บทที่ 176 พวกขยะสังคม
“ได้ครับ ท่านหลิน อยากถามอะไร ผมตอบได้ทุกอย่าง” ซูเหล่าหู่พูดอย่างประจบ คุกเข่าอย่างดี ยึดเอวตรงหน้ายิ้มแย้ม
ทิศทางลมเปลี่ยนก็เปลี่ยนตาม นั่นเป็นความสามารถของหมารับใช้อย่างซูเหล่าหู่ สถานการณ์ชัดเจนขนาดนี้ ยังไม่ก้มหัว รีบยอมหลินอิ่งทันที ก็เป็นกระดูกอ่อนแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ไปเป็นหมารับใช้ให้พวกฝรั่ง
“ซูเหล่าหู่ แกอยากตายใช่ไหม? ทำงานให้ลาตินกรุ๊ป รู้ว่าบริษัทเราต้องรักษาความลับ แกกล้าเอาความลับแพร่กระจายออกไป?” ฮาพิพูดอย่างข่มขู่ กลัวซูเหล่าหู่เอาความลับของพวกเขาพูดออกไป
เพียะ
พูดจบ หลิวจุนก็ตบไปที่หน้าของฮาพิ ตอบแรงจนหน้าเขาบวมขึ้นมา
“กล้าพูดอีกสักคำ แกได้ตายแน่” หลิวจุนพูดเสียงเข้ม “ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ต่อหน้าท่านหลินยังพูดมากขนาดนี้อีก? แกนึกว่าลาตินกรุ๊ปคืออะไร?”
“แก……” ฮาพิหน้าสั่น ถูกตบจนตาลาย
“แกอะไรอีก?”
หลิวจุนชกไปที่หน้าทั้งสองข้างอย่างไม่ลังเล จนฮาพิเริ่มกลัว โดนท่าทางโหดเหี้ยมนี้ทำให้ตกใจ ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำก็แค่ฝรั่งมาจากต่างประเทศมาสูบเลือดสูบเนื้อที่เมืองตุงไห่ เขาลงมืออย่างไม่ยับยั้ง
“ถ้าไม่อยากตาย ก็คุกเข่าให้ท่านหลินเดี๋ยวนี้ แล้วก็หุบปาก ถามอะไรก็ตอบอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นก็ตายแน่” เสิ่นซานพูดเย็นชา ฮาพิตกใจจนตัวสั่น
“นี่……”
ฮาพิสามคนมองหน้ากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวมองไปที่หลินอิ่ง แล้วรีบก้มหน้า
ตอนแรกนึกว่าหลินอิ่งเป็นแค่ลูกเขยไร้น้ำยาคนหนึ่ง ใครจะไปนึกถึงว่าเสิ่นซานยังเป็นลูกน้องของหลินอิ่ง ยังจัดการบอดี้การ์ดในคฤหาสน์หลัวเต๋อทั้งหมดได้ ตอนนี้ก็ไม่รู้จะโมโหยังไงแล้ว
ฮาพิก็รู้ตำแหน่งฐานะของเสิ่นซานในเมืองตุงไห่ ก่อนหน้านี้ลาตินกรุ๊ปกับเจียงฉีต่อสู้กันในแวดวงธุรกิจ เสิ่นซานยังพาคนมาออกหน้า
ด้วยตำแหน่งรองประธานลาตินกรุ๊ปของฮาพิ ทรัพยากรอะไรที่ใช้ได้ก็ใช้หมดแล้ว แม้กระทั่งสองตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโจและตระกูลซุนยังต้องเคารพ ในเมืองชินหยูนต่างก็เคารพ
แต่ว่า เสิ่นซานกับเจียงฉีสองคนนี้ เป็นคู่ต่อสู้ที่ฮาพิไม่กลัวไม่ได้ ตอนนี่ตกอยู่ในมือของคู่ต่อสู้ ถ้าไม่ยอมแม้แต่ชีวิตก็เอาตัวไม่รอดแล้ว
“ท่านหลิน ผมไม่ได้ตั้งใจ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ฐานะของท่าน ผมผิดไปแล้ว อภัยให้ผมด้วย”
ฮาพิทำสีหน้าอ้อนวอนอย่าง คุกเข่าก้มหัวไหว้เขา
ท่านหลินหัวเราะเย็นชา
