บทที่ 162 เลียพื้นรองเท้าให้แห้ง แล้วค่อยมาคุยกัน
“อาจารย์หลินครับ นี่เป็นการเข้าใจผิดทั้งนั้นเลยครับ!” กงซุนเฟยหงรีบอธิบายโดยเร็ว เขาไม่อยากทำให้ฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตนายท่านได้ต้องโกรธเคือง
“ขอโทษนะครับ อาจารย์หลิน นี่เป็นการละเลยของผมเอง ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้บอกกับพวกเขาไว้ก่อน จนเป็นเหตุทำให้พวกเขาต้องระรานท่าน” กงซุนเฟยหงพูดด้วยความเคารพ “อาจารย์ครับ ท่านอยากให้จัดการยังไงกับพวกเขาครับ”
“คุณลุงครับ! แบบนี้มันไม่ได้นะครับ!” กงซุนสือรีบพูดขึ้นมาพร้อมสีหน้าไม่เต็มใจอย่างมาก “คุณลุงครับ เขากล้าทำตัวเก่งกาจต่อหน้าตระกูลกงซุนขนาดนี้ แถมยังลงมือทำร้ายผมด้วย เรื่องนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะครับ หรือว่าท่านเองก็เชื่อว่าเขาจะมีวิชาการรักษาที่เก่งกาจและสามารถรักษาคุณท่านได้?”
กงซุนสือคิดไม่ออกว่าทำไม กงซุนชิวอวี่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องโดนนักต้มตุ๋นอย่างหลินอิ่งหลอกเพราะไม่มีประสบการณ์ก็แล้วไป แต่ทำไมคนที่ชาญฉลาดอย่างคุณลุงใหญ่กงซุนเฟยหงเองก็เชื่อเล่ห์เหลี่ยมของหลินอิ่งด้วยล่ะ?
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย
“ใช่ครับ คุณลุงกงซุน ไอ้หลินอิ่งนี้เข้ามาก็โวยวายที่ตระกูลเจิ้ง แถมยังเสี้ยมความสัมพันธ์ระหว่างผมกับชิวอวี่อีกด้วยครับ
ฟันของผมโดนเขาต่อยร่วงไปสองซี่แล้วครับ” เจิ้งหยวนเป่าพูดอย่างเจ็บช้ำใจ ฟันในปากหายไป จนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
กงซุนเฟยหงทำสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนหน้านี้ก็ฟังกงซุนชิวอวี่เล่าเรื่องเจิ้งหยวนเป่ามาแล้ว เป็นคนไม่เอาไหนจริงๆ หาเรื่องใส่ตัว แล้วยังแก็ปัญหาเองไม่ได้อีก
แค่นี้ก็ว่าไปอย่าง โดนหลินอิ่งกระทืบจนกลายเป็นสภาพนี้แล้วยังไม่รู้สึกพออีก และยังไปลากกงซุนสือเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อโจมตีหลินอิ่ง
หลายชายกงซุนสือเองก็โง่เหลือเกิน ทำอะไรโดยไม่ใช้สมองคิด อาจจะเพราะเขาก็าวร้าวเอาแต่ใจเกิดไป ชีวิตราบรื่นไม่เคยได้พบอุปสรรคอะไร ก็เลยคิดว่ามีเงินทองมีอำนาจแล้วก็จะไม่มีใครทำอะไรตนได้ ถ้ายังคิดว่าแค่มีเงินก็สามารถทำอะไรก็ได้ล่ะก็ จะช้าจะเร็วเขาก็คงต้องตายเพราะเรื่องนี้ ต้องเตือนสติเขาสักหน่อย
“คุณลุงครับ ผมโดนกระทืบไม่เป็นไรครับ แต่เรื่องมันเกิดที่วิลล่าของตระกูลกงซุนนะครับ ไอ้หลินอิ่งกำลังตบหน้าลุงอยู่นะครับ เขาไม่เห็นท่านในสายตาเลย” เจิ้งหยวนเป่าพูดด้วยท่าทางผู้ถูกกระทำ
“เจิ้งหยวนเป่า นายหุบปาก! นายไม่มีสิทธิ์พูด!” กงซุนเฟยหงกล่าวอย่างเย็นชา แล้วมองไปที่เจิ้งหยวนเป่าอย่างเยือกเย็น จนทำให้เขารู้สึกตัวสั่นไปหมด แล้วรีบปิดปากไม่กล้าพูดอะไรต่อ
แม้แต่กงซุนชิวอวี่เขาเองก็ไม่กล้าที่จะทำให้โกรธเคือง ส่วนกงซุนเฟยหงก็ไม่ต้องพูดถึงเลย ขนาดนายท่านของตระกูลเจิ้งออกหน้าเอง ก็ยังเคารพและมีมารยาทมากเมื่ออยู่ต่อหน้ากงซุนเฟยหง
“อาจารย์หลินครับ ท่านคิดว่าควรจะจัดการกับไอ้โง่สองคนนี้ยังไง ท่านจึงจะยอมช่วยรักษาอาการของนายท่านครับ” กงซุนเฟยหงถามอย่างจริงจัง
หลินอิ่งเหยียบไปที่หน้าของกงซุนสือ จนเขาเจ็บจนหน้าบิดเบี้ยว แล้วร้องโหยหวน
“นายมีฉายาว่าเฮียสือมิใช่หรือ? เป็นคนใหญ่โตจัง ชอบเลียพื้นรองเท้า? ถ้าอย่างงั้นนายมาลองดูละกันนะ”
“นาย! นายอยากตายหรือไง นายคิดว่านายเป็นใคร? คนบ้านนอกมีฝีมือการรักษานิดหน่อยแล้วคิดว่าเก่งมากหรือ?” กงซุนสือพูดด้วยความโกรธแค้น แล้วด่ากราดขึ้นมา
เขาเป็นถึงลูกหลานของตระกูลกงซุน เคยถูกรังแกเช่นนี้ด้วยหรือ?
