บทที่19 จัดการได้ดีมาก
“ท่านสาม!นายคนนี้ครับ เขากล้ามาหาเรื่องถึงถิ่นของท่าน ขนาดผมพูดชื่อของท่านสามออกมา เขายังกล้าตบหน้าผมเลยครับ ! เขาไม่เห็นท่านในสายตาเลย “ งูดำโวยวายเสียงดังขึ้นมา กลัวว่าท่านเสิ่นซานจะไม่เห็นตัวเอง
ท่านเสิ่นซานไม่ได้ไปสนใจ งูดำ ภายในใจเขาเหมือนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น
หลินอิ่งค่อยๆหันหลังกลับมา แล้วมองไปท่านเสิ่นซานด้วยสายตาที่เฉยชา ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ท่านหลิน!” พอเห็นสายตาของหลินอิ่ง ท่านเสิ่นซานรีบก้มหัวลงทันที แล้วเรียกด้วยเสียงที่เคารพ
“อะไรนะ!”
“ฉันฟังผิดไปรึป่าว?”
งูดำและลูกน้องของเขา ต่างก็ตกใจอย่ามาก แสดงสีหน้าออกมาอย่าตกใจ
“ท่านหลิน ไม่คิดว่าท่านก็อยู่ในจื่อจินKTV แต่ว่ามีเรื่องอะไรเหรอครับ?” เสิ่นซานเช็ดเหงื่อที่ออกตรงหน้าผากออก ถามด้วยความเคารพ
หลินอิ่งพูดอย่าช้าๆ “นายลองถามลูกน้องของนายดูสิ”
“งูดำ นายหาเรื่องท่านหลินเหรอ?” เสิ่นซานถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาทั้งๆที่เขารู้อยู่แล้ว
เขาได้ข่าวนี้ตั้งแต่ในโทรศัพท์แล้ว ว่ามีคนมาหาเรื่องที่จื่อจินKTV มาตีงูดำลูกน้องคนโปรดของเขาด้วย ขนาดงูดำพูดชื่อของท่านเสิ่นซานออกมา คนฝั่งนู้นยังไม่ไว้หน้าเลย
เดิมทีเขาพาคนมาที่นี่ด้วยความโกรธและพร้อมที่จะหาเรื่อง แต่ไม่คาดคิดว่า คนคนนั้นคือหลินอิ่ง!
“ท่านสาม ผมก็แค่ล้อเล่นกับจางฉีโม่ไปสองสามคำ หลินอิ่งก็เข้ามาหาเรื่องผม เรื่องนี้ท่านต้องเอาคืนให้ผมนะครับ” งูดำพูดอย่างไม่พอใจ
“เสิ่นซาน นายพาคนมา จะมาเอาคืนให้เขาเหรอ?” หลินอิ่งถามอย่างใจเย็น
“ไม่ครับ! ท่านหลิน ผมจะกล้าได้ยังไงครับ !” เสิ่นซานเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก พูดด้วยความเคารพแล้วหวาดกลัว
หลินอิ่งพูดอย่างใจเย็น “นี่เป็นคนของนาย นายจัดการเองเถอะ”
“ท่านสาม ทำไมท่านต้องเกรงใจเขาด้วยครับ หลินอิ่งมันเป็นแค่ลูกเขยไม่เอาไหนของตระกูลจาง!” งูดำยังไม่ค่อยรู้เรื่องซะเท่าไหร่ เขาพูดด้วยความไม่เข้าใจ
“ถึงแม้ว่าหัวหน้าตระกูลจาง จางหงซวนมา ต่อหน้าท่านเขาก็ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมาก” งูดำพูดพร้อมทำสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ฉลาด แต่เขาไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย เขาจะไปรู้ได้ไงว่า หลินอิ่งลูกเขยไม่เอาถ่านที่ชื่อเสียงโด่งดังคนนี้จะทำให้หัวหน้าประจำเมืองหนานเฉิงก้มหน้าให้เขาได้?
เสิ่นซานมองไปที่งูดำ ในสายเต็มเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาอยากจะเอามีดแทงไอโง่คนนี้ให้ตายไปซะเลย แค่การพูดคุยแบบผิวเผิน เขาก็เดาออกแล้วว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง นิสัยของงูดำเขาก็รู้ดี สงสัยต้องคิดไม่ดีไม่ร้ายกับจางฉีโม่ภรรยาของหลินอิ่งแน่ๆเลย
ผู้หญิงของหลินอิ่งนายยังกล้าคิดไม่ดีด้วย อยากตายจริงๆใช่ไหม!
“ไอ้โง่ ยังไม่หุบปากอีก!”
