บทที่ 179 ผมถ่ายโฆษณาให้ฟรี
“หา? ประธานเจียง ทำไมถึงโกรธครับ?”
หูจินวั่งถูกเจียงฉีทำให้อึ้ง ท่าทางตกใจแต่ยังฝืนยิ้ม
ไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงฉีถึงต้องด่าเขา
แต่ว่า คนฐานะอย่างเจียงฉี คนระดับหนึ่งในแวดวงธุรกิจเมืองตุงไห่ ไม่ใช่คนที่เขาจะมีเรื่องได้ โดนด่าแล้วก็ยังต้องยิ้มเหมือนหมา
“กล้าโอหังต่อหน้าประธานจางกับประธานหลิน? คิดว่าตัวเองโด่งดังมากใช่ไหม? มีความสามารถแค่ไหนในใจไม่รู้เหรอ? หมาชัดๆ” เจียงฉีด่ายังไม่เกรงใจ จ้องหน้าหูจินวั่ง
ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง คนแบบหูจินวั่ง ก็แค่ใช้เงินสร้างภาพ ถึงเป็นแค่หมาตัวเดียวก็ทำได้ ก็เป็นแค่หมาที่คล้องเชือกที่คอเท่านั้น ยังกล้าโอหังต่อหน้าประธานหลิน? โดยเฉพาะยังอยู่ในงานแบบนี้ วันนี้ไม่ซ้อมจนหน้าบวม ตัวเองจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอประธานหลิน?
“นี่มัน ประธานเจียง ผมทำอะไรผิดเหรอครับ?” หูจินวั่งพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว ตกใจจนเหงื่อท่วมหน้าผาก ไม่รู้ว่าทำอะไรให้เจียงฉีโกรธ เข้ามาก็ด่าไม่หยุด
“ยืนไปฝั่งโน้น ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้นายมาพูด”
เจียงฉีตะโกนด่า ทำให้หูจินวั่งตกใจจนยืนไปอีกฝั่งอย่างเชื่อฟัง
“ประธานเจียง ประธานหลิน” เจียงฉีสีหน้ายิ้มแย้มมองไปที่หลินอิ่งกับจางฉีโม่ ทักทายอย่างมีมารยาท
“ประธานเจียง” จางฉีโม่ตอบอย่างเกรงใจ
“ท่านนี่คือ? เจียงฉี ประธานเจียงหรือ?” ลู่หย่าฮุ่ยถามอย่างอยากรู้เห็น “ประธานเจียง ครั้งที่แล้วต้องขอบคุณมาก ที่ช่วยฉีโม่ของเรา”
“ประธานเจียง มีเวลาทานข้าวด้วยกันสักมื้อไหมครับ” จางซิ่วเฟิงยิ้มหน้าบานพูด
ทั้งสองรู้สาเหตุที่ลูกสาวได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สำหรับเทพแห่งเงินทองอย่างเจียงฉีคนนี้ ต้องพูดว่าเคารพอย่างยิ่ง
“ประธานเจียง คุณหาฉันมีธุระอะไรไหมคะ?” จางฉีโม่ถามจริงจัง
ถึงแม้ครั้งที่แล้วเธอกับเจียงฉีได้คุยเรื่องธุรกิจแล้ว แต่สำหรับนิสัยของเจียงฉีเธอไม่ค่อยรู้นัก ไม่ได้คุยอะไรมาก รู้เพียงว่ามีความสัมพันธ์กับหลินอิ่งอย่างแน่นแฟ้น
“ความจริงก็ไม่มีอะไร แค่เดินผ่าน เห็นคนอวดดี ทนดูไม่ได้” เจียงฉีพูดอย่างใจเย็น ให้หางตามองหูจินวั่ง ทำให้เขารู้สึกตัวสั่น สีหน้าตกใจกลัว
