“หา? ผู้อาวุโสปฏิเสธคนมาเยี่ยม? นี่……”
“คนใหญ่คนโตในตี้จิงมากันมากมายขนาดนี้ ต่างก็เอาของล้ำค่ามามอบให้ แค่บอกว่าปฏิเสธง่ายๆเพียงคำเดียว นี่มัน หยิ่งยโสขนาดไหนกัน”
“นี่จะวางมาดใหญ่โตเกินไปไหม? ผู้ดีวงศ์ตระกูลในตี้จิง ตัวแทนของแต่ละตระกูลต่างก็มากันครบ ผู้อาวุโสอันลึกลับคนนี้ ไม่ปรากฏตัวมาเห็นเลย?” ชายวัยกลางคนบุคลิกดีคนหนึ่งพูดอย่างตะลึง
แขกที่นั่งในงานทั้งหมด ต่างก็ตะลึงกับคำพูดของนิ่งซวน ต่างก็รู้สึกเสียหน้า
พวกเขาที่นั่งในนี้ มีใครบ้างที่ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง อำนาจทรัพย์สินเงินทองล้นฟ้า?
ครั้งนี้ที่มาร่วมงานตระกูลนิ่ง ต่างก็เอาของขวัญอันล้ำค่ามา หวังจะได้พบโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้อาวุโสตระกูลนิ่งคนนี้ เพื่อหวังจะได้มีโอกาสประจบ แต่กลับไม่ได้เห็นแม้แต่คน?
“ให้นิ่งซวนออกหน้า ดูแบบนี้ ผู้อาวุโสคนนี้อยากช่วยนิ่งซวนให้ครองอำนาจของตระกูลนิ่งต่อจากนี้ ส่วนเขา จะเป็นจักรพรรดิของตระกูลนิ่ง” ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เห็นอะไรมามากแล้วพูดขึ้นมา “ช่างกล้าหาญเหลือเกิน”
คนในงานต่างก็นั่งถอนหายใจ พวกเขาต่างก็เป็นผู้ใหญ่ที่เห็นอะไรมาพอสมควรแล้ว ขณะเดียวกันต่างก็เข้าใจกันแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลนิ่ง ต่อจากนี้คนนี้ก็คือจักรพรรดิของตระกูลนิ่ง ทุกคนต่างรู้สึกว่า ตำแหน่งฐานะของพวกเขา ยังไม่มีสิทธิ์ได้เจอเขา
“นิ่งซวน คุณไปรายงานผู้อาวุโสหน่อย ขอเชิญผู้อาวุโสออกมาพูดสักคำ ให้พวกเราได้มีโอกาสแสดงความยินดี” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งลุกขึ้น พูดอย่างจริงจัง
“คำพูดมีเหตุผล นิ่งซวน ไปรายงานผู้อาวุโสหน่อย พวกเราต่างก็เคารพผู้อาวุโส ถึงได้มาพบด้วยตัวเอง”
ชายวัยกลางคนอีกคนลุกขึ้นพูด
“นิ่งซวน ทุกคนในงาน ต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมตี้จิง ผู้อาวุโสจะไม่ให้หน้ากันหน่อยเลยเหรอ?”
พวกเขาเหล่านี้มางานของตระกูลนิ่ง ก็ต้องอยากรู้สถานการณ์ของตอนนี้ของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงอยู่แล้ว ถ้าสามารถเข้าถึงตัวผู้อาวุโสตระกูลนิ่งก็ยิ่งดี เพราะว่า พวกเขาเหล่านี้ซึ่งเป็นตระกูลระดับหนึ่งระดับสองในตี้จิง จะอยู่ในสังคมตี้จิงแห่งนี้ ก็ต้องพึ่งท่าเรือของตระกูลนิ่งแน่นอน
พูดไปแล้ว ล้วนมาเพื่อกอดขาใหญ่ของตระกูลนิ่งทั้งนั้น ปรากฏว่า ไม่ได้เจอองค์พระอย่างหลินอิ่ง ในใจจะไม่รีบร้อนได้ยังไง?
