บทที่ 261 จัดงานเลี้ยงหงเหมิน?
“น้องฮุยสุง คุณยังคงจัดการเรื่องได้ดี เข้าใจดำขาวผิดถูกชัดเจน หลินอิ่งที่อยู่ใต้มือคุณ ก็คือคนโง่เขลาไม่รู้จักที่ตาย ไร้เหตุผลเอาแต่ก่อเรื่องคนหนึ่ง คุณเก็บคนอย่างนี้ไว้ข้างกาย ช้าเร็วก็ต้องเกิดเรื่องใหญ่” เหยียนหลงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ครั้งนี้ เขาเจตนาหาเรื่อง ต่อยหลานชายผมไปทีหนึ่ง ผมเองก็จะไม่สร้างความลำบากใจให้คุณ ผมจะออกหน้าช่วยคุณชำระสะสางเอง!”
พูดจบ เหยียนหลงก็ชี้ไปที่แก้วเหล้าบนโต๊ะ “ชิงซง ดื่มเหล้ากับผู้จัดการใหญ่ถังหน่อย ขอบคุณที่ผู้จัดการใหญ่ถังช่วยเหลือ”
สวีชิงซงมองหลินอิ่งแวบหนึ่งด้วยท่าทางลำพองใจ รีบยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มให้ถังฮุย
หลินอิ่งคิดกับตนเองว่าประจบถังฮุยไปได้ประโยชน์อะไร?
ตนเองใช้เส้นสายตามอำเภอใจ ยังไม่ใช่เพราะต้องการให้ถังฮุยทำตัวซื่อตรง พาหลินอิ่งมาที่นี่เพื่อให้ตนเองโขกสับได้ตามใจชอบ! แค่ต้องการดื่มเหล้าแล้วไปจากที่นี่เท่านั้น!
“เดี๋ยวก่อน ถังฮุยพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม ยกมือปฏิเสธแก้วเหล้าที่สวีชิงซงส่งมาให้ “เหล้าแก้วนี้ ผมไม่ดื่มแล้ว”
“นี่?” สวีชิงซงที่ลุกขึ้นยืนท่าทางแข็งค้าง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเดือดดาลอย่างหนัก
แม่เจ้า ถังฮุยผู้นี้ไว้หน้าแล้วแต่กลับไม่ต้องการ คิดจะเหยียบหน้าคุณชายรองตระกูลสวีผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา อยู่ที่นี่ มารินเหล้าส่งเหล้าให้ เขาถึงกับกล้าปฏิเสธเชียวหรือ?
“เหยียนหลง ที่ผมมาวันนี้ ไม่ใช่เพื่อมอบคนให้คุณ” ถึงฮุยกล่าวเสียงต่ำ
“ฮุยสุง นี่คุณหมายความว่ายังไง?” เหยียนหลงพลันจ้องมองถังฮุย สายตาเปลี่ยนเป็นดุดันราวกับคมมีด
“ไม่ได้มาที่นี่เพื่อมอบคน อย่างนั้นมาทำอะไร? คุณเห็นผมเหยียนหลงเป็นตัวตลกหรือ?” เหยียนหลงกล่าวเสียงเย็น กลิ่นอายเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“เห็นคำพูดผมเป็นคำพูดล้อเล่นหรือ?” เหยียนหลงกล่าวเสียงเย็น พ่นควันบุหรี่กลิ่นฉุนออกมาทีหนึ่ง หน้าตาดูชั่วร้าย จ้องหลินอิ่งกับถังฮุยอย่างเอาเป็นเอาตาย
เขารู้สึกว่าตนเองถูกถังฮุยเหยียบหน้า แต่ถังฮุยดูราวกับไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่องจริงๆ จำเป็นต้องลงมือจริงสักหน่อยถึงจะดี
“ที่ผมมาที่นี่ มาเพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างคุณหลินกับสวีชิงซง” ถังฮุยกล่าวเนิบช้า “แต่ ทำไมถึงบอกว่าเป็นความผิดของคุณหลิน ต้องการให้คุณหลินได้รับการลงโทษจากพวกคุณ? ทำไมไม่เรียกสวีชิงซงออกมา ให้ผมพาไปลงโทษที่เขตจงเทียนล่ะ?”
เหยียนหลงถึงกับยังกล้าพูดว่าจะจัดการท่านอิ่ง ช่างไม่รู้ว่าฟ้าสูงเพียงใดจริงๆ
ท่านอิ่งเป็นใครกัน? ฉีหยิ่นสองคำนี้อยู่ตี้จิงราวกับเทพนิยายที่กำลังเล่าขานเสียด้วยซ้ำ
“ฮ่าๆๆ” เหยียนหลงหัวเราะด้วยความโกรธจัด แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบหาใดเปรียบ “ฮุยสุง คุณกำลังล้อเล่นกับผมอยู่หรือ? กำลังหาเรื่องผมในถิ่นผมอยู่ใช่ไหม?”
