ไป๋ยี่เฟยมองบน:”นี่ เธอไม่ได้ใส่เสื้อเอง ไม่รู้ตัวหน่อยเหรอ?หรือว่าเธออยากจะโป๊ตลอด?”
“ฉัน!ฉันเปล่านะ!”ฉุงลี่ซือหน้าแดงมาก
ไป๋ยี่เฟยขี้เกียจสนใจเธอ แต่ไปที่ลานกว้างแล้วเคาะประตู:”มีใครอยู่ไหมครับ?”
ตอนนี้ฟ้ามืดสนิทแล้ว และทุกบ้านในหมู่บ้านก็ไม่เปิดไฟ คงจะหลับกันหมดแล้ว
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยเคาะประตู ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาเพิ่มเสียงตะโกนว่า:”มีใครอยู่ไหมครับ?”
ในที่สุด เสียงของเขาก็ปลุกเจ้าของที่หลับอยู่ และไฟในห้องก็เปิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราที่คลุมเสื้อผ้าไวค่อยๆ เปิดประตู และเขาถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า:”ใครน่ะ?”
เมื่อชายชราออกมาแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็มองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน ใบหน้าของเขามีรอยย่น ผมของเขาขาวโพลน น่าจะอายุเจ็ดสิบได้
ไป๋ยี่เฟยพูดหน้านิ่ง:”คุณตา เรามาจากแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือ เรือสินค้าของเราพบปัญหาบนทะเล กว่าจะหนีขึ้นฝั่งได้ เห็นว่ามีคนอยู่ที่นี่ จึงอยากมาขอค้างคืนที่นี่ครับ”
ฉุงลี่ซือเหลือบมองไป๋ยี่เฟย จากนั้นกระซิบเบาๆอยู่บนหลังเขาว่า:”ถ้าไม่ใช่ว่าฉันอยู่ ฉันคิดว่านายพูดความจริงนะเนี่ย”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจเธอ แต่มองไปที่ชายชราตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม
ชายชรามองสำรวจไป๋ยี่เฟยและฉุงลี่ซือที่อยู่หลังเขา จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า:”ขอโทษจริงๆ บ้านเราไม่มีห้องว่างแล้ว”
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ ก็พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า:”ให้เราพักสักคืนเถอะครับ คุณไม่ต้องห่วง เราไม่ใช่คนเลว ไม่อย่างนั้นผมจะให้เงินคุณก็ได้”
“พ่อหนุ่ม บ้านเราไม่มีห้องว่างจริงๆ และในที่ยากจนแบบนี้ ถึงมีเงินก็ไม่มีประโยชน์”ชายชราส่ายหัวอีกครั้ง
แม้ว่าเงินที่นี่และเงินแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือจะใช้ร่วมกันได้ แต่ในที่ห่างไกลแบบนี้ ไม่มีธนาคารใดที่สามารถแลกเปลี่ยนเงินได้ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์เลย
ไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงเรื่องนี้ทันที ดังนั้นเขาจึงหยิบใบไม้สีทองออกมาจากกระเป๋าของเขา:”แล้วอันนี้ล่ะ นี่คงจะได้นะ?”
สิ่งที่ไป๋ยี่เฟยไม่ขาดแคลนคือเงินและทอง และเมื่อเขาออกจากบ้าน เขามักจะพกทองคำติดตัวไปด้วย เผื่อฉุกเฉิน
หลังจากที่ชายชราหยิบใบไม้สีทองมา เขาก็มองดูอย่างละเอียด และใช้ฟันกัด จากนั้นชายชราก็หลีกทาง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า:”งั้นเข้ามาสิ เบียดกันหน่อยก็ได้”
เดิมทีมีการติดต่อทางธุรกิจระหว่างหนานเหมินกับแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือ และแน่นอนว่ามีชาวจีนจำนวนมากที่ปรากฏตัวในหนานเหมิน ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่ปฏิเสธชาวจีน
ไป๋ยี่เฟยและฉุงลี่ซือเข้ามา
จากนั้นชายชราก็จัดห้องให้พวกเขาห้องหนึ่ง ในห้องมีแค่เตียงเดียว
และห้องนี้มีขนาดเล็กมาก เล็กจนสามารถวางได้เฉพาะเตียงและทางเดินแคบๆ เท่านั้น
ไป๋ยี่เฟยใช้ใบไม้ทองคำอีกแผ่นแลกกับเสื้อผ้าผู้หญิง แต่ห้องเล็กขนาดนี้ จะนอนได้อย่างไร?
ไป๋ยี่เฟยและฉุงลี่ซือมองหน้ากัน เงียบไม่พูดอะไร
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ฉุงลี่ซือก็พูดกับว่าไป๋ยี่เฟย:”ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า นายออกไปก่อน”
ไป๋ยี่เฟยออกจากห้องอย่างรู้ตัว
หลังจากที่ฉุงลี่ซือเปลี่ยนเสื้อเสร็จ เขาก็กลับไปอีกครั้ง
มีเพียงสองคนที่ยืนมองหน้ากันในห้อง
เตียงเดียวแถวยังเล็กอีก ไม่มีทางปูที่นอนลงพื้น แล้วจะนอนยังไง?
จู่ๆฉุงลี่ซือก็นึกอะไรออก ยิ้มพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า:”นอนด้วยกันเถอะ ยังไงก็มีแค่เตียงเดียว หลังจากที่เราหลับไปแล้ว นายจะต้องรับผิดชอบฉัน”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนี้ก็กลอกตา จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนบนเตียง หลับตาลง แล้วพูดว่า:”ไม่ต้อง เธอไปนอนที่ลานบ้านซะ”
“นาย!”ฉุงลี่ซือเบิกตากว้าง และชี้ไป๋ยี่เฟย แต่ไป๋ยี่เฟยหลับตาไปแล้ว
ฉุงลี่ซือจ้องไป๋ยี่เฟยเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง และตนไม่อยากไปนอนที่ลานบ้านจริงๆ ได้แค่ทำตาม
เธอทำได้เพียงค่อยๆ นอนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง เตียงเล็กมาก หลังจากที่เธอนอนลง แค่ขยับนิดหน่อย ก็โดนไป๋ยี่เฟยได้เลย
ฉุงลี่ซือรู้สึกประหม่ามาก ดูเหมือนเธออยากจะพูดอะไร แต่เธอเคยได้ยินเสียงไป๋ยี่เฟยที่ผล็อยหลับไปแล้ว
ดังนั้นฉุงลี่ซือจะพูดก็ต้องกลืนลงไป และมองไปที่ผู้ชายของตนที่หันหลังให้เธอ รู้สึกถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอนอนกับผู้ชาย
……
ตอนเช้า เมื่อฉุงลี่ซือตื่นขึ้น เธอพบว่าเธออยู่ในห้องคนเดียว
ฉุงลี่ซือนั่งบนเตียงและคิดเรื่องที่เธอนอนเตียงเดียวกับผู้ชายเมื่อคืนนี้ และหลังจากไม่เห็นอะไรผิดปกติก็ออกจากห้องไป
ในลานบ้านมีโต๊ะเล็กๆตั้งอยู่ โดยมีคนสามคนนั่งอยู่ นอกจากไป๋ยี่เฟยและชายชราเมื่อคืนนี้ ยังมีหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งด้วย
หลังจากเห็นฉุงลี่ซือ ชายชราก็เรียกฉุงลี่ซือมารับประทานอาหารเช้า
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจฉุงลี่ซือมากนัก แต่ถามคำถามมากมายในระหว่างอาหารเช้า ทำความเข้าใจที่นี่เล็กน้อย
หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ บนชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของหนานเหมิน ห่างไกลจากใจกลางเมืองมาก
พวกเขาตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และอาศัยอยู่โดยการปลูกไม้ผล แต่ว่า เนื่องจากพวกเขาไม่มีเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ผลผลิตจึงไม่ดี ดังนั้นคนหนุ่มสาวและวัยกลางคนในหมู่บ้านจึงไปทำงานในเมือง
ชายชราที่รับพวกเขาเข้ามาเรียกว่าสือหลู่ เขามีลูกชายและลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายไปทำงาน และลูกสาวก็คือหญิงแปลกหน้าที่อยู่กับเขา ชื่อสือหยุน
สือหยุนอายุ 21 ปี ยังเด็กมาก และหน้าตาธรรมดา สือหลู่บอกว่า ช่วงนี้คนในหมู่บ้านมักมาขอแต่งงาน แต่เขาไม่ชอบเลยสักคน
เพราะคนเหล่านี้ที่มาขอแต่งงานไม่มีพลังระดับสามด้วยซ้ำ สือหยุนไม่ชอบเลยสักคน
ในเมืองหนานเหมิน ฝึกศิลปะการป้องกันตัวแทบจะทุกคน เช่นเดียวกับทุกคนในประเทศจีนที่ต้องไปโรงเรียน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ความแข็งแกร่งโดยรวมของหนานเหมินจะแข็งแกร่งกว่าของจีน
หลังทานอาหารเช้า ไป๋ยี่เฟยถามว่า:”คุณตา ส่งผมเข้าเมืองหน่อยได้ไหมครับ?”