“ท่านหลิน ท่านดู คนประเทศหลุงมีคำพูดหนึ่งว่า ไม่สู้รบก็ไม่รู้จักกัน ท่านว่าเราใช้โอกาสที่ดีนี้ เรามาร่วมมือกัน ท่านกับลาตินกรุ๊ปของเราร่วมมือกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราอยากหาเงินเท่าไหร่ในเมืองตุงไห่ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว” ฮาพิเห็นหลินอิ่งไม่แสดงความเห็น ก็พูดต่ออย่างไม่หยุดยั้ง “ท่านมีความสามารถมีผลกระทบขนาดนี้ในเมืองตุงไห่ จากความสามารถของท่านแล้วคงไม่อยากจำกัดไว้แค่เมืองเดียว? ร่วมมือกับลาตินกรุ๊ปของเรา ไม่นานก็ควบคุมไปทั้งประเทศแน่ ธุรกิจของพวกเรามากมาย คุณอยากทำธุรกิจอะไรก็ทำได้หมด รับรองว่ามีโอกาสเก็บทรัพย์มากมาย”
พูดจบ ฮาพิก็ยิ้มเหมือนลูกสุนัข หัวเราะคิกคัก
หลินอิ่งส่ายหัว พวกฝรั่งหัวอ่อน ต้องต่อยจนล้มลงคุกเข่าพูด ถึงจะพูดกันดีๆได้ก็เหมือนคำพูดของคนประเทศหลุง พวกทุนนิยมก็เป็นแค่เสือกระดาษ
“ท่านหลิน เชื่อใจผม ผมสามารถแนะนำคุณรู้จักผู้นำระดับสูงในลาตินกรุ๊ปได้” ฮาพิคุกเข่าขยับไปข้างหน้าทีละนิด ท่าทางจริงจัง
หลินอิ่งลุกขึ้นก็ยกเท้าถีบ ทำให้ฮาพิกระเด็นไปไกลสิบเมตร ล้มลงกับพื้นกระอักเลือด
“ลาตินกรุ๊ปมีสิทธิ์อะไรมาร่วมมือกับฉัน?” หลินอิ่งพูดเย็นชา “แกคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนขยะสังคมอย่างพวกแกเหรอ? ในสายตามีเพียงแค่ผลประโยชน์?”
“ก่อนหน้านี้ยังอยากลงมือกับฉันและฉีโม่ ตอนนี้คิดจะมาเจรจาธุรกิจ?” หลินอิ่งยิ้มเย็นชา ส่งสายตาให้หลิวจุน จากนั้นนั่งกลับไปที่โซฟา
หลิวจุนเข้าไปลากตัวฮาพิไว้ ทั้งชกทั้งต่อยจนกะอ่วม จากนั้นก็ลากตัวมา
เห็นฮาพิโดนต่อยเหมือนหมา ซูเหล่าหู่กับหลัวเต๋อก็ตกใจจนสีหน้าซีดเซียว
ชัดเจนมาก หลินอิ่งไม่เห็นลาตินกรุ๊ปอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย แล้วคนฐานะอย่างเขาสองคนจะมีประโยชน์อะไร?
“ท่านหลิน ปล่อยผมไปเถอะ ผมถูกลาตินกรุ๊ปบังคับให้ทำงานให้พวกเขา ถ้าไม่ทำงานให้พวกเขา ผมก็ต้องตาย ผมมีประโยชน์แค่นี้” ซูเหล่าหู่คุกเข่าก้มหัวไหว้ ขอร้องไม่หยุด ตกใจเกือบตาย
นี่เป็นคำพูดที่คนขายชาติชอบพูดที่สุด หลินอิ่งส่งสายตาให้หลิวจุน
หลิวจุนกดหลังซูเหล่าหู่ไว้ สองหมัดชกลงที่หลังเขาจนหลังเกือบหัก
“ท่านหลินถามอะไร ก็ตอบตามนั้น ได้ยินหรือยัง?” หลินจุนพูดเสียงโหด
ซูเหล่าหู่เก็บจนสูดหายใจแรง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ลาตินกรุ๊ปให้นายทำธุรกิจอะไรบ้าง?” หลินอิ่งถาม
“ปกติก็เป็นบอดี้การ์ดให้พวกเขา…..” ซูเหล่าหู่พูดอย่างละอายใจ มองสายตาหลินอิ่ง พูดอย่างลำบาก “แล้วก็…..”