สถานการณ์เงิน ของเขามันมากขนาดไหน? ถ้าอยู่ในวงการเหล่าคนชนชั้นสูงของตี้จิงแล้วมีคนต่อแถวรอประจบเต็มเลย มองที่นิ่งซวนก็รู้แล้ว ก่อนที่นิ่งซวยจะรู้จักหลินอิ่ง ฐานะในตี้จิงของเขาอาจจะยังไม่เทียบเท่ากงซุนสือ
“กงซุนสือ นายหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ ขอโทษอาจารย์หลินเดี๋ยวนี้เลย แล้วทำตามที่ท่านบอก!” กงซุนเฟยหงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาโกรธขึ้นมาทันที นายท่านกำลังเกิดอาการป่วยอย่างหนัก ไอ้เด็กพลุ่นพล่านไม่รู้ตายยังจะกล้าด่าอาจารย์หลินอีกหรือ?
นี่เป็นทางเดียวที่นายท่านจะรอดชีวิต ถ้าเกิดว่าเสาหลักอย่างนายท่านล้มลงล่ะก็ อำนาจของตระกูลกงซุนในตี้จิงอาจจะร่วงลงมาหนึ่งระดับ
“ผม….ผม? คุณลุงครับ นี่ท่านเป็นอะไรไปเหรอครับ? คุณลุงครับ ผมเช็กประวัติของหลินอิ่งมาแล้ว เขาหลอกลวง เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนแห่งเมืองตุงไห่!” กงซุนสือรีบพูดอย่างรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ราวกับว่าได้ยินเรื่องที่น่ากลัวสิ้นดีมาก
คุณลุงใหญ่ให้ตนขอโทษคนอย่างลูกเขยไม่เอาไหนหรือ? มีสิทธิ์อะไร? เขาเหยียบหน้าของคุณชายใหญ่ของตระกูลกงซุนไว้ แล้วยังต้องขอโทษเขา และเลียพื้นรองเท้าของเขาตามที่เขาสั่งอีกด้วยหรือ?
กงซุนสือรู้สึกได้รับผลกระทบอย่างหนักในใจ
ศักดิ์ศรีของตระกูลกงซุนด้อยค่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่? เป็นเพราะแค่เขามีทักษะทางการแพทย์แค่นั้นหรือ?