“ขอโทษครับ ประธานจาง เรื่องเข้าใจผิดเมื่อครู่ ผมดื่มเยอะไปหน่อยเลยพูดไม่คิด” หูจินวั่งไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบพนมมือไหว้ขอโทษจางฉีโม่ สีหน้าจริงจัง ไม่เสียที่เป็นนักแสดง
พอเขาเห็นขุมทรัพย์อย่างเจียงฉีความสัมพันธ์กับจางฉีโม่แน่นแฟ้นขนาดนี้ ก็รู้จักอ่อนข้อขอโทษทันที
คนฐานะสูงส่งแบบนี้ทำให้โกรธไม่ได้
จางฉีโม่สีหน้าปกติ ไม่ได้สนใจสีหน้าเปลี่ยนไปมาของหูจินวั่ง
“ประธานจาง ผมว่า ได้ร่วมมือกับบริษัทคุณเป็นเรื่องที่ดี เรามาคุยเรื่องการเซ็นสัญญากันดีกว่า” หูจินวั่งยิ้ม เปลี่ยนคำพูดทันที
ชัดเจนมาก เจียงฉีด่าขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่เจียมตัวอีกเกรงจะไม่ดีแน่
“ฉันให้นายพูดแล้วเหรอ?” เจียงฉีมองหูจินวั่งสายตาเย็นชา
รอยยิ้มของหูจินวั่งแข็งทันที แต่ก็ยังฝืนยิ้ม
เจียงฉีมองไปที่หลินอิ่ง ถาม “ประธานหลิน มีเวลาดื่มชาไหมครับ?”
หลินอิ่งพยักหน้า ลุกขึ้นเดินไป
เจียงฉีเดินตามหลังไป มองหูจิงวั่งเย็นชา “นายไปที่ห้องรับรองไห่หยางกรุ๊ปเดี๋ยวนี้”
“ได้ ได้ครับ ประธานเจียง ผมไปเดี๋ยวนี้เลย” หูจินวั่งรีบพยักหน้า เดินตามหลังไป
“อะไรกันเนี่ย? ลูกสาว ทำไมประธานเจียงถึงเชิญหลินอิ่งดื่มชา ทำไมไม่เชิญลูก” ลู่หย่าฮุ่ยมองไปที่จางฉีโม่ ถามอย่างสงสัย
มันน่าแปลกมา ที่มหาเศรษฐีอย่างเจียงฉีเดินมา เพียงเพื่ออยากเชิญหลินอิ่งดื่มชา? เขามีสิทธิ์เหรอ ควรที่จะเชิญฉีโม่ไปไม่ใช่เหรอ?
“ไม่รู้ หลินอิ่งกับประธานเจียงอาจจะมีเรื่องงานต้องคุยกัน” จางฉีโม่พูด
“เฮ้อ ฉีโม่ แม่จะบอกนะ อย่าให้โอกาสดีๆแบบนี้ถูกหลินอิ่งแย่งไปละ ขุมทรัพย์อย่างประธานเจียง ลูกต้องเข้าไปประจบไว้…..” ลู่หย่าฮุ่ยสั่งสอนขึ้นมา เท่าที่เธอดูฉีโม่คงทำอะไรไม่เป็น ขนาดหลินอิ่งยังรู้จักไปประจบ
จางฉีโม่ส่ายหัว ไม่อยากพูดมาก เธอรู้ว่าหลินอิ่งกับเจียงฉีเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ครั้งที่แล้วก็บอกกับพ่อแม่แล้วว่าเป็นเพราะหลินอิ่งช่วยแนะนำเพื่อนให้รู้จัก ทั้งสองก็ไม่เชื่อ……
คิดว่าไม่ว่าจะพูดยังไง พวกเขาสองคนก็ไม่มีวันเชื่อว่าหลินอิ่งจะมีความสามารถแบบนี้
จากการนำทางของเจียงฉี หลินอิ่งมาถึงออฟฟิศที่ตกแต่งอย่างสวยหรู นั่งรถไปบนเก้าอี้ประธาน
หูจินวั่งก็เดินตามเจียงฉีเข้าไป
“หลินอิ่ง แกรู้มารยาทหรือเปล่า? ประธานเจียงยังไม่นั่ง แกก็ไปนั่งบนเก้าอี้ประธาน?”
