บทที่ 240 เตรียมตัวไปตี้จิง
กงซุนเฟยเจี้ยนคิดอยากหนีจากสถานที่แห่งนี้ จากการพยุงตัวของบอดี้การ์ดสองคน เข้าลิฟต์ลงชั้นล่าง เพิ่งถึงห้องโถง ก็เจอจางหงจูนกับจางหงซวน
“ประธานกงซุน ช่วงนี้ยุ่งอะไรอยู่ครับ? พวกเราโทรไปไม่ติดเลย ก็เลยมาหาท่านถึงที่ พวกเรามีเรื่องด่วนต้องรายงาน” จางหงจูนพูดอย่างเคารพ
กงซุนเฟยเจี้ยนสีหน้าเย็นชา ไม่อยากพูดกับไอ้หน้าโง่สองคนนี้แม้แต่น้อย ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี เป็นแค่สุนัขรับใช้สองคนที่เขาซื้อไว้เท่านั้น
“ประธานกงซุน คือว่า วันนี้ไม่รู้เพราะอะไร รองประธานลาตินกรุ๊ปที่ลูกน้องท่านติดต่อให้รู้จักก่อนหน้านี้ ส่งคนมาซ้อมเราสองคน ยังมาเตือนพวกเรา แล้วยังถอนเงินทุนจากบริษัทจางซื่อใหม่ด้วย เรื่องนี้ ท่านต้องช่วยพวกเรา” จางหงซวนพูดอย่างอ้อนวอน บนหน้ายังมีรอยฝ่ามือชัดเจน ดูแล้วน่าตลก
จางหงจูนกับจางหงซวนเพิ่งทำเรื่องพิธีเปิดกิจการเสร็จ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร รองประธานของลาตินกรุ๊ปหลุยส์ ก่อนหน้านี้ยังคุยเรื่องงานกันดีๆในโต๊ะเหล้า แต่กลับพาบอดี้การ์ดมาซ้อมพวกเขา และยังลงมือทั้งซ้อมทั้งถีบเองด้วย ซ้อมเสร็จไม่พูดอะไรสักคำ
เรื่องนี้ทำให้จางซงจูนสองพี่น้องมีทุกข์ไม่มีที่ระบาย โมโหก็ไม่กล้าระบาย ตอนแรกจางหงจูนอยากไปหาซูนเฉียงช่วยแก้แค้น แต่กลับถูกซูนเฉียงด่ายับในโทรศัพท์ ด่าเสร็จแล้วก็บอกว่าต่อไปไม่ต้องไปเขาอีก
จางหงจูนสองพี่น้องรู้สึกอับอายมาก จึงมาขอพึ่งกงซุนเฟยเจี้ยน เชื่อว่ามีเพียงกงซุนเฟยเจี้ยนที่ยอมช่วยพวกเขา เพียงคำพูดง่ายๆคำเดียว ก็สามารถให้หลุยส์ก้มหน้าได้
“ประธานกงซุน หลุยส์คนนี้เป็นคนที่ลูกน้องคุณแนะนำ เขาซ้อมเราสองคนแบบนี้ ไม่ไว้หน้าท่านแม้แต่น้อย” จางหงจูนพูดประจบ
สีหน้ากงซุนเฟยเจี้ยนยิ่งเย็นชา เพิ่งถูกหลินอิ่งทำให้ขาหัก อารมณ์ไม่ดี ฟังคำพูดของสองคนนี้ไม่เข้าหูสักอย่าง
“พวกแกสองคน ไสหัวไปเดี๋ยวนี้” กงซุนเฟยเจี้ยนพูดอย่างโมโห
“นี่มัน…..ประธานกงซุน ท่าน เป็นอะไรครับ?” จางหงจูนถามอย่างไม่เข้าใจ รู้สึกสงสัย
“ขอโทษด้วยครับ ประธานกงซุน เป็นความผิดเราสองคนเอง ไม่ได้สังเกตว่าวันนี้ท่านเจ็บขา ท่านต้องระวังสุขภาพด้วยนะครับ” จางหงซวนรีบพูดขอโทษ เพิ่งสังเกตเห็นว่ากงซุนเฟยเจี้ยนขาเดินไม่สะดวก ต้องให้คนพยุง
ได้ยินแล้ว กงซุนเฟยเจี้ยนยิ่งโมโห อะไรไม่ควรพูดกลับไปพูด จางหงจูนพูดถึงเรื่องนี้ ยิ่งทำให้เขาโมโห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ
กงซุนเฟยเจี้ยนยกมือขึ้นตบหน้าจางหงจูนกับจางหงซวนอย่างแรง จนรอยยิ้มของทั้งสองจางไป โดนตบจนงง ไม่รู้ว่าสถานการณ์อะไร
“แกสองคน อย่ามาพูดจาไร้สาระต่อหน้าฉันอีก ถ้าพูดอีกเอาแกสองคนตายแน่” กงซุนเฟยเจี้ยนพูดอย่างเย็นชา “อีกอย่าง วันนี้ฉันจะไปจากเมืองตงไห่แล้ว และเงินทุนของบริษัทจางซื่อใหม่ฉันก็จะถอนทุนเหมือนกัน ฉันขอเตือนแกสองคน สำหรับเรื่องนี้ ห้ามไปบอกใคร ไม่อย่างนั้น แกสองคนได้หายไปจากโลกนี้แน่”
พูดจบ กงซุนเฟยเจี้ยนก็หันหลัง บอดี้การ์ดสองคนพยุงเขาเดินออกจากห้องโถง
“นี่มัน…..เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ประธานกงซุนก็จะถอนทุน?” จางหงจูนหน้าเขียว รู้สึกเสียใจและอับอายมาก
ตอนแรกพวกเขาสองคนอย่ามาหาที่พึ่งช่วยระบายความโกรธ แต่กลับโดนที่พึ่งคนนี้ตบหน้าไปสองที
ต้องอับอายต่อหน้าคนใหญ่โตแบบนี้ สำหรับพวกเขาสองคนแล้วก็ไม่ใช่เรื่องอะไร แต่ที่สำคัญคือ ประธานกงซุนจะถอนทุน?
