ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 170 กำลังต่างประเทศเข้ามายุ่งเกี่ยว

บทที่ 170 กำลังต่างประเทศเข้ามายุ่งเกี่ยว

ณ สนามบินนานาชาติแห่งเมืองชิงหยูน เมืองตุงไห่

หลินอิ่งลงจากเครื่องบินเพียงลำพัง เสิ่นซานและเจียงฉีจัดขบวนรถไว้เรียบร้อยแล้ว กำลังรอการมาถึงของเขา

หลินอิ่งเข้าไปที่เบาะหลังของรถและมุ่งหน้าไปยังเกาะเทียมของแม่น้ำชิงหยูน

เรื่องราวของตระกูลกงซุนก็จบลงไปชั่วขณะแล้ว กงซุนชิวอวี่ยังอยู่ที่มณฑลเกาหยางเพื่อดูแลคุณปู่ของเธอ เธอบอกว่าอีกไม่กี่วันจะมาอีกรอบ

หลินอิ่งไม่ได้คิดจะมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งกับเรื่องของตระกูลกงซุน อย่างไรก็ตาม กงซุนฉงหลงก็มาจากเขตแดนสงครามมาครึ่งชีวิตเลย ตอนนี้จิตใจของเขามีสติแล้ว ปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังพอที่จะแก็ไขได้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถโรลสรอยซ์ แฟนธอม ของเสิ่นซานขับไปที่สะพานแขวนล็อกเหล็กและมาถึงบนเกาะเทียม

หลังจากที่ผ่านการปรับปรุงและการก่อสร้างมาหลายวัน เกาะเทียมของแม่น้ำชิงหยูนนี้ได้เข้าที่เข้าทางแล้ว วิลล่าคฤหาสน์และภูมิทัศน์ต่างๆ มีเสน่ห์มาก.

ห้านาทีต่อมา หลินอิ่งได้เข้าไปนั่งในสวนหน้าคฤหาสน์ ด้านหน้าเขามีชาดําวางอยู่บนโต๊ะไม้จันทน์ เสิ่นซานนั่งตรงข้าม สีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย

หลินอิ่งจิบชาดําไปหนึ่งคำ แล้วค่อยๆ วางแก็วชาลง มองไปที่เสิ่นซานแล้วถามว่า “เรื่องของตระกูลลาตินที่เล่าให้ฟังเมื่อคืนนี้ มันเกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อคืนตอนอยู่บนเครื่องบิน เสิ่นซานโทรมารายงานเหตุการณ์สำคุญ

บอกว่าทางละตินอเมริกามีตระกูลร่ำรวยมา ภูมิหลังของพวกเขามีอิทธิพลมาก ดูเหมือนว่ามาเพื่อให้กำลังสนับสนุนกับธุรกิจของตระกูลโจ

ว่ากันว่า กลุ่มคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนมีอำนาจที่ตระกูลโจพัฒนาขึ้นตอนนี้โจปิงกำลังขยายกิจการในละตินอเมริกา

อะไรคือตนะกูลลาติน ในพื้นที่วุ่นวายของละตินอเมริกา มีอำนาจมากในโลก พวกเขามีสิทธิ์พูดในใต้ดินทางการเมือง และธุรกิจของพวกเขาครอบคลุมไปทั้งอเมริกาใต้ แทบจะเป็นตระกูลที่เป็นที่รู้จักกันดีของทุกๆ ครัวเรือน

“ท่านหลิน ครั้งนี้ตระกูลลาตินส่งคนมาที่เมืองตุงไห่ นับว่าเป็นสะพานสำคัญในการปกป้องรักษาธุรกิจ พวกเขาคิดจะพัฒนาขุมกำลังไปประเทศหลุง” เสิ่นซานกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “สืบได้หรือยังว่าพวกเขาทำธุรกิจอะไร?”

“ท่านหลิน คนพวกนั้นมันเป็นพวกเสือดาวหมาป่า พวกเขามาที่ประเทศหลุงของพวกเราพวกเขาไม่ได้มีความหวังดีอยู่แล้ว” เสิ่นซานขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมได้ตรวจสอบแล้วว่า ตระกูลลาตินมาที่เมืองตุงไห่ ภายนอกดูเป็นบริษัทนําเข้าและส่งออกการค้าต่างประเทศที่มีทรัพยากรทางการเงินมากมาย แต่ความจริงแล้วกลับทำธุรกิจ ‘ยา’ อยู่เบื้องหลัง นั่นเป็นธุรกิจเก่าแก่ของตระกูลพวกเขาที่ทำให้ตระกูลเติบโตขึ้น”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของหลินอิ่งก็เผยประกายออกมา จิตสังหารพลุ่งพล่านขึ้นมา

“กลุ่มตระกูลโจไม่มีศีลธรรมเลย ถึงกับร่วมมือกับตระกูลลาตินเพื่อเงิน พวกเขาจึงเริ่มที่จะประจบสมาคมข้ามชาตินี้ขึ้นมา ไม่ไม่ศักดิ์ศรีเลย ไปเลียนิ้วเท้าให้ชาวต่างชาติเพื่อทำร้ายประชาชน” เสิ่นซานกล่าวเสียงต่ำ แม้ว่าเขาจะสร้างทุกอย่างขึ้นจากการอำนาจใต้ดิน แต่เขาก็ยังเป็นชายผู้ดีในป่าเขียวขจร เขาไม่เคยแตะต้องสิ่งของแบบนั้นเลย

แต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลโจ ตระกูลร้อยปีนี้จะรวมมือกับกลุ่มคนต่างชาติด้วยกัน เพื่อเงินพวกเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ช่างบ้าบออะไรเสียจริง

“จริงสิ ท่านหลิน และตระกูลซูนนั้น ช่วงนี้ก็ก็าวกระโดดโลดเต้นเหมือนกัน” ทันใดนั้นเสิ่นซานก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “คนของตระกูลซูนไม่รู้ใช้ความสัมพันธ์จากอะไร จึงได้เข้าสนับสนุนตระกูลลาตินด้วยตัวเอง และยังขายอาคารพาณิชย์เพื่อสร้างกรุ๊ปให้กับตระกูลลาติน และชื่อว่าลาตินกรุ๊ป ตอนนี้อยู่ในใจกลางเมืองชิงหยูน”

หลินอิ่งจิบชาไปหนึ่งคำ แล้วส่งสัญญาณให้เสิ่นซานพูดต่อ คิดไม่ถึงว่าช่วงที่ไม่อยู่ในเมืองชิงหยูน มีอสูรสัตว์ประหลาดโผล่มาเยอะเลย

เสิ่นซานกล่าวว่า”ตามการตวรจสอบของผม เมื่อลาตินกรุ๊ปนี้ก่อตั้งขึ้น ก็ใช้เงินทุนที่แข็งแกร่งไปซื้อและแบนกลุ่มบริษัทในทุกอุตสาหกรรม มีความร่วมมือจากตระกูลโจและตระกูลซูน ภายในไม่กี่วันนี้พวกเขากวาดเอาวงการธุรกิจไปเกือบหมด พวกเขาแทบจะมีส่วนร่วมในทุกๆ ธุรกิจแล้ว” ตระกูลซูนต้องการที่จะแก็แค้นเจียงฉี มีการโยนแผนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองศตวรรษใหม่ออกมา และเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ซึ่งทำให้ไห่หยางกรุ๊ปของเราเสียหายไปอย่างมาก”

“คนพวกนั้นยุ่งแม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์งั้นเหรอ? ” หลินอิ่งถาม

เขาเองไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน และไม่ได้รักเงินทอง แต่คนของเขาที่ติดตามเขามาต้องใช้เงินกินข้าว

อุตสาหกรรมเหล่านี้ของไห่หยางกรุ๊ปถูกสร้างขึ้นจากเงินทอง จะยอมให้คนอื่น ๆ มายุ่งวุ่นวายได้อย่างไร?