“วันนี้ คุณจะยอมมอบคนก็ดี ไม่ยอมมอบคนก็ช่าง” เหยียนหลงลุกขึ้นอย่างช้าๆ กล่าวอย่างทรงพลังยิ่งว่า “วันนี้คนแซ่หลินจะออกจากเขตเหยียนหวงไปไม่ได้ ฉันเห็นแก่หน้าหยูจื๋อเฉิง จึงให้ทางรอดแก่คุณฮุยสุง คนที่พาคุณมา ไสหัวออกไปจากเขตเหยียนหวง ผมสามารถทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้”
เขารู้สึกว่าฮุยสุงมาหาเรื่อง และไม่รู้ว่าสมองเน่าไปแล้วใช่หรือไม่ อาศัยแค่ฮุยสุง มีความสามารถมาหาเรื่องกับตัวเขา? ยังอยู่ในถิ่นเขาบอกว่าจะลงโทษสวีชิงซง? ฮ่าๆ เห็นทีคนอย่างฮุยสุงกับหยูจื๋อเฉิงที่ตามหลังเรือใหญ่อย่างตระกูลฉี จิตใจช่างโลภมากจริงๆ!
“ยังกล้าบอกให้ฉันมอบตัวหลานชายชิงซงออกมา ช่างน่าขันเหลือเกิน” เหยียนหลงเยาะหยัน
“หากผมยืนกรานจะให้คุณมอบตัวสวีชิงซงออกมา แล้วอย่างไรล่ะ?” หลินอิ่งพูดอย่างสบายๆ
พอได้ยิน เหยียนหลงมองไปที่หลินอิ่งอย่างเย็นชา ตวาดว่า” แกนับเป็นตัวอะไรกัน? ตรงนี้มีที่ให้แกพูดด้วยเหรอ?”
“แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น ยังกล้าเอะอะโวยวายต่อหน้าฉัน?” เหยียนหลงทำสีหน้าเหยียดหยาม จากนั้นก็มองไปทางถังฮุย “ฉันหมดความอดทนแล้ว ฮุยสุง ไว้หน้าแล้วแต่นายก็ไม่ต้องการ ตอนนี้ นายไสหัวออกไปจากเขตเหยียนหวงซะ ทางด้านหยูจื๋อเฉิงลูกพี่นาย ฉันจะไปทักทายด้วยตัวเอง!”
พูดจบ เหยียนหลงก็ดีดนิ้วด้วยท่าทางมีสง่าราศีเสียเต็มประดา
โครม เวลานี้ ประตูใหญ่แต่ละบานได้ถูกเปิดออกจากทุกทิศทุกทาง ชายในชุดสูทท่าทางเฉยชาพากันบุกเข้ามาทันที บอดี้การ์ดยอดเยี่ยมฝีมือไม่ธรรมดามีประมาณร้อยคน
อีกทั้ง ชุดสูทแต่ละคนต่างเปิดออก มือของพวกเขาทั้งหมดวางอยู่ตรงกระเป๋าข้างของชุดสูท ท่าทางพร้อมชักปืนออกมายิงได้ทุกเมื่อ เหตุการณ์ดูค่อนข้างน่าตกใจ
“นี่……” ถังฮุยเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาบ้างแล้ว คิดไม่ถึงว่าเหยียนหลงจะบอกว่าเป็นศัตรูก็เป็นศัตรู ถึงกับเตรียมมือปืนมาที่งานเลี้ยงมากขนาดนี้ พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
หลินอิ่งสีหน้าเป็นปกติ มองไปทางเหยียนหลง กล่าวอย่างไม่แส “ทำไม? นี่เป็นงานเลี้ยงหงเหมินเหรอ?”
“แม่แกสิ ไอ้บ้านนอกที่มาจากชนบทลูกเขยที่เกาะเมียกินคนหนึ่ง จนป่านนี้ ยังมาทำเสแสร้งกับฉันอีกเหรอ?” สวีชิงซงสีหน้ามืดครึ้ม ยกมือชี้นิ้วด่าหลินอิ่ง “ฉันกลับนับถือความกล้าของแกนะ ในสถานการณ์แบบนี้ยังแสร้งพูดจาสงบได้อีก แกเชื่อไหม ฉันให้คนจับแกโยนลงแม่น้ำตี้เจียงก่อนที่แกจะได้สติเดี๋ยวนี้เลยก็ได้?”