ถ้าไม่มีที่พึ่งเจ้าใหญ่อย่างกงซุนเฟยเจี้ยน และไม่มีหลุยส์และซูนเฉียงที่คอยสนับสนุนในแวดวงธุรกิจเมืองชิงหยูน พวกเขาสองคนทุ่มเทแรงกายก่อตั้งบริษัทจางซื่อใหม่ คงต้องขาดทุนเลือดแห้งแน่
อีกอย่าง ไม่มีคนพวกนี้คอยสนับสนุน พวกเขาจะเอาอะไรไปสู้กับจางฉีโม่?
“พี่ใหญ่ นี่มัน ทำไมแค่แป๊บเดียว คนพวกนี้ก็ทิ้งบริษัทจางซื่อใหม่ของเราไปแล้ว?” จางหงซวนก็รู้สึกสงสัย สีหน้ากังวล
ถือโอกาสพึ่งคนใหญ่คนโตอย่างกงซุนเฟยเจี้ยนแล้ว ธุรกิจก็กำลังเป็นรูปเป็นร่าง แต่กลับถูกทุกคนทอดทิ้ง ยังเหยียบย่ำพวกเขาอย่างแรงอีก
ความรู้สึกแบบนี้ มันกลืนลงไปยากจริงๆ
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้น พวกเราโทรไปถามประธานใหญ่กงซุน?” จางหงจูนพูด
“ช่างเถอะ ประธานกงซุนก็เตือนพวกเราแล้ว ถ้ายังกล้าไปถามอีก เกรงว่า เขาจะเอาเราสองคนถึงตายแน่” จางหงซวนพูดอย่างหวาดกลัว สีหน้าเอือมระอา
พวกเขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของบอดี้การ์ดของกงซุนเฟยเจี้ยนมาแล้ว ไม่กล้าเข้าไปถามกงซุนเฟยเจี้ยนแม้แต่น้อย พูดไม่ดีอาจจะเอาชีวิตเข้าแลกก็ได้
แต่วันนี้บริษัทนายทุนพวกนี้จะถอนทุนแล้ว แบบนี้บริษัทจางซื่อใหม่ ก็มีเพียงเปลือกเท่านั้น จะตามเก็บความวุ่นวายพวกนี้ยังไง?
อีกฝั่งหนึ่ง ฮาเดสขับรถกลับวิลล่าหิมะมังกร เขาลุกขึ้นจากที่นั่งคนขับเปิดประตูอย่างถนัด หลินอิ่งลงจากที่นั่งด้านหลัง
“รอผมข้างนอก” หลินอิ่งสั่งไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าวิลล่าหิมะมังกร
ตอนแรกหลินอิ่งอยากกลับไปบนเกาะเทียมก่อน ไปวางแผนจัดการเรื่องกงซุนฉางเฟิง แต่ตอนอยู่บนรถฉีโม่โทรมา ก็เลยรีบกลับมาวิลล่าหิมะมังกรก่อน
ฉีโม่พูดในโทรศัพท์ว่า เรื่องไปร่วมงานเครื่องประดับประเทศหลุงที่ตี้จิงที่คุยกันครั้งก่อน เธอจะออกเดินทางไปตี้จิงพรุ่งนี้ ถามเขาว่ามีเวลาไปด้วยกันไหม
หลินอิ่งคิดแล้ว ก็เลยตอบตกลง จึงมาคุยเรื่องเปลี่ยนชื่อบริษัทกับฉีโม่
ไม่นาน หลินอิ่งมาถึงวิลล่า หลี่ผูมาเปิดประตู ห้องรับแขกอันกว้างใหญ่มีจางฉีโม่นั่งดูทีวีอยู่คนเดียว ลู่หย่าฮุ่ยสองผัวเมียไม่ค่อยอยู่บ้าน
“หลินอิ่ง คุณมาแล้วเหรอ วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน ไม่มารบกวนคุณหรอก เราคุยกันที่ห้องรับแขกเลย พวกเขาไปหาความสัมพันธ์ข้างนอก มัวแต่หาคนของตระกูลจาง ไปยอมให้กับพวกคุณลุง”
จางฉีโม่พูด
หลินอิ่งพยักหน้า นั่งลงที่เก้าอี้
เวลานี้ หลี่ผูยกแก้วน้ำชามา ยื่นชาให้ รู้รสชาติที่เขาชอบ
หลินอิ่งดื่มชาคำหนึ่ง พูดว่า “ฉีโม่ คิดชื่อใหม่ของบริษัทได้หรือยัง? ผมมีเพื่อนอยู่ที่ตี้จิง งานเครื่องประดับประเทศหลุงครั้งนี้ ก็ถือโอกาสโฆษณาชื่อบริษัทเลย เรื่องนี้สำคัญมาก
ฉีโม่ไปตี้จิง ก็เพื่อโฆษณาให้กับบริษัท สร้างชื่อเสียงและโฆษณาในวงการเครื่องประดับประเทศหลุง
แบบนี้ ก็ต้องเปลี่ยนชื่อบริษัทก่อน เพื่อป้องกันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทจางซื่อ
จางฉีโม่คิดไปมา ถามว่า “ความจริงฉันยังคิดไม่ออก คุณมีความคิดอะไรไหม?”