“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ด้วยเรื่องการประกาศราคาสินค้า พวกเขาลงมือกับเจียงฉีไปด้วย ตอนนั้นผมพาคนและหลิวจุนไปพร้อมกันสามคน ผมเคยปะทะมือกันแล้ว ในกลุ่มพวกชาวต่างชาติกลุ่มนั้นก็มียอดฝีมืออยู่ด้วย พวกเรายังเสียเปรียบอยู่เล็กน้อย” เสิ่นซานพูดอย่างจนปัญญา “แม้แต่การประกวดราคาก็แย่งชิงมาไม่ได้ เห็นได้ว่าทีมธุรกิจของคนกลุ่มนี้มีวิธีการที่ยอดเยี่ยมมาก”

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เดี๋ยวเราไปเจอกับพวกเขาหน่อย”

การที่ลาตินกรุ๊ปนี้ต้องการมาที่เมืองชิงหยูนเพื่อสร้างรายได้มันก็ไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย แต่หากกล้ายื่นมือมายุ่งเกี่ยวกับไห่หยางกรุ๊ป และยังแอบทำธุรกิจที่ไร้ยางอายอยู่เบื้องหลังแล้วก็ ก็ต้องจัดการสักหน่อยแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลโจและตระกูลซูนทั้งสองตระกูลที่ไร้ยางอาย ได้ร่วมมือกับบริษัทกองกำลังข้ามชาติเช่นนี้ คงเป็นสิ่งที่เป็นพิษภัยอย่างมาก

ดังที่กล่าวไว้ว่า ยิ่งมีความสามารถมากเท่าไหร่ ความรับผิดชอบก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หลินอิ่งเคยได้ยินอาจารย์สอนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าจนก็จงทำตัวเองให้ดี แต่ถ้าร่ำรวยก็จงช่วยเหลือชาวโลก

ถึงแม้จะไม่มีจิตใจเยี่ยงนักปราชญ์ที่ช่วยประคองใต้หล้า แต่เรื่องที่อยู่ภายใต้สายตาของตนเองนั้น เขาไม่ยุ่งเกี่ยวไม่ได้แล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินอิ่งก็ออกคำสั่งให้เสิ่นซานอย่างเคร่งขรึม ให้เขาไปทำอย่างเต็มที่ จัดการเรื่องของลาตินกรุ๊ปให้ชัดเจนขึ้น

เขาโทรไปหาฉีโม่ ให้ฉีโม่มาเที่ยวเกาะเทียมตอนกลางคืน และกินข้าวด้วยกัน

ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่ฉีโม่รับช่วงต่อจากจางซื่อกรุ๊ป เธอจัดการกิจการของบริษัทได้เป็นยังไงบ้าง

ณ บริษัทเครื่องประดับจางซื่อ อาคารเป่าติ่ง

ใบหน้าของจางฉีโม่เต็มไปด้วยความสุข เธอเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

งานในช่วงนี้เป็นไปอย่างราบรื่น นี่สิคือชีวิตที่เธอใฝ่ฝัน ไม่มีข้อจํากัดของคน

เมื่อกี้ได้ยินหลินอิ่งโทรมา บอกว่าจะไปกินข้าวที่เกาะเทียม? ไม่รู้ว่าเขากำลังเล่นอะไรอยู่

“ประธานจางครับ คุณมีเวลาคุยเรื่องงานไหมครับ? “

ขณะนั้น เสียงทุ้มลึกก็ดังขึ้น จางหงซวนและจางหงจูนยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่แย่มาก และถามด้วยน้ำเสียงขอร้อง

ตั้งแต่จางฉีโม่กลายเป็นประธานของจางซื่อกรุ๊ป อิทธิพลของทั้งสองคนในคณะกรรมการก็แย่ลงเรื่อยๆ ผู้บริหารใหญ่ส่วนใหญ่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ถูกจัดการเรียบร้อย อย่าพูดถึงเลยว่ามันคับขันแค่ไหน

ดังนั้น ต่อให้เป็นรุ่นน้องของจางฉีโม่ ทั้งสองคนก็ไม่กล้าเรียกชื่อเธอโดยตรง ทำได้แค่เรียกเธอว่าท่านประธานเท่านั้น

“มีเรื่องอะไรเหรอ? ” จางฉีโม่ถามด้วยสีหน้าปกติ

สำหรับสองคนนี้แล้ว เธอไม่มีความเกรงใจใดๆ เลย ก็เป็นแค่ญาติสนิทบ้าๆ สองคน

“อะแฮ่ม” จางหงเซวียนไอแห้งๆ ไปสองที แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ประธานจาง เป็นแบบนี้นี่เอง ลาตินกรุ๊ปที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในเมืองชิงหยูน มีธุรกิจเครื่องประดับ ทางเราผมมีความสัมพันธ์กับพวกเขา ไม่ทราบว่าคุณสนใจที่จะมาคุยเรื่องธุรกิจหรือไม่?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset