จ้าวหลินเอ๋อร์สายตาเย็นชา จ้องไปที่จางฉีโม่ สีหน้าโมโห
เธอคิดไม่ถึง จางฉีโม่จะกล้าพูดจากับเธอแบบนี้
“เหอะ กล้ามากนะ? แล้วมันมีประโยชน์อะไร?” จ้าวหลินเอ๋อร์ตั้งใจพูด “เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ฉีหยิ่นเก็บไว้นอกบ้าน ส่วนฉัน เป็นภรรยาที่แท้จริงของเขา”
“เธอจะวาดฝันว่าหลินอิ่งเป็นผู้ชายของเธอ ก็ไม่มีประโยชน์”
“เท่าที่ฉันรู้ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะได้เจอฉีหยิ่น มีเขาคอยช่วยเธอวางแผน มีเขาคอยหนุนหลังเธอ เธอจะมีที่นั่งในแวดวงธุรกิจเมืองตงไห่เหรอ?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดจาเสียดสี
จางฉีโม่กำหมัดไว้แน่ ไม่ได้พูดอะไร
จ้าวหลินเอ๋อร์สังเกตเห็นท่าทางของจางฉีโม่ หัวเราะเย็นชา จากนั้นก็พูดว่า “ฉันบอกเธอละกัน เธอกับฉีหยิ่นเป็นคนเส้นทางเดียวกันหรือเปล่า ฉีหยิ่น เป็นทายาทของตระกูลฉีแห่งตี้จิง เป็นผู้มีอำนาจของตระกูลฉี ส่วนฉัน จ้าวหลินเอ๋อร์ เป็นคุณหนูแห่งตระกูลจ้าว เป็นภรรยาตัวจริงที่มีสัญญามั่นหมายกับฉีหยิ่น”
“ตอนนี้ฉีหยิ่นกำลังต่อสู้กับตระกูลสวีแห่งตี้จิง ต้องแบกรับความกดดันมากแค่ไหนเธอรู้ไหม? ถ้าหาเขาพ่ายแพ้จากการต่อสู้ครั้งนี้ ก็จะสูญเสียทุกอย่าง ไม่มีโอกาสพลิกผันอีก แล้วเธอช่วยอะไรฉีหยิ่นได้? นอกจากคอยถ่วงเขา?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา “ส่วนฉัน สามารถช่วยเหลือฉีหยิ่นให้ประสบความสำเร็จได้ ช่วยเขาขจัดสิ่งกีดขวางได้”
“ตระกูลฉี ฉีหยิ่น……” จางฉีโม่พึมพำ คิดถึงข่าวลือที่เคยได้ยิน
แน่นอน หลินอิ่ง เป็นเหมือนที่เธอคาดเดา ฐานะตระกูลผู้ดีแห่งตี้จิง อำนาจและความร่ำรวยมากเกินขอบเขตที่เธอจะสามารถรู้ได้
หลินอิ่งกำลังแบกรับความกดดันมหาศาล? กำลังแข่งขันกับตระกูลอื่น?
ปฏิกิริยาแรกคือ จางฉีโม่กังวลวิกฤติของหลินอิ่ง
หลินอิ่งต้องทนรับความกดดันมากเหรอ? เธอ สามารถทำอะไรให้หลินอิ่งได้บ้าง?
แน่นอน คำพูดของจ้าวหลินเอ๋อร์ ทิ่มแทงใจทุกคำ จนทำให้จางฉีโม่เจ็บปวด
จางฉีโม่อดที่จะรู้สึกสงสัยในตัวเองไม่ได้ รู้สึกตัวเองมีปมด้อย เธอ คู่ควรกับหลินอิ่งไหม?
