บทที่ 155 ต่อไปช่วยเรียนว่าประธานกรรมการจางด้วย
“ที่นี่มันเป็นบริษัทของคุณคนเดียวเหรอคะ? ทำไมฉันถึงมาไม่ได้?” จางฉีโม่พูดออกมาด้วยความมั่นใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในออฟฟิศระดับสูง
“หือ? ทำตัวได้ใจไม่เบาเลยนี่?” จางเถียนไห่ทำหน้าสนุกขึ้นมา และวิจารณ์จางฉีโม่อย่างไม่ให้เกียรติ
ตอนนี้บริษัทเครื่องประดับจางซื่อนั้นมีพ่อของเขาจางหงซวนกับจางหงจูนเป็นคนบริหารอยู่ แม้แต่อูหยางที่เป็นเลขาใหญ่ของนิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่ยังถูกเตะออกไปแล้วเลย กะอิแค่จางฉีโม่ที่เล็กจ้อยนี้ยังกล้าเข้ามาอวดเบ่งอีกอย่างนั้นเหรอ?
“เธอไม่รู้รึไง ว่าตอนนี้ท่านประธานกรรมการหวางจื่อเหวินนั้นไม่ได้บริหารแล้ว เรื่องทุกอย่างในบริษัทนั้นมีพ่อกับคุณลุงเป็นคนดูแลอยู่ คราวก่อนเธอก็ถูกไล่ออกจากบริษัทไปแล้วนี่ แล้วเธอยังจะหน้าด้านกลับมาอีกทำไม? แถมยังมาทำตัวอวดเบ่งแบบนี้อีก เธอคิดจะทำอะไรมิทราบ? ตกงานแล้วอยากได้งานทำใช่มั้ย? มาขอร้องฉันสิ คุกเข่าลงมาขอร้องเลย เดี๋ยวฉันจะมอบหมายงานล้างห้องน้ำให้เธอไปทำก็ได้” จางเถียนไห่พูดไปหัวเราะไปด้วยความสะใจ
ในสายตาเขา ตอนนี้จางฉีโม่ก็แค่คนที่เข้ามารนหาที่เท่านั้น เธอเป็นคนทำให้ตัวเองต้องถูกเหยียดหยามเอง
“ถูกต้อง จางฉีโม่ เธอคิดว่าตัวเองยังเป็นรองประธานของบริษัทนี่อยู่อีกรึไง?”
“เธอมันก็ทำได้แค่พึ่งพาบารมีของอูหยางเท่านั้นแหละ ตัวเองไม่ได้มีความสามารถอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงไสหัวไปตั้งนานแล้ว ไม่กล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีกแล้ว ยังจะมีหน้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่อีก?”
พวกระดับสูงที่อยู่ข้างเดียวกับจางหงซวนเริ่มพูดจาถากถางเธอแล้ว ประชดประชันโดยที่ไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงเลยสักนิด เพียงแค่ต้องการเอาใจคนที่มีอำนาจอยู่ในบริษัทตอนนี้อย่างจางเถียนไห่เท่านั้น
จางฉีโม่จ้องไปที่คนพวกนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ พวกนี้นี่มันกิ่งก่าชัดๆ ฝั่งไหนเป็นใหญ่ก็เป็นไปอยู่ข้างนั้น
ตอนที่เธอยังเป็นรองประธานอยู่นั้น ต่างก็พากันเอาใจ พอตอนนี้จางเถียนไห่พ่อลูกขึ้นมารับตำแหน่งแทน พวกนี้ก็เปลี่ยนฝั่งไปทันที
“ไม่ได้ยินรึไง ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับเธอทั้งนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าเธอมันเป็นแค่เด็กเส้น” จางเถียนไห่พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่พอใจ “ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในออฟฟิศระดับสูงของจางซื่อกรุ๊ปแบบนี้!”
“เรียกพวกพ่อของคุณจางหงซวนกับจางหงจูนออกมา” จางฉีโม่พูดด้วยท่าทีที่จังจริงจัง
“เธอมีสิทธิ์อะไรที่มาเรียกชื่อพ่อกับลุงของฉันแบบนี้?” จางเถียนไห่พูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ “เธอเป็นบ้าเพราะตกงานแล้วเหรอ? เสียสติไปแล้วรึไง?”
