หลังจากรอจนพวกเขาจากไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ไป๋ยี่เฟยเอาโทรศัพท์ที่ขโมยมาจากจีซือโยนทิ้งลงไปในทะเล ถ้าเกิดโทรศัพท์มีบอกตำแหน่ง ตำแหน่งของพวกเขาก็จะเปิดเผย
ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่เห็นเรือสำราญที่มีไฟพวยพุ่งออกมาจากระยะไกลเท่านั้น
ฉุงลี่ซือมองไป๋ยี่เฟย เอ่ยถามอย่างไม่สงบว่า “พวกเราตอนนี้….จะไปที่ไหน?”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำนี้ มองดูท้องฟ้าที่มืดมิดและท้องทะเล ชั่วขณะหนึ่งเขาก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไป๋ยี่เฟยยิ้มขมเอ่ยว่า “มีชีวิตให้รอดก่อนค่อยพูดเถอะ”
ฉุงลี่ซือได้ยินคำพูดนี้ในใจก็ยิ่งไม่สงบแล้ว สีหน้าก็ซีดขาวเพิ่มขึ้น
เธอมองไป๋ยี่เฟยอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง สุดท้ายเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจว่า “นายคือไป๋ยี่เฟย?”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรแล้ว ถอดหน้ากากบนใบกน้าตนเองออก
เห็นใบหน้าของไป๋ยี่เฟย ทั้งตัวของฉุงลี่ซือก็เหม่อลอยไปแล้ว
ใบหน้าของไป๋ยี่เฟยไม่อาจพูดได้ว่าหล่อเหลามากมาย แต่อย่างน้อยก็ดูดี อีกทั้งยิ่งมองยิ่งมีเสน่ห์ประเภทนั้น อย่างน้อยสำหรับตอนนี้ ฉุงลี่ซือก็มองอย่างสบายใจ
ส่วนไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ กับตอนที่ฉุงลี่หย่าบอกกับเธอว่าน่าเกลียดอย่างมากเทียบไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ฉุงลี่ซือรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ตามมาด้วยร่องรอยความเขินอายสายหนึ่ง
เธอไม่ค่อยกล้าไปมองไป๋ยี่เฟย ดังนั้นจึงก้มหน้าต่ำเอ่ยว่า “งั้นพวกเราตอนนี้….”ไป๋ยี่เฟยเอ่ยราบเรียบ “พักผ่อนก่อนสักครู่ รอฟ้าสว่างแล้ว พวกเราค่อยคิดว่าจะทำอย่างไร?”
ฉุงลี่ซือร้องอ้อคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็คิดถึงปัญหาหนึ่งออก “ก่อนหน้านี้ นายคิดว่าเป็นฉัน….”
คำพูดของเธอยังพูดไม่จบ ไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจความหมายของเธอแล้ว น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยตัดบทเธอ “บนเรือสำราญ ดีร้ายอย่างไรพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมชาติกัน ถึงจะไม่ใช่เธอ ฉันก็จะทำแบบนั้น”
“อีกทั้ง….เริ่มตั้งแต่ที่ทั้งสองตระกูลร่วมมือต้องการให้พวกเราแต่งงานกัน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพวกเขาวางแผนไว้ทั้งหมด ละครฉากหนึ่งที่วางแผนมาอย่างดีแล้ว”
“หมายความว่ายังไง?” ฉุงลี่ซือถามอย่างไม่เข้าใจ
ในใจของฉุงลี่ซือสับสนขึ้นมาเล็กน้อย และผิดหวังอย่างมากในเวลาเดียวกัน
ทำไมเรื่องทั้งหมดนี้ถึงเป็นละครฉากหนึ่ง?
ทำไมถึงเป็นเรื่องหลอกลวง?
ทำไมถึงชอบฉันไม่ได้?
