือตื่นขึ้นมาแล้ว
ฉุงลี่ซือร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว “อ๊า!”
ไป๋ยี่เฟยตกใจ รีบร้องเสียงเบาว่า “หุบปากนะ!”
“ถ้าอยากมีชีวิตรอดก็ตามฉันไปดีๆ!”
ฉุงลี่ซือแรกเริ่มชะงักไปเล็กน้อย หลังจากมีสติรู้ว่าเขาเป็นใครแล้ว ก็รีบเอามือปิดปากของตนเองเอาไว้ทันที
ไป๋ยี่เฟยก็อุ้มฉุงลี่ซือออกไปจากชั้นสองด้วยความรวดเร็ว มาจนถึงบนดาดฟ้า
เพียงแค่เขาเพิ่งจะมาถึงบนดาดฟ้า ด้านหลังก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“พี่ไป๋ รีบร้อนขนาดนี้ จะไปไหนหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยในใจหนาวเหน็บทันที หันหน้ากลับไปมอง ก็มองเห็นเหลียนยินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ อดยิ้มแหะๆขึ้นมาไม่ได้เอ่ยว่า “อย่างไรเสียจีซือก็ตายไปแล้ว เจ้าสาวของเขาไม่ใช่ว่าสามารถ….”
น้ำเสียงในคำพูดนั้นมาอย่างคลุมเครือ
อย่างไรก็ตามเหลียนยินเพียงแค่พยักหน้าเอ่ยว่า “สามารถเข้าใจได้ แต่ว่าคืนนี้นี้กลับไปในห้องโดยสารจะดีกว่า ด้านนอกหนาวมากนะ”
“กลัวอะไร อย่างไรก็แค่ความสนุก” ไป๋ยี่เฟยตอบยิ้มๆ
แต่ในตอนนี้ เหลียนยินกลับส่ายหน้าน้อยๆ เอ่ยว่า “แต่ว่า ในห้องไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มไม่ออกทันที
เหลียนยินมองเขาแล้วพูดว่า “พวกเราดีร้ายอย่างไรก็เป็นพวกเดียวกันสินะ?”
ไป๋ยี่เฟยมองเขาไม่ได้เอ่ยคำ เพียงแค่ไม่นาน เขาก็ยิ้มแล้ว
“ตอนนั้นหลังจากนายพูดกับฉันถึงเงื่อนไขของนายกับหยุนอิงแล้ว ยังพูดอีกว่าเป็นเพราะเธอดูไปแล้วจริงใจอย่างมากถึงได้เชื่อเธอ ฉันรู้สึกว่านายในตอนนั้นช่างไร้เดียงสานัก แต่ว่าตอนนี้ดูไปแล้ว ที่ไร้เดียงสานั้นอาจจะเป็นฉัน”
“หมายความว่าอะไร?” เหลียนยินดูเหมือนแปลกใจเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยจ้องเขาแล้วหัวเราะเสียงหนึ่ง เอ่ยว่า “คืนวันนั้นฉันบอกว่าฉันเกือบถูกต๋านีมองออก เป็นเพราะโทรศัพท์หาคุณชายรองถึงได้พ้นภัยนั้นมาได้”
“แต่ว่านายดูราวกับว่าไม่แปลกใจว่าคุณชายรองเป็นใคร หมายความว่านายรู้แต่แรกแล้วว่าคุณชายรองก็คือหยุนอิง ในเมื่อนายรู้ว่าหยุนอิงเป็นใคร เช่นนั้นไม่มีทางเป็นเพราะว่าเธอจริงใจถึงได้เชื่อเธอ”
“อีกทั้งตอนอยู่ที่ตระกูลฉุง ฉันถูกต๋านีโจมตี เป็นนายที่ปรากฏตัวออกมาช่วยฉันไว้ ตอนนั้นก็คิดแล้ว ว่านายเป็นอิสระได้อย่างไร?”