สวีชิงซงท่าทางราวกับกุมชัยชนะไว้ในกำมือ มองสำรวจหลินอิ่งอย่างเบิกบานใจ
ในใจเขาเริ่มวาดแผนการไว้แล้ว ว่าควรจะเฆี่ยนตีไอ้โง่อย่างหลินอิ่งอย่างไรดี
“พาตัวฮุยสุงออกไปให้ฉัน จากนั้น เอานำไอ้คนแซ่หลินที่ไม่รู้จักที่ตายคนนี้ ไปหักขาทั้งสองข้างก่อนค่อยว่ากัน” เหยียนหลงพูดเสียงเย็น ออกคำสั่งกับลูกน้องที่บุกเข้ามาในห้องอาหาร
โครม พวกเขาล้อมเข้ามาจากสี่ทิศแปดทาง ในเวลาอันรวดเร็ว
“เหยียนหลง นี่คุณคิดจะทำอะไร คิดจะไม่สนกฎเกณฑ์เลยหรือ? ผมจะบอกคุณให้นะ คุณหลินเป็นเพื่อนคนสำคัญของลูกพี่หยู! คุณรับความโกรธของลูกพี่หยูไหวเหรอ?” ถังฮุยลุกขึ้นยืน พูดเสียงเย็น หน้าผากเองก็มีเหงื่อผุดออกมาเช่นกัน
หาวันนี้ท่านอิ่งเป็นอะไรไปอยู่ที่เขตเหยียนหวง ความผิดของเขาก็ใหญ่หลวงนัก ตายหมื่นครั้งก็ยังไม่สาสม!
“ฮ่าๆ ลูกพี่หยู?” เหยียนหลงเยาะหยัน แววตาเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย “ตอนที่ฉันเหยียนหลงตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ในเส้นทางสายนักเลง หยูจื๋อเฉิงยังเป็นแค่เด็กในแก๊งคนหนึ่งในเขตจงเทียน ตอนนี้โชคดีได้ปะปนอยู่กับเสาหลักใหญ่ ก็กล้าคิดว่าฉันจะไม่เอาเรื่องแล้วเหรอ?”
พูดจบ เหยียนหลงก็โบกมือหนา กล่าวว่า “ลงมือ!”
ถ้อยคำเพิ่งจะสิ้นสุดลง ก็มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาทันที เป้าหมายทั้งหมดอยู่ที่หลินอิ่ง ยื่นมือต้องการคว้าตัวเขาให้ได้
หลินอิ่งหน้าไม่เปลี่ยนสี ยกชาที่ข้างโต๊ะขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง นั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ไม่แยแสลูกสมุนแต่ละคนที่บุกเข้ามาโดยสิ้นเชิง
พลั่ก!
ฮาเดสที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินอิ่ง พลันหมุนกายหนาทีหนึ่ง สะบัดมือเป็นสองหมัดเผชิญหน้ากับการปะทะ ล้มบอดี้การ์ดสองคนที่พุ่งเข้ามาคว่ำลงไปที่พื้น หัวแตกเลือดไหลนอง
จากนั้น ฮาเดสก็วาดเท้าต่อเนื่องกันอย่างว่องไว ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว เกิดเสียงขาหักกระดูกแตกดังตามมา ทำเอาบอดี้การ์ดกลุ่มนี้ล้มลงอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากก!”
“เจ็บมาก!”
ไม่ถึงหนึ่งนาที พวกบอดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามาคิดจะจับตัวหลินอิ่ง ก็ถูกฮาเดสตีจนล้มคว่ำลงไปนอนกับพื้นเกลื่อนกลาด ร้องโอดโอย แต่ละคนหัวแตกเลือดไหลอาบ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง
“สารเลว ยังกล้าลงมืออีก?” สวีชิงซงมองหลินอิ่งอย่างเยาะหยัน “แกมันไอ้สวะ คิดว่ามีบอดี้การ์ดที่สู้อยู่ข้างกายแก แล้วจะทำตัวลำพองใจได้จริงๆ น่ะหรือ?”
“ยิง ยิงบอดี้การ์ดที่ไม่รู้จักที่ตายคนนี้ให้พิการให้ฉัน” เหยียนหลงพูดอย่างโหดเหี้ยม ไม่ได้ถูกฝีมืออันแข็งแกร่งของอาเดสทำให้ตกใจกลัว
เพียงพริบตาเดียวนี้ ปืนสิบกว่ากระบอกก็เล็งมาที่ฮาเดสพร้อมกัน