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ความคิดทั้งหมดในใจของฉุงลี่ซือ และไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาเพียงแค่เอาการคาดเดาของเขาทั้งหมดบอกกับฉุงลี่ซือ
ไม่เพียงเท่านี้ เพื่อให้เธอเข้าใจสาเหตุและผลที่ตามมาของเรื่องนี้ได้ดีขึ้น เอาเรื่องเกี่ยวกับเหลียงหมิงเยว่และสี่ตระกูลใหญ่ก่อนหน้านี้ และเรื่องหลันเต่ากับหนานเหมินทั้งหมดเล่าให้ฉุงลี่ซือฟัง
ก็พอดีเลย ในท้องทะเลกว้างใหญ่ เอามาใช้ฆ่าเวลาได้
ฉุงลี่ซือฟังไป๋ยี่เฟยบรรยายจนจบ รู้สึกเหมือนได้ฟังเรื่องเล่าของวีรบุรุษอีกครั้ง เธอเข้าใจในอดีตของเขา ใจในก็มีคลื่นโหมซัดสาด
“นายยอดเยี่ยมมาก!” นี่คือการชื่นชมออกมาจากใจของฉุงลี่ซือ
ไป๋ยี่เฟยกลับยิ้มขมขื่น “หวังว่าเขาสามารถทำให้เธอตกใจได้”
เนิ่นนานก่อนหน้าที่เขาจะลงมือ เขาก็ส่งข้อความหาซินชิวล่วงหน้า บอกเขาว่าตนเองทางด้านนี้เกิดเรื่อง หยุนอิงอาจจะลงมือกับภรรยาและลูกชายของเขา ดังนั้นให้เขาคิดวิธีขู่ให้หยุนอิงกลัว ดีที่สุดให้หยุนอิงล้มเลิกความคิดที่จะลงมือ
หยุดพักชั่วครู่ ไป๋ยี่เฟยก็พูดอีก “ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไกลเกินไป นั่งเรือชูชีพกลับไปนั้นไม่มีทางแน่นอน”
“แต่ว่าที่นี่ใกล้กับหนานเหมินมาก พวกเราไปหนานเหมินก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดวิธีกลับไป”
ฉุงลี่ซือพยักหน้า เธอรู้สึกว่าขอเพียงไม่แต่งให้จีซือ อะไรก็ล้วนดี
ไป๋ยี่เฟยมองท่าทางของฉุงลี่ซือ เสริมขึ้นมาอีกประโยค “ฟ้าใกล้สว่างแล้ว เธอทนอีกหน่อย”
“อืม” ฉุงลี่ซือพยักหน้าอีกครั้ง เธอไม่อยากแสดงออกว่าอ่อนแอมาก
ตอนนี้ออกจากระยะของเรือสำราญแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงสตาร์ทเครื่องยนต์ ขับไปยังทิศทางที่เขาเคยมอง
เนื่องจากความเร็วในการใช้งานจะช้ากว่าเรือสำราญ แม้ว่าท้องฟ้าจะสว่างแล้ว พวกไป๋ยี่เฟยก็ยังมองไม่เห็นแผ่นดิน
ไป๋ยี่เฟยเกือบจะคิดว่าตนเองมาผิดทางแล้ว
ส่วนฉุงลี่ซือก็หนาวจนร่างกายสั่นสะท้าน สีหน้าซีดคล้ำ มุมปากซีดขาว
ไป๋ยี่เฟยก็ดูหมดหนทาง ท้ายที่สุดก็คิดเล็กน้อย ให้ฉุงลี่ซือนั่งอยู่ด้านหน้าของตนเอง เขานั่งอยู่ด้านหลังโอบกอดฉุงลี่ซือไว้
ถึงแม้จะมีผลเพียงเล็กน้อย แต่อย่างน้อยก็สามารถกันลมได้
ส่วนฉุงลี่ซือพอนั่งอยู่ในอ้อมกอดของไป๋ยี่เฟย ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที ในขณะเดียวกันนั้น หัวใจก็เต้นแรงมากยิ่งขึ้นแล้ว
ไป๋ยี่เฟยโอบกอดฉุงลี่ซือ ทำให้เขาอดคิดถึงหลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิง ชั่วขณะนั้นจิตใจก็สั่นสะท้าน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน น้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ก็ใกล้จะหมดแล้ว
ไป๋ยี่เฟยและฉุงลี่ซือรู้สึกถึงความสิ้นหวังสายหนึ่ง ไม่มีเครื่องยนต์แล้ว แล้วยังมองไม่เห็นฝั่ง ถ้าคิดจะพายไปเรื่อยๆ สำหรับพวกเขาแล้วแทบจะไม่มีทางเลย
แต่ทว่าก็เป็นในตอนนี้ พวกเขามองเห็นแล้ว!
เห็นแผ่นดินผืนหนึ่ง!
ไป๋ยี่เฟยและฉุงลี่ซือต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
และก็เป็นเพราะเหตุนี้ เส้นประสาทที่ตึงเครียดของฉุงลี่ซือในที่สุดก็ผ่อนคลายลง จากนั้นก็เป็นลมล้มลงไปในอ้อมแขนของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยตกใจ ตอนที่สัมผัสลงบนผิวของฉุงลี่ซือ พบว่าเย็นเฉียบถึงกระดูก
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงรีบกอดเธอไว้แน่น มือทั้งคู่ลูบแขนของเธอ คิดจะให้เธออบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่มาถึงบนชายหาดแล้ว ฉุงลี่ซือนับว่าอบอุ่นขึ้นแล้ว ต่อมาเธอลืมตาขึ้น
ตอนที่เธอเห็นว่าตนเองถูกไป๋ยี่เฟยโอบกอดลูบไล้อยู่ในอ้อมอก อย่าได้หน้าแดง
ไป๋ยี่เฟยเห็นว่าเธอตื่นแล้ว ก็ปล่อยเธอ “พวกเราถึงแล้ว”
ฉุงลี่ซือเห็นเช่นนี้ในใจก็ปรากฏแววหดหู่สายหนึ่ง หลังจากนั้นก็ปรับกลับมาเป็นปกติ เพราะว่าในที่สุดพวกเขาก็มาถึงฝั่ง
แต่ว่าตอนเช้าตรู่ ไป๋ยี่เฟยพาคนไป พาไปอย่างรีบร้อน ไม่พูดว่าฉุงลี่ซือยังสวมชุดนอนอยู่ แม้แต่รองเท้าก็ไม่ได้สวม
ดังนั้นมาถึงบนชายหาดแล้ว ไป๋ยี่เฟยนั้นแบกฉุงลี่ซือเดินไป
ฉุงลี่ซือเกรงใจเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา “วางฉันลงดีกว่านะ?”