ท่านเสิ่นซานเตะไปที่หน้าของงูดำอย่างแรง แล้วก็ใช้ส้นเท้ากดหน้าของงูดำ ไว้กับพื้นอย่างรุนแรง
“ท่านสาม…..ผม!” แววตาของงูดำรู้สึกกล้ำกลืนเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจเลยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“ถ้านายกล้าออกเสียงอีกแม้แต่น้อย คืนนี้ฉันจะโยนนายลงแม่น้ำชิงหยูนให้ปลากิน!” เสิ่นซานพูดอย่างแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
“เอาแท่งเหล็กมา ฉันจะลงโทษด้วยกฏประจำบ้านเอง” เสิ่นซานพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ แล้วรับแท่งเหล็กมาจากบอดิการ์ดมา
“คืนนี้พวกนายหาเรื่องท่านหลิน ตอนนี้คุกเข่าลงให้หมด กราบท่านหลินเดี๋ยวนี้ ! “ เสิ่นซานถือแท่งเหล็กไว้ แล้วชี้ไปที่งูดำและลูกน้องของเขา พูดด้วยความเคร่งเครียด
ลูกน้องหลายคนของงูดำคุกเข่าลงทันทีแทบจะไม่มีการลังเลใดๆเลย หลังจากนั้นก็กราบหลินอิ่งอย่างเร็ว เสียงหัวที่โขกกับพื้นดังตุบ ตุบ ตุบ
ภาพนี้ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก ในเมืองหนานเฉิง สำหรับนักเลงอย่างพวกเขาแล้ว การเป็นอยู่ของท่านเสิ่นซานก็เหมือนเจ้าพ่อ
หลี่ฮุยที่คุกเข่าอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็อึ้งเหมือนกัน เขาตกใจจนเอ๋อไปแล้ว เขาเองก็ขอร้องให้ท่านหลินให้อภัย ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชาของท่านเสิ่นซาน
”ท่านหลิน ท่านปล่อยผมไปเถอะนะครับ! ผมผิดไปแล้ว ผมตาบอดเองผมไม่ควรหาเรื่องคุยตั้งแต่แรก !”หลี่ฮุยกรีดร้องขึ้นมาอย่างน่าสงสาร ตอนแรกก็ใจกากอยู่แล้ว พอนึกถึงตอนที่เยาะเย้ยหลินอิ่ง วิญาณก็แทบจะหลุดออกจากร่าง
ตอนแรกเขายังคิดอยู่ว่า กลับไปจะไปใช้อำนาจของพ่อมาเอาคืนหลินอิ่ง
แต่ตอนนี้ขณะนี้ความโกรธแค้นทั้งหมดของเขาได้หายไปอย่างสาบสูญ เขาเพิ่งจะเข้าใจว่า ระหว่างเขาและหลินอิ่งมันต่างกันแค่ไหน!
5นาทีผ่านไป
หลินอิ่ง กลับไปที่ห้อง888 หลี่ฮุยเดินตามหลังมาอย่างเชื่อฟังพร้อมแขนที่หักไป1ข้าง
“หลินอิ่ง เป็นยังไงบ้าง? เสิ่นซานคนนั้นมารึยัง?” จางฉีโม่ถาม เธอเป็นห่วงมาก
หลินอิ่งยิ้มออกมาเบาๆ พูดต่อว่า “ไม่เป็นไร ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉีโม่เรากลับบ้านกันเถอะ”
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว?”จางฉีโม่สฃสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แค่พยักหน้า หลินอิ่งก็ขี้เกียจสนใจพวกคนในห้องนั้น เดินออกมาพร้อมจางฉีโม่เลย
“พี่ฮุย แขนข้างนี้ของนายเป็นอะไรเหรอ? “ ในห้องนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย เขาสังเกตเห็นว่าแขนของหลี่ฮุยผิดปกติไปมาก
หลี่ฮุยพยายามฝืนยิ้ม พูดว่า :”เมื่อกี้ไม่ทันได้ระวัง ฉันทำแขนแพลงเอง “
“พี่ฮุย ไอ้หลินอิ่งนี่มันทำตัวใหญ่เกินไปรึเปล่า วันนี้เขาต่อยนาย แล้วก็ออกไปอย่างไม่ทักทายเลย นายไม่คิดหาวิธีจัดการมันหน่อยเหรอ? ต่อไปยังต้องตามจีบจางฉีโม่อีกนิ?” มีผู้หญิงคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย
“เธอกำลังพูดอะไร? สั่งสอนอะไร? ตามจีบจางฉีโม่งั้นเหรอ? ต่อไปถ้าใครกล้าพูดเรื่องนี้อีกมีปัญหากับฉันแน่!”หลี่ฮุยพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
“งั้นพี่ฮุย เมื่อกี้ท่านเสิ่นซานมาไหม? ข้างนอกนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ผู้ชายและผู้หญิงในห้องนั้นถามด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้พวกเธอก็อย่าถามเยอะเลย ฉันก็ไม่รู้ “หลี่ฮุยมองดูแผ่นหลังของหลินอิ่งที่เดินจากไป สีหน้าของเขาคงสับสนเล็กน้อย
เขาเองก็อยากจะพูด แต่ปัญหาคือเขาไม่กล้าพูด ไม่น่าเชื่อว่าคนใหญ่คนโตอย่างเสิ่นซานจะเรียกหลินอิ่งว่าท่าน นี่แม่งเรื่องอะไรกันวะ……
อีกฝั่งหนึ่ง หลินอิ่งกับจางฉีโม่เดินออกจากจื่อจินKTVไป เขาสองคนขึ้นรถไป อู่เจิ้งกำลังสตาร์ทรถ และจีพีเอสนำทางพวกเขามุ่งไปที่ชุมชนเจียงฉือ
ที่เบาะหลังรถ จางฉีโม่ถามอย่างจริงจังว่า “หลินอิ่ง สุดท้ายนายจัดการกับงูดำยังไง? อย่าบอกฉันนะว่านายใช้หมัดนายทำให้เขายอมนาย”
หลินอิ่งยิ้มเล็กน้อยกล่าวต่อว่า “ก็ใช้หมัดทำให้เขายอมจริงๆ”
“หึ! ไม่ยอมบอกก็ไม่เป็นไร “จางฉีโม่ทำเสียง”หึ” แล้วหันหัวกลับไป
ถึงแม้ว่าเธอจะสงสัยมาก แต่ก็ไม่อยากถามอีกแล้ว เพราะถึงยังไง เธอก็ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นภรรยาของหลินอิ่งจริงๆ…….