สือหลู่ได้ยินเช่นนี้ก็พูดอย่างลำบากใจว่า:”จากที่นี่เข้าเมืองมันไกลมาก ทางก็ไม่ดี ฉันเห็นสีหน้าภรรยาคุณไม่ค่อยดี อาจจะทนไม่ไหว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็รีบส่ายหัวและพูดว่า:”ผมเข้าเมืองคนเดียว และเธอไม่ใช่ภรรยาของผม เป็นแค่เพื่อนธรรมดาครับ”
“ผมจะให้เงินคุณ ให้เธออาศัยอยู่ในบ้านของคุณชั่วคราว เงินนั้นรวมค่าที่พักและค่ากินอยู่ของเธอ นอกจากนี้ ค่าเดินทางที่พาผมเข้าเมือง ผมจะจ่ายให้ด้วย”
แต่ว่า ความสนใจของสือหลู่ต่างออกไป เขาพูดอย่างประหลาดใจว่า:”เธอไม่ใช่ภรรยาของคุณเหรอ?”
“ไม่ใช่”ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว
ฉุงลี่ซือจ้องไป๋ยี่เฟยอย่างไม่ยอม
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ:”เธอไม่ใช่ และผม…..”
เมื่อไป๋ยี่เฟยกำลังจะบอกว่าตนมีภรรยา สือหลู่กลับพูดแทรกเขา และพูดอย่างดีใจมากว่า:”งั้นดีมากเลย!”
“หา?”ไป๋ยี่เฟยงง
ลูกสาวของสือหลู่ สือหยุนกำลังล้างจาน เขาชี้ไปที่สือหยุนแล้วพูดว่า:”ดูสิ ลูกสาวของฉันเป็นยังไงบ้าง ลูกสาวของฉันยังไม่มีแฟนพอดีเลย”
ไป๋ยี่เฟยตกตะลึงในทันที
นี่คือสิ่งที่สือหลู่คิด แม้ว่าผู้คนในภาคเหนือจะไม่ค่อยใส่ใจกับค่าของกำลัง แต่ทางนั้นสภาพความเป็นอยู่ดี และตราบใดที่มีเงิน พวกเขาก็สามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้อยู่แล้ว
ตั้งแต่เมื่อคืนถึงเช้า ไป๋ยี่เฟยเป็นคนใจกว้างมาก และไม่สนใจทองเล็กๆ น้อยๆ นั้นเลย เขาน่าจะเป็นคนประเภทที่ร่ำรวยมาก ดังนั้น หลังจากที่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้เป็นแฟนกับสาวสวยคนนั้น เขาจึงอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา
แต่ว่า เขาก็ถูกต่อต้านทันทีที่เขาพูดจบ และก็เป็นทั้งฉุงลี่ซือ และสือหยุน ที่คัดค้านในเวลาเดียวกัน
“ไม่ได้!”
“ฉันไม่ตกลง!”
เดิมไป๋ยี่เฟยอยากจะบอกว่าเขามีภรรยาและลูก แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูด อีกฝ่ายไม่เต็มใจ จะพูดอะไรอีกล่ะ?
สือหยุนหันหน้าเหลือบมองฉุงลี่ซือ ยังไงซะฉุงลี่ซือก็ไม่ใช่ภรรยาของไป๋ยี่เฟย แล้วทำไมเธอถึงคัดค้าน?
ไป๋ยี่เฟยถูกมองจนรู้สึกอึดอัด และกำลังจะอธิบาย แต่สือหยุนที่อยู่ข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:”ฉันไม่ชอบคนกาก!”
ไป๋ยี่เฟย: “……”
ฉุงลี่ซือ: “……”
ไป๋ยี่เฟยและฉุงลี่ซือไม่รู้ว่าจะใช้สีหน้าใดมาอธิบายความรู้สึกของตัวเอง
สือหยุนไม่ได้สนใจมันมากนัก สายตาที่มองไป๋ยี่เฟยดูรังเกียจมาก:”พ่อ เรื่องแต่งงานของหนูพ่อไม่ต้องมายุ่ง ยังไงหนูก็ไม่แต่งกับคนอ่อน!”