“กงซุนสือ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้อาการของนายท่านตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้ต้องการอาจารย์หลินไปรักษาเขาโดยด่วน ถ้าเกิดว่านายกล้าทำให้เสียเวลา แล้วส่งผลไม่ดีต่ออาการของนายท่านล่ะก็ ฉันจัดการนายแน่!” กงซุนเฟยหงพูดอย่างเยือกเย็น
“ผม……นายท่านป่วยเหรอครับ?” กงซุนสือโดนขู่จนสีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง สีหน้าเขาไม่ค่อยดีนัก เขาพอจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว
เขากัดฟันแล้วเงยหน้ามองไปที่หลินอิ่งพร้อมกล่าว “ขอโทษนะครับ อาจารย์หลิน”
ตอนนี้ทำได้แค่ก็มหัวให้ไอ้คนไม่เอาไหนนี้ไปก่อน อาการของนายท่านรอช้าไม่ได้ โดยเฉพาะคุณลุงใหญ่โกรธแล้วด้วย
คอยดูเถอะ รอให้ใช้ไอ้คนไม่เอาถ่านนี้รักษานายท่านเสร็จ จะถีบมันออกไปแล้วทรมานเหมือนสุนัข
ต้องเอาเขาไปคุกเข่าที่ข้างถนนของตี้จิงสัก3วัน3คืน
“อาจารย์หลินครับ คุณพอใจกับการจัดการแบบนี้ไหมครับ ครั้งนี้ผมเพิ่มค่าตอบแทนให้ท่านได้นะครับ ไม่ขอต้องให้รักษาจนหายดี แค่สามารถควบคุมอาการของนายท่านได้ ก็ถือว่าตระกูลกงซุนของเราติดหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงแล้วครับ ต่อไปนี้ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรขอให้ท่านเอ่ยปากได้เลยนะครับ!” กงซุนเฟยหงพูดอย่างจริงจัง เขาเร่งรีบอย่างมาก
หลินอิ่งพูดอย่างเฉยชา “ให้เฮียสือเลียพื้นรองเท้าก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
กงซุนสือทำตาโตแล้วมองไปที่หลินอิ่ง เขากัดฟันไว้ ขนาดคุณลุงใหญ่เองก็เคารพเขาขนาดนี้แล้ว ตัวเขาเองก็ขอโทษแล้ว เขายังจะกัดจนไว้ไม่ปล่อยอีก? แถมยังต้องเลียพื้นรองเท้าให้เขางั้นหรือ?
“นี่…….” สีหน้าของกงซุนเฟยหงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาเกรงใจมากพอแล้ว เคารพมากพอแล้ว แต่สิ่งที่หลินอิ่งต้องการมันมากเกินไป
ทำแบบนี้เป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของกงซุนสือชัดๆ เลย
“อาจารย์หลินครับ คุณเห็นแก่ผมแล้วปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปได้ไหมครับ? ผมจะเตรียมของขวัญขอขมาไว้ครับ!” กงซุนเฟยหงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งยังคงเหยียบกงซุนสือไว้ ไม่ได้สนใจเขา
“นี่ หลินอิ่ง คุณก็ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ อาการของนายท่านรอช้าไม่ได้” กงซุนชิวอวี่เอ่ยปากขอร้องอย่างท้าทายศักดิ์ศรีของหลินอิ่ง
“อาจารย์หลิน คุณถอยสักก็าวได้ไหมครับ นายท่านจะรอไม่ไหวแล้วนะครับ” ขุนนางเฟยหงพูดขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
หลินอิ่งทำเกินไปจริงๆ แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับนายท่านฉี แต่ก็ไม่ควรทำตัวเก่งกาจขนาดนี้
“ถอยหนึ่งก็าว?” หลินอิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา “ผมจะพูดแค่ครั้งสุดท้าย ถ้าคุณจัดการไม่ได้ ผมมีวิธีของผมมารับมือกับมัน”
ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะกงซุนชิวอวี่มาขอร้องนายท่าน เขาจำเป็นต้องสนใจตระกูลกงซุนด้วยหรือ?
มาถึงก็ยุ่งวุ่นวายไม่เลิก หาเรื่องเขาและพูดไม่หยุด ถ้าฆ่าให้ตายก็เป็นการไว้หน้าตระกูลกงซุนมากที่สุดแล้ว
กงซุนเฟยหงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่าหลินอิ่งจะเอาแต่ใจขนาดนี้
เขากัดฟัน แล้วพูดกับกงซุนสืออย่างดุดันว่า “ทำตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้! ถ้าเกิดว่าอาการของนายท่านแย่ลงเพราะนาย ฉันจะจัดการนายกับมือเอง แล้วไล่ออกจากตระกูลกงซุนไป”
“หื้ม?” สีหน้าของกงซุนสือเต็มไปด้วยความตกใจและกังวล เขาตัวสั่นไปทั้งตัว เขาไม่กลัวว่าหลินอิ่งจะลงไม้ลงมือกับเขา แต่เขากลัวว่าจะเสียฐานะในตระกูลกงซุนไป ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ทั้งชีวิตนี้ของเขาก็จบลงแล้ว
สีหน้าของกงซุนสือเต็มไปด้วยความทรมาน เขาเริ่มเลียพื้นรองเท้า เขาเองก็ได้รู้สึกถึงความรู้สึกที่รังแกคนอื่น ให้คนอื่นเลียพื้นรองเท้าแล้ว
ปั๊ง!
หลินอิ่งถีบกงซุนสือจนกระเด็นไปติดกำแพง จากนั้นก็เดินออกจากวิลล่าไปอย่างไม่แสดงสีหน้าใดๆ
“พาผมไปดูนายท่าน”