หลายวันหลังจากนั้นมา จางฉีโม่ก็เก็บตัวอยู่ในห้องทำงาน มุ่งมั่นทำโครงการKing of the world
หลินอิ่งก็อยู่ทำงานเป็นเพื่อนของจางฉีโม่ปกติเหมือนที่ผ่านมา พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดต่างๆของเพชรพลอยหายากชิ้นนี้ งานชิ้นนี้ก็เดินได้เร็วมากขึ้นทุกวัน
เวลาก็ผ่านไปแบบนี้3วัน
เหลือเวลาอีก1วัน ก็จะเป็นวันงานนิทรรศการแล้ว สถานที่จัดงานอยู่ที่ลานตึกที่กว้างที่สุดของเมืองชิงหยูน ที่พาณิชย์พลาซ่าชิงหยูน งานกิจกรรมทางธุรกิจนี้สำคัญมาก จางซื่อกรุ๊ปก็เชิญตัวแทนของบริษัทเพชรพลอยขนาดใหญ่มาร่วม รวมไปถึงมืออาชีพทางด้านนี้ด้วย
วันนี้ หลินอิ่งไม่ได้อยู่ที่บริษัท เขาไปที่บริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ของเมืองชิงหยูนตั้งแต่เช้า
หลินอิ่งตัดสินใจเลือกบ้านหลังใหม่ที่เหมาะสม แล้วรอเวลาที่เหมาะสม เพื่อย้ายเข้าไปอยู่พร้อมครอบครัวจางฉีโม่
ฝั่งเหนือของเมือง เขตกลางที่รุ่งเรือง มีแหล่งน้ำและดอกไม้ที่สวยงาม
หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำชิงหยูน สถานที่ตั้งโอเค วิวสวยดี สภาพแวดล้อมก็ดี
ถือว่าเป็นตึกที่ดีในระดับหนึ่งของเมืองชิงหยูน บ้านชุด1ราคาประมาณ 2ล้านหยวน
นี่เหมาะกับมาตรฐานในใจของหลินอิ่งมาก ไม่ดูโอ้อวดเกินไป แต่ก็อยู่สบายดี
ภายใต้การนำทางของพนักงานขายของบริษัท หลินอิ่งได้มาดูที่ห้องห้องชั้นที่12ข้องตึก1ตึก การตกแต่งสวยดี เป็นแนวโบราณใช้
หลินอิ่งแค่มองๆ ก็รู้สึกพึงพอใจมาก
“ท่านครับ บ้านชุดนี้ราคา2ล้าน3แสนหยวน ท่านต้องการไหมครับ?”พนักงานขายเริ่มแสดงสีหน้ารำคาญออกมา พูดอย่างไม่ใส่ใจ แม่แต่คำแนะนำขายก็ไม่มี เพราะเป็นงานเท่านั้น ถึงทำสีหน้าดีๆกับหลินอิ่ง
แต่เขามองว่า การแต่งกายของหลินอิ่ง ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีชิ้นไหนที่ราคาเกิน300หยวน ขนาดมาดูบ้าน เขาก็เป็นคนขับรถJettaส่งเขามา รถก็ไม่มี
พนักงานชายส่ายหัวในใจ ไม่รู้ว่าคนคนนี้คิดยังไงกันแน่ จนขนาดนี้ยังอยากจะซื้อบ้านอีก
สงสัยแม้แต่เงินดาวน์ยังไม่มีจ่าย
ตู้ด!
ทันให้นั้น โทรศัพท์ของหลินอิ่งก็ดังขึ้น ทางโทรศัพท์มีเสียงจางฉีโม่ที่เร่งรีบดังขึ้นมา
“หลินอิ่ง นายรีบมาที่บริษัทเร็ว งานKing of the worldถูกขโมยไปแล้ว”