นิ่งซวนขมวดคิ้ว เขารู้ว่าต้องมีคนไม่พอใจแน่นอน
“ทุกท่าน ผู้อาวุโสได้เขียนหนังสือไว้ให้ เพื่อแสดงทัศนคติของตระกูลนิ่งต่อวงศ์ตระกูลผู้ดีในตี้จิงต่อจากนี้” นิ่งซวนพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น
พูดไป นิ่งซวนก็ขยับมือ ยกหนังสือที่หลินอิ่งเขียนให้ แขวนไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนของห้องรับรองอาคารนิ่งซื่อ”
“ป้ายตัวหนังสือนี้ผู้อาวุโสเขียนไว้เพื่อเตือนสติตระกูลนิ่ง ทุกท่าน ขอให้ชื่นชมกันอย่างระมัดระวัง” นิ่งซวนพูดอย่างจริงจัง
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนในงานต่างก็เคร่งเครียด มองไปที่ตัวหนังสือนั้น
“ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อการแย่งชิงชื่อเสียง ขี้เกียจจนไม่อยากสร้างบันไดทองมาอวด”
“ข้าราชการชั้นสูงก็เหมือนหมูหมา ล้วนเป็นเศษเน่าเหม็นภายใต้มีด”
ลายมืออันสวยงามดั่งมังกรบิน แรงปากกาอันแข็งแกร่ง เหมือนอำนาจของม้าเหล็ก ทำให้ทุกคนรู้สึกตะลึงในใจ
ทุกคนต่างมองไปที่ตัวหนังสือนั้น รู้สึกเหมือนจะมีมีดลอยออกมาจากหนังสือนั้นทิ่มเข้ากลางอกได้ตลอดเวลา แรงอาฆาตเต็มที่ พวกเขารู้สึกได้ถึงอำนาจของการเหยียดหยามทั่วแผ่นดินแบบนี้ แต่ละคนต่างก็รู้สึกตัวสั่น
ผู้อาวุโสตระกูลนิ่งท่านนี้ หรือจะเรียกว่าจักรพรรดิตระกูลนิ่ง ดูยิ่งใหญ่มาก
จากตัวหนังสือที่ทิ้งไว้ ทัศนคติของผู้อาวุโสอันลึกลับท่านนี้ แสดงอย่างชัดเจนแล้ว
“แรงปากกาอันเฉียบคมขนาดนี้ ปรมาจารย์แท้ๆ ไม่ได้เกิดมาเพื่อการแย่งชิงชื่อเสียง ไม่หวังในอำนาจเงินทอง…..” ผู้สูงอายุผมขาวท่านหนึ่ง พูดพึมพำขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความตะลึง “นี่มันจิตในอันเหลื่อมล้ำขนาดไหน เป็นคนระดับสูงแค่ไหน…..”
“พ่อ กลอนที่ผู้อาวุโสตระกูลนิ่งท่านนี้ทิ้งไว้ มันหมายความว่าอะไรหรือ? หนูเหมือนดูไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกว่า ตัวหนังสือนั้นทรงพลังมาก ทักษะการเขียนหนังสือชั้นสูง” ข้างกายชายชรานั้น มีหญิงสาวหน้าตาสวยงามคนหนึ่งแววตาประกาย พูดจาชื่นชม ถามอย่างสงสัย
“กลอนนี้พูดได้ว่าบ้าคลั่งไม่เกรงกลัวใคร น่าเกรงขามเหนือโลก แต่ก็มีบุคลิกอันสูงส่งเหนือคนทั่วไปที่ไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลก” คนแก่ผมขาวแววตากะพริบ พูดอย่างเชื่องช้า “จักรพรรดิตระกูลนิ่งท่านนี้หมายความว่า ฉันเกิดมาไม่ได้เพื่อไปแย่งชิงชื่อเสียงอำนาจ และไม่ได้มาเป็นพระราชาในตี้จิง ดังนั้นจึงขี้เกียจสร้างบันไดทองคำหน้าประตู เพื่อโอ้อวดของเหล่านี้ พวกเศรษฐีข้ารัชการชั้นสูงในตี้จิง ในสายตาฉันก็เป็นเพียงฝูงหมูหมา มีดเดียวก็ฆ่าได้แล้ว”
“คนคนนี้บ้าคลั่งเกินไปแล้ว” สาวสวยคนนี้เม้มปาก พูดอย่างประหลาดใจ