อย่างไรเธอก็สวมชุดบางเบา ขณะที่ไป๋ยี่เฟยเคลื่อนไหวก็เสียดสีอยู่บนร่างของเขา ทำให้ฉุงลี่ซือเขินอายอย่างมาก
ไป๋ยี่เฟยหลับเอ่ยว่า “บนพื้นมีแต่ก้อนหิน เธอก็ไม่ได้สวมรองเท้า จะเดินยังไง?”
ฉุงลี่ซือไม่พูดอะไรอีกทันที
สถานที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นป่าฝนเขตร้อนที่ไร้ผู้คน ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในป่า
ไป๋ยี่เฟยเดาว่าที่นี่น่าจะมีหมู่บ้านที่อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเล ดังนั้นเขาจึงเดินตรงเข้าไปในป่า
แต่ว่าหลังจากเดินมาได้สองชั่วโมง ก็ยังไม่มีร่องรอยการดำรงอยู่ของผู้คน
และก็เป็นในตอนนี้ ท้องของฉุงลี่ซือส่งเสียงออกมา
ฉุงลี่ซืออดไม่ไหวขัดเขินจนก้มหน้าลง
ไป๋ยี่เฟยหยุดลง จากนั้นมองรอบด้าน หาที่ว่างแห่งหนึ่ง เอาฉุงลี่ซือวางลง “เธอรออยู่ที่นี่ ฉันไปหาของกินสักเล็กน้อย”
เห็นว่าไป๋ยี่เฟยจะจากไป ฉุงลี่ซือก็เอื้อมมือออกไปคว้าเสื้อผ้าของไป๋ยี่เฟยโดยไม่รู้ตัว “อย่า! ฉันกลัว!”
ไป๋ยี่เฟยมองเธออย่างจนปัญญา
เขาทำได้เพียงมองไปรอบๆ พบว่าห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร มีผลไม้สีเขียวจำนวนหนึ่งห้อยอยู่บนต้นไม้
ไป๋ยี่เฟยก็ชี้ไปเอ่ยว่า “ฉันจะไปเก็บผลไม้”
ฉุงลี่ซือมองดู เป็นที่ที่เธอมองเห็นได้ ถึงได้ปล่อยไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไป ไม่กี่ครั้งก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้
เขาเก็บผลไม้ที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาลวกๆ หยิบขึ้นมาดูเล็กน้อย แล้วใช้แรงทุบออก พบว่านอกจากผลไม้นี้จะรูปร่างน่าเกลียดแล้ว ยังมีกลิ่นเหม็นโชยออกมาด้วย
ดูไปแล้วผลไม้นี้กินไม่ได้แล้ว ไป๋ยี่เฟยโยนทิ้งไปส่งๆ
แต่ก็เป็นในตอนนี้ พลันมีเสียง“แซ่กๆ”ดังออกมา
ไป๋ยี่เฟยหันไปมองโดยไม่รู้ตัว ผลคือชะงักค้างไปแล้ว
เพราะว่าจากมุมของเขา เห็นฉุงลี่ซือที่นั่งอยู่ตรงหน้าพอดี ส่วนเท้าของฉุงลี่ซือนั้นโค้งขึ้น เธอยังสวมชุดนอนอีก ดังนั้นเขาจึงเห็นต้นขาขาวผ่อง ยังมีกางเกงชั้นในสีชมพูของฉุงลี่ซือ
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็เพียงแค่ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็มองไปด้านหลังของฉุงลี่ซือ
ด้านหลังของฉุงลี่ซือเป็นพุ่มไม้ และพุ่มไม้ในตอนนี้ก็กำลังสั่นไหวอย่างแรง
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตะโกนโดยไม่รู้ตัว “รีบหลบไป!”
หลังจากฉุงลี่ซือได้ยินเสียงกลับตกใจครั้งหนึ่ง มองไปที่ไป๋ยี่เฟยตามสัญชาตญาณ กลับไม่ได้หลบไปอย่างเชื่อฟัง