ในความทรงจำของเธอ ทุกครั้งจะเป็นหลินอิ่งที่คอยสนับสนุนเธอ ช่วยเหลือเธอ ส่วนหลินอิ่งไม่เคยต้องการให้เธอช่วยเลย……
“จางฉีโม่ ถ้าไม่ได้เห็นแก่หลินอิ่ง ฉันก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายมาพูดกับยายบ้านนอกอย่างเธอเลย ส่วนเธอเอง ก็รู้ตัวไว้ด้วย……”จ้าวหลินเอ๋อร์หัวเราะพูดอย่างเย็นชา ยังอยากต่อว่าจางฉีโม่ต่อ
“หุบปาก”
ตอนนี้เอง เสียงต่อว่าอย่างโมโหดังขึ้น พูดตัดเธอขึ้นมา ทำให้เธอตกใจจนตัวสั่น หันไปมอง
หลินอิ่งสายตาเย็นชา ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำดูสง่า เดินเข้ามาจากประตู
เขาได้รับรายงานจากถูซาน ได้ยินว่าจ้าวหลินเอ๋อร์มาจงเทียนซิงเฉิง ก็รีบมาที่โรงแรมจงเทียนทันที
“หลินอิ่ง…….” จางฉีโม่เห็นหน้าหลินอิ่งแล้ว ถึงรู้สึกวางใจ
“ฉีหยิ่น คุณยอมออกมาเจอหน้าแล้วเหรอ พอดีเลย อยู่พร้อมหน้า จะได้พูดทุกอย่างให้ชัดเจนไปเลย” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเชื่องช้า
“คุณยังไม่ยอมหยุดใช่ไหม?” หลินอิ่งมองจ้าวหลินเอ๋อร์ด้วยสายตาเย็นชา
ต่อหน้าสายตาอันเย็นชาคู่นี้ ในใจจ้าวหลินเอ๋อร์ก็รู้สึกกลัว ตัวสั่นเล็กน้อย
“คุณนี่ไม่รู้จักเบื่อใช่ไหม ผมเคยพูดแล้ว ว่าอย่ามายุ่งกับชีวิตผมอีก” หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา “คุณ อย่ายั่วโมโหผม สัญญาในอดีต ผม จะไปที่ตระกูลจ้าวด้วยตัวเอง”
พูดจบ หลินอิ่งจูงมือจางฉีโม่ที่ตะลึงอยู่ เดินออกไป
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องสนใจเธอ” หลินอิ่งมองจางฉีโม่ พูดเสียงเบา
จางฉีโม่รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะ”
“ฉีหยิ่น คุณ!”
จ้าวหลินเอ๋อร์มองร่างที่หลินอิ่งที่เดินจากไป ความรู้สึกอิจฉาในใจก็ถูกจุดประกายขึ้น
ฉีหยิ่นด่าเธอโดยไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น ไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะ ยังทำตัวอ่อนโยนเอาใจใส่สาวบ้านนอกอย่างจางฉีโม่อีก มันเป็นเพราะอะไร?
จ้าวหลินเอ๋อร์หน้าแดงด้วยความโกรธ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีใครเคยทำกับเธอแบบนี้
เธอก็ไม่เข้าเหมือนกัน เธอไม่ดีตรงไหน? ดูจากรูปร่างหน้าตา ไม่ว่าจะเทียบอะไร เธอก็ไม่มีอะไรที่สู้จางฉีโม่ไม่ได้
“ฉีหยิ่น นายต้องเสียใจแน่” จ้าวหลินเอ๋อร์สีหน้าเย็นชา กำหมัดตัวเองไว้แน่น พูดอย่างเย็นชา
ส่วนหลินอิ่งฟังคำพูดของเธอไม่เข้าเลยแม้แต่น้อย พาจางฉีโม่เดินออกจากร้านกาแฟ
“โทรหาพี่ชายฉัน บอกเขาว่าฉันถูกรังแก ให้เขารีบกลับมาจากต่างประเทศ” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดกับบอดี้การ์ดผู้หญิงสองคน ด้วยสีหน้าผิดหวัง
“จะโทร โทรหาคุณชายใหญ่จริงเหรอคะ? อย่างนี้จะทำให้เรื่องใหญ่ไปไหม?” บอดี้การ์ดหญิงข้างกายถามอย่างสงสัย
พี่ชายของจ้าวหลินเอ๋อร์ เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลจ้าวที่โด่งดังในตี้จิง และเป็นคนเดียวในตี้จิง ที่ได้นั่งตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดของวงตระกูลที่ฝีมือร้ายกาจ
คนคนนี้เป็นชายหนุ่มมากความสามารถ อยู่เหนือทุกคนในวัยเดียวกันนานแล้ว เด็ดขาดโหดเหี้ยม ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างหวาดกลัว
โดยเฉพาะ คุณชายใหญ่รักและหวงน้องสาวตัวเองมาก ถ้าให้คุณชายใหญ่รู้ว่าน้องสาวตัวเองถูกรังแก แบบนี้คงต้องพลิกแผ่นดินทั้งตี้จิงแน่นอน?
ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นฉีหยิ่นที่สะเทือนตี้จิงได้ คุณชายใหญ่ตระกูลจ้าวท่านนี้ เกรงว่าจะไม่ยอมเหมือนกัน คงต้องสู้กันเอาเป็นเอาตายแน่
“ทำตามก็พอ” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดจริงจัง เบ้ปากอย่างไม่พอใจ
เธอรู้สึกว่า ต้องทำให้ฉีหยิ่นรู้บ้าง ทำให้ฉีหยิ่นรู้ไว้ว่าในตี้จิงนี้ไม่ใช่ไม่มีใครสู้เขาได้ ถ้าถูกสั่งสอนแล้ว ความหยิ่งยโสของเขาก็คงจะดีขึ้นบ้าง
อีกด้านหนึ่ง หลินอิ่งออกจากร้านกาแฟ พาจางฉีโม่ขึ้นรถBentleyสีดำ นั่งบนที่นั่งคนขับและขับรถเอง
ฮาเดสถูกส่งไปช่วยงานถังฮุยจัดการเรื่องที่เขตหัวหยาง ข้างกายเขาก็ไม่มีบอดี้การ์ดคนขับรถที่เหมาะสม
จางฉีโม่นั่งเงียบอยู่ที่นั่งข้างคนขับ เปิดปากพูด “หลินอิ่ง คุณเป็นคนตระกูลฉี? ชื่อจริงของคุณคือฉีหยิ่น?”
“หลินอิ่ง ก็คือชื่อจริงของผม” หลินอิ่งใช้มือข้างเดียวจับพวงมาลัย หันไปพูดกับจางฉีโม่
“แล้วอดีตคุณ……” จางฉีโม่อยากพูดแต่ก็หยุด
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วผมไม่อยากพูดถึงอีก” หลินอิ่งพูดจริงจัง “คำพูดของจ้าวหลินเอ๋อร์ คุณไม่ต้องใส่ใจ”
“แต่ว่า ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย ทุกอย่างของคุณ ฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับคุณ” จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าลังเล
หลินอิ่งหันไปมองจางฉีโม่ พูดว่า “มันสำคัญเหรอ?”
“นี่……” จางฉีโม่ครุ่นคิด
เธอรู้สึกได้ถึงความหมายของหลินอิ่ง มันก็ใช่ หลินอิ่งมีที่มายังไง ในอดีตเคยผ่านอะไรมาบ้าง มันสำคัญจริงเหรอ?
ไม่ว่าจะเป็นหลินอิ่งที่อยู่ในเมืองชิงหยูน หรือจะเป็นหลินอิ่งผู้เก่งกาจในตี้จิง ต่อหน้าจางฉีโม่ เขาไม่เคยเปลี่ยน
ถ้าอย่างนั้น จะไปหนักใจกับเรื่องพวกนี้ทำไม? ขอแค่หลินอิ่งดีกับเธอเสมอต้นเสมอปลายก็พอ
คิดถึงตรงนี้ จางฉีโม่ยิ้มอย่างวางใจ ความรู้สึกไม่พอใจเมื่อครู่ก็จางไปไม่น้อย
หลินอิ่งก็ยิ้มให้เธอ
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจางฉีโม่ เดินมาด้วยกันตลอดทาง มันเกินขีดจำกัดคนทั่วไปนานแล้ว ฐานะตำแหน่งอะไร อำนาจความร่ำรวยอะไร เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านแห่งเมืองชิงหยูน หรือฉีหยิ่นแห่งตี้จิง? แล้วมันจะสำคัญอะไร?
เขาคือหลินอิ่ง ก็คือหลินอิ่ง
ลูกผู้ชายเดินรอบโลก ไม่ได้ใช้ฐานะเป็นสิ่งตัดสิน
ขอแค่จริงใจ ไม่ว่าจน หรือว่ารวย มันไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย
หลินอิ่งมองจางฉีโม่ด้วยสายตาอ่อนโยน พูดว่า “ผมพาคุณไปผ่อนคลายหน่อย?”
“อืม” จางฉีโม่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ช่วงนี้คุณยุ่งมาก ไปดูบรรยากาศแม่น้ำตี้หวาง กินข้าว ผ่อนคลายหน่อย ดีไหม?” หลินอิ่งพูด “ผมรู้จักร้านอาหารเมนูปลาข้างแม่น้ำตี้หวาง”
หลินอิ่งรู้ดี ว่าจางฉีโม่ชอบกินอาหารเมนูปลา ชอบปลาเป็นพิเศษ
“แม่น้ำตี้หวาง? ดีค่ะ ไปที่นั่นเลย” จางฉีโม่พยักหน้า