“เหอะ คนคนนี้ มีต้นทุนในการบ้าคลั่ง” คนแก่ผมขาวพูด “มีตัวหนังสือนี้แขวนไว้ที่ตระกูลนิ่ง เพื่อรักษาความสงบ คนรุ่นหลัง ไม่กล้าก้าวก่าย”
พูดไป ชายผมขาวลุกขึ้น พูดอย่างเกรงใจ “ผมพูดมากไปแล้ว ของขวัญแค่นี้ จะเชิญคนระดับท่านผู้อาวุโสออกมารับแขกได้อย่างไร? นิ่งซวน ช่วยฉันบอกผู้อาวุโสหน่อยนะ ถ้ามีโอกาส ฉันนายเจียงคนนี้จะเข้าไปทักด้วยตัวเอง”
นิ่งซวนสีหน้าอึ้งไปครู่หนึ่ง ตอบอย่างเกรงใจ “คำพูดผมจะนำไปบอกต่อให้ครับ ท่านเจียง เดินทางปลอดภัยครับ”
“ขอบคุณมาก” ผู้อาวุโสผมขาวพยักหน้าอย่างเกรงใจ มีบอดี้การ์ดชุดทหารท่าทางน่ากลัวสองนายปกป้องอยู่ เดินออกจากอาคารช้าๆ
จากคำพูดที่ผู้อาวุโสผมขาวท่านนี้ได้พูดไป ทุกคนในงานต่างก็เงียบ
ผู้อาวุโสผมขาวท่านนี้ เป็นถึงรองบัญชาการในที่ว่าการเมืองตี้จิง ตำแหน่งระดับสูงในรัชกาล ทุกคนที่นั่งในนี้ อำนาจสูงสุด เป็นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจที่สุดในนี้
แม้แต่คนมีอำนาจสูงขนาดนี้ ยังต้องตะลึงกับหนังสือที่หลินอิ่งเขียนไว้ แล้วนับประสาอะไรกับพวกเขาละ? คราวนี้ ก็ไม่มีใครกล้าเอาฐานะตำแหน่งมีอ้างแล้ว อยากให้หลินอิ่งออกมา
เพราะว่า ในใจพวกเขารู้ดี พวกเขาไม่มีสิทธิ์จริง ให้จักรพรรดิตระกูลนิ่งออกมาพูด
…….
งานเลี้ยงตระกูลนิ่งยังไม่จบ หลินอิ่งก็กลับไปถึงจงเทียนซิงเฉิง
แผนผังในตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงจัดเรียบร้อยแล้ว ทำลายสามยักษ์ใหญ่ของตระกูลนิ่งแล้ว ลงโทษนิ่งจองเป่าสองคนต่อหน้าคนทั้งตระกูลนิ่งเพื่อเป็นตัวอย่าง ทำถึงขั้นนี้แล้ว นิ่งซวนเป็นตัวแทนเขาในการควบคุมอำนาจตระกูลนิ่ง
สำหรับเหล่าตระกูลในตี้จิง ก็เขียนป้ายหนังสือนี้ไว้เพื่อแสดงทัศนคติ
ขอเพียงผู้อาวุโสอันลึกลับคนนี้ยังอยู่ ตี้จิง ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรตระกูลนิ่ง
ต่อมา จะได้มีเวลา ไปจัดการเรื่องของจี้ฉงซาน อีกอย่าง กงจิ่วผู้ลึกลับคนนั้น ก็ต้องรีบจับตัวให้ได้
เพราะว่า เขาทำลายงานของกงจิ่วในตระกูลนิ่ง องค์กรนี้ไม่มีวันจบแค่นี้แน่นอน ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะมีแผนการอะไรอี
หลินอิ่งนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ที่นั่งเบาะหลัง ในหัวคิดถึงภาพบางอย่าง
สิบนาทีผ่านไป
รถจอดอยู่ใต้อาคารดวงดาว หลินอิ่งลงจากรถ
แต่กลับพบว่า หน้าอาคารมีรถสปอร์ตสีสันสดใสจอดอยู่คันหนึ่ง รอบด้านล้อมรอบไปด้วยรถRolls Royceสีดำมากมาย ดูแล้วอลังการ
ติ๊ดติ๊ด
เวลาเดียวกัน โทรศัพท์ของหลินอิ่งดังขึ้น
“ฮัลโหล ท่านอิ่ง ยุ่งอยู่ไหมครับ? ผมอยู่อาคารซิงเฉิง ที่นี่ มีคนมา มีคนมาหาท่าน” ในโทรศัพท์ เป็นเสียงของถูซานที่พูดอย่างตื่นเต้น
“ตื่นเต้นอะไร ใครมาหาผม?” หลินอิ่งมองไปที่ทีมรถหน้าอาคาร เปิดปากถาม
“ครับ คนของตระกูลจ้าว บอกว่าเป็นคู่หมั้นของท่าน” ถูซานพูดอย่างตื่นเต้น