หูจินวั่งพูดอย่างไม่พอใจ “ประธานเจียงไว้หน้าแก แต่แกกลับไม่เอาหน้าอีกเหรอ?”
หูจินวั่งก็ดูออกแล้ว หลินอิ่งกับประธานเจียงต้องมีธุรกิจไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว แต่กลับไปนั่งบนเก้าอี้ประธานของเจียงฉี? กับฐานะไร้น้ำยาแบบนี้ ต่างกันราวฟ้ากับกินกับประธานเจียง พฤติกรรมแบบนี้ไร้การศึกษาจริงๆ
หลินอิ่งดื่มชาไปคำหนึ่ง คนปัญญาอ่อนแบบนี้จนถึงขนาดนี้แล้วยังแยกแยะสถานการณ์ไม่ออก ไม่รู้ว่าพึ่งอะไรอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้
“หลินอิ่ง แกปัญญาอ่อนเหรอ? ยังไม่หลีกทางให้ประธานเจียงอีก?” หูจินวั่งด่า จากนั้นก็ยิ้มแย้มใส่เจียงฉี “ประธานเจียง ให้ท่านต่อว่ามันเองจะลดตัวเกินไป ผมจัดการให้เอง?”
เพียะ
เจียงฉีตบหน้าหูจินวั่งอย่างแรง ตบจนเขางงไปทันที แต่หน้าก็ยังยิ้มต่อ
“นี่? ประธานเจียง ท่านจะทำเกินไปหน่อยไหม?” หูจินวั่งโกรธแต่ไม่กล้าพูดตรงๆ สีหน้าอาบอาย
ไม่ว่ายังไงก็เป็นดาราดังในสายตาผู้ชม ไปถึงไหนก็มีแต่แฟนๆคอยยกย่อง ตอนนี้ถูกตบหน้าจนรู้สึกโกรธมาก
“เกินไป? ท่าทางอย่างกับหมา แกคิดว่าแกเป็นใคร?” เจียงฉีพูดอย่างไม่แยแส “หรือว่ามีแฟนในอินเทอร์เน็ตมากมายคอยสร้างกระแสให้ เลยทำให้อวดดี? ใครเป็นพ่อก็ไม่รู้แล้ว? เชื่อไหมว่าแค่ฉันโทรศัพท์ไปให้ประธานกรรมการหลี่ ให้แกเป็นหมาเร่ร่อนในข้ามคืน?”
ถ้าไม่ใช่เพราะจะลากตัวหูจินวั่งมาให้ประธานหลินจัดการ คนแบบนี้ไม่มีสิทธิ์มาคุยกับตัวเองด้วยซ้ำ
“ผม……” หูจินวั่งสีหน้าซีดเซียว ขอร้อง “ประธานเจียง ผมขอโทษ อย่าโทรหาประธานกรรมการหลี่นะครับ”
“ประธานหลินเป็นแขกพิเศษของผม รีบไปขอโทษประธานหลินเดี๋ยวนี้ ถ้าเขาไม่พอใจ เส้นทางดาราของแกจบแน่” เจียงฉีพูดอย่างรังเกียจ แล้วมองนาฬิกา “ให้เวลาแกหนึ่งนาที จากนั้นก็ไสหัวไป”
“หา? ประธานหลิน?” หูจินวั่งมองหลินอิ่งอย่างไม่อยากเชื่อ หลินอิ่งมีความสัมพันธ์กับประธานเจียงหนาแน่นขนาดนี้?
หนึ่งนาที? หูจินวั่งรู้สึกกังวลอย่างหนัก ถ้าเดินออกไปแบบนี้ ชีวิตเขาต้องจบแน่นอน
หูจินวั่งท่าทางน่าสงสาร เดินไปข้างหน้าหลินอิ่งก้มหน้า พูด “ประธานหลิน ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ช่วยผมพูดกับประธานเจียงหน่อย ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมยอมถ่ายทำโฆษณาให้บริษัทคุณฟรี”