“ยัยคนไม่รู้จักเจียมตัว รปภ. เข้ามาจับตัวยัยผู้หญิงน่ารำคาญที่มาก่อความวุ่นวายนี้ออกไป แล้วเอามันไปคุกเข่าที่หน้าบริษัทให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่อย่างนั้นใครๆ ก็กล้าเข้ามากร่างในจางซื่อกรุ๊ปของเราอีก!” จางเถียนไห่สั่งออกมาอย่างไม่ไว้หน้า พอเขาดีดนิ้ว ก็ได้มีรปภ.หลายคนเดินเข้ามา
ก่อนหน้านี้เข้าได้อับอายต่อหน้าจางฉีโม่ไปไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งเลียโต๊ะ ทั้งคุกเข่า โดยไม่เหลือศักดิ์ศรีของความเป็นคนเลยสักนิด วันนี้จู่ๆ จางฉีโม่ก็เข้ามาอย่างไม่เจียมตัว แล้วจะไม่ให้เขาสั่งสอนเธอได้ยังไงล่ะ?
แต่ที่น่าเสียดายคือ ไอ้เศษเดนอย่างหลินอิ่งไม่ได้มาด้วย ถ้าสองสามีภรรยาที่ไร้ค่าคู่นี้มาครบหน้ากันจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ บังคับให้พวกมันสองคนคุกเข่าลงที่หน้าบริษัท ระบายความแค้นอย่างสะใจซะหน่อย
ในระหว่างที่คิดอยู่ จางเถียนไห่ก็ได้แสดงสีหน้าที่ได้ใจออกมา วันนี้ครอบครัวของเขามีหวางจื่อเหวินคอยหนุนหลังอยู่ดูสิว่าจางฉีโม่ยังจะทำอะไรได้อีก เมื่อไม่มีอูหยางคอยช่วย ก็เป็นได้แค่มดที่จะบี้ให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้เท่านั้น
ในขณะที่พูดอยู่นั้น บอดี้การ์ดส่วนตัวหลายคนของจางเถียนไห่ก็ได้กรูกันเข้ามาอย่างน่ากลัว แล้วพุ่งไปจับตัวเจียงฉีเอาไว้
ปั๊ง
จู่ๆ ก็มีใครบางคนโผล่มา เขากวาดเท้าไป บอดี้การ์ดพวกนั้นก็กระเด็นออกไปจนหมด
“ประธานจาง คุณไม่เป็นไรนะครับ?” หลิวจุนถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง แล้วไปยืนอยู่ข้างหลังของจางฉีโม่ ทำตัวเหมือนเป็นบอดี้การ์ดให้เธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ” จางฉีโม่พยักหน้าเบาๆ
“นี่เธอ? เธอกล้าพาคนมาก่อความวุ่นวายในออฟฟิศของบริษัทอย่างนั้นเหรอ?” จางเถียนไห่พูดด้วยความโมโห พร้อมกับจ้องมาที่จางฉีโม่อย่างไม่พอใจ “พ่อครับ ลุงครับ รีบออกมาดูนี่ มีคนคิดจะต่อด้านเราครับ!”
พรึบ
เพียงครู่เดียว ก็ได้มีเลขาที่แต่ตัวเหมือนนักธุรกิจกับจางหงจูนและจางหงซวนก็ได้เดินออกมาจากห้องทำงานของประธานกรรมการอย่างหงุดหงิด
หลังจากที่สองคนนี้ได้รับการสนับสนุนจากหวางจื่อเหวินกับตระกูลจางแล้ว สองคนนี้ก็ยิ่งดูได้ใจมากขึ้นไปอีก พอได้มีสิทธิ์ให้กลับมาบริหารบริษัทเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปอีกครั้ง พวกเขาก็ดูกระชุ่มกระชวยขึ้นมาก ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกก็ต้องมีเลขากับบอดี้การ์ดคอยติดจามไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น? จางฉีโม่ นี่เธอคิดจะทำอะไร? มาทำตัวไร้มารยาทต่อหน้าลุงทั้งสองแบบนี้ ไม่รู้จักสัมมาคารวะเลยใช่มั้ย!” จางหงจูนพูดออกมาอย่างสง่าผ่าเผย
จางฉีโม่ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย และได้เห็นธาตุแท้ของพวกจางหงจูนว่าเป็นยังไง เธอก็ไม่เคยมองว่าคนพวกนี้เป็นคนที่น่าเคารพในตระกูลจางอีกเลย แน่นอนว่า ในใจของพวกเขาก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นหลานสาวของตัวเองอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่วางแผนกันทำร้ายเธอแบบนี้หรอก
“จางหงจูน จางหงซวน ฉันขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า เชิญพวกคุณสองคนย้ายของออกจากห้องทำงานของประธานกรรมการเดี๋ยวนี้ ตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่และทรัพย์สินของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปได้อยู่ในมือฉันแล้ว” จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังแล้วรับเอกสารฉบับหนึ่งจากมือของหลิวจุนมา
“อะไรนะ? เธอกล้าสั่งให้ฉันสองคนย้ายออกจากห้องทำงานของประธานกรรมการเหรอ?” จางหงซวนทำเหมือนเพิ่งได้ยินมุกตลกที่น่าขำมาก เขาได้หัวเราะออกมาเสียงดัง “นี่จางฉีโม่ หลังจากที่เธอสูญเสียตำแหน่งรองประธานไป เธอคงอดอยากจนบ้าไปแล้วสินะ?”
“น่าขันสิ้นดี อย่ามาทำให้ตัวเองต้องขายหน้าไปมากกว่านี้เลย แค่บอกว่าเธอเป็นคนของตระกูลจาง ฉันยังรู้สึกอายเลย” จางหงจูนพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังจะบอกว่ากว้านซื้อหุ้นกับสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไปแล้วอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่บอกว่าตัวเองเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองตุงไห่ไปเลยล่ะ?”
พวกจางหงจูนกำลังขำอย่างไม่พอใจ ทำเสียงฮึดฮัด น่าขันสิ้นดี คิดว่าพวกเขาไม่รู้หรือไงว่าการเงินของบ้านจางฉีโม่นั้นเป็นยังไง? อ้าปากก็บอกว่าตัวเองได้ซื้อบริษัทเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปไปแล้ว? ทั้งๆ ที่จนซะขนาดนั้น นอกจากพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเท่านั้นแหละถึงจะเป็นไปได้!
“หือ? นี่มันรองประธานจางไม่ใช่เหรอ? ทำไม สติเลอะเลือนแล้วเหรอ? ถึงมาก่อความวุ่นวายที่จางซื่อกรุ๊ปแบบนี้? เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าเธอไม่มีเงินละก็ ฉันจะแนะนำวิธีดีๆ ให้นะ ไปขายตัวซะ ผู้หญิงหน้าตาดีๆ แบบเธอ ไม่แน่อาจจะได้ราคาก็ได้นะ “ซูนเหิงเดินออกมาจากห้องทำงานของรองประธาน พร้อมกับทำหน้าล้อเรียนจางฉีโม่
“รีบไล่ยัยบ้านี่ออกไปเดี๋ยวนี้ ช่างน่าอับอายซะจริง” จางหงจูนแสร้งทำเป็นส่ายหน้า แต่แววตาเต็มไปด้วยความไม่ให้เกียรติ
จางฉีโม่สีหน้าเคร่งเครียด คนพวกนี้นี่มันหยาบคายจริงๆ
“ดูซิว่าใครกล้า!”
เสียงที่โมโหเสียงหนึ่งดังขึ้น เจียงฉีเดินเข้ามาพร้อมกับทนายด้านธุรกิจกลุ่มหนึ่ง แล้วยืนอยู่ที่ด้านหลังของจางฉีโม่อย่างนอบน้อม
“ประธานจางครับ เอกสารทุกอย่างจัดถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้วครับ ตอนนี้ทรัพย์สินทุกอย่างในอาคารเป่าติ่งแห่งนี้ได้เปลี่ยนเป็นชื่อของคุณหมดแล้วครับ คุณสามารถสั่งการได้ตามใจชอบเลยครับ อยากไล่ใครออกไปจากที่นี่ก็ได้!” เจียงฉีพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
จางฉีโม่พยักหน้าเบาๆ เธอกำลังรู้สึกตื่นเต้น พร้อมกับรับรู้ได้ถึงอำนาจที่เงินทองสามารถให้ได้!
“ต่อไปพวกคุณควรระวังคำพูดให้มากกว่านี้ และควรเรียกเธอว่าประธานกรรมการจาง” เจียงฉีพูดออกมาด้วยความซีเรียส
“แล้วแกละใครอีก? ปากกล้ามาจากไหน? จางฉีโม่ มันคงไม่ใช่นักแสดงที่แกจ้างมาหรอกนะ?” จางเถียนไห่พูดล้อเรียนและเริ่มต่อว่าออกมา
“นี่มัน คือ……” จู่ๆ ซูนเหินก็หน้าซีด และมองมาที่เจียงฉีอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
หลังจากที่ถูกเจียงฉีสั่งสอนไปที่หน้าฉินหยุนโล๋แล้ว ซูนเหินกลายเป็นคนหวาดระแวงไปเลย พอเห็นหน้าเจียงฉีก็รู้สึกกลัวจนฉี่แทบราดแล้ว