สองสามประโยชน์ ซูเหล่าหู่ก็พูดเรื่องทั้งหมดของลาตินกรุ๊ปออกมาจนหมด เรื่องราวหลอกลวงต้มตุ๋นทุกอย่าง ข่มขู่ลักพาตัวทุกอย่าง เพื่อผลประโยชน์เงินทองไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่ทำ ที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือหลอกลวงขืนใจนักศึกษาหญิง ทำร้ายเด็ก
“พวกขยะ”
หลินอิ่งทนฟังต่อไปไม่ไหว ตบหน้าซูเหล่าหู่ ตบจนเขาล้มลงกับพื้นตัวสั่น
“ไม่ ท่านหลิน อย่าฆ่าผมเลย ผมสามารถเล่าเรื่องที่ซูเหล่าหู่ไม่รู้ให้ท่านฟัง” หัวเต๋อตกใจรีบพูด
เห็นหลินอิ่งไม่พูด หลัวเต๋อพูดเสียงสั่น “ท่านหลิน ผมรู้ว่าตำแหน่งโกดังของลาตินกรุ๊ปอยู่ไหน รู้สถานการณ์เรื่องราวของประธานสูงสุดของลาตินกรุ๊ป”
“หลัวเต๋อ แกกล้าทรยศบริษัทเหรอ” ฮาพิเบิกตากว้างมองหน้าหลัวเต๋อ สีหน้าโกรธแค้น หลัวเต๋อพอรู้ความลับของลาตินกรุ๊ปบ้าง ถ้าเอาเรื่องทั้งหมดบอกกับคู่แข่งอย่างหลินอิ่งกับเสิ่นซาน จะนำความเสียหายมาให้บริษัทอย่างไม่อาจคาดคิดได้
พอถึงเวลา ถึงหลินอิ่งจะไม่ฆ่าเขา เขากลับบริษัทก็ต้องถูกเอาผิดแน่ คงจะรอดยาก……”
“เสิ่นซาน ที่เหลือให้นายจัดการเลย ให้ไอ้กระดูกอ่อนคนขายชาติอย่างซูเหล่าหู่เงียบ แหวกปากฮาพิ” หลินอิ่งลุกขึ้นพูดเสียงเย็นชา “จัดการเรื่องลาตินกรุ๊ปดีๆ แล้วมารายงานผลให้ฉันรู้ด้วย”
พูดจบ หลินอิ่งก็จุงมือจางฉีโม่ หันหลังเดินออกจากคฤหาสน์หลัวเต๋อ
“ครับ ท่านหลิน” เสิ่นซานพูดอย่างเคารพ จากนั้นสายตาก็มองไปที่ซู่เหล่าหู่สามคน
ฟังเรื่องราวที่ลาตินกรุ๊ปทำจากหลัวเต๋อแล้ว มันน่าขยะแขยง ธุรกิจที่พวกเขาทำ ไม่เห็นคนของประเทศหลุงเป็นคน ใครได้ยินแล้วก็อยากเอาพวกเขาถึงตาย
“อ้าก นี่…..”
ซูเหล่าหู่สามคนอึ้งอยู่กับที่ มองหลังหลินอิ่งเดินจากไป ถูกคำพูดที่หลินอิ่งทิ้งไว้ทำให้ตกใจเกือบตาย
“ยังมีอะไรจะพูดอีก?”
เสิ่นซานดึงตัวซูเหล่าหู่มาก็ต่อยไม่ยั้ง จากนั้นก็ตามด้วย ในห้องก็มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเหมือนหมูถูกเชือด ทั้งสามโดนกระทืบจนร้องครวญคลาน
เสิ่นซานนั่งคุม หลิวจุนสองพี่น้องเริ่มถาม
อีกฝั่งหนึ่ง หลินอิ่งกับจางฉีโม่หลังออกจากคฤหาสน์หลัวเต๋อแล้ว ก็ให้อู่เจิ้งขับรถไปกินข้าวที่ร้านอาหารฟองซัมเมอร์
“หลินอิ่ง ทำแบบนี้ ลาตินกรุ๊ปก็กลับมาแก้แค้นคุณแน่?” จางฉีโม่นั่งหลังคนขับ พูดอย่างเป็นห่วง
“ฉีโม่ คุณไม่ต้องเป็นห่วง อย่างเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ อีกหน่อย ถ้าจะคุยเรื่องงานก็ให้คนอื่นไปแทน หรือไม่ก็ให้เขามาหาที่บริษัท ไม่ว่าเป็นใคร ก็อย่าไปคนเดียว” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง