ชายชุดดำรับโทรศัพท์ ยื่นโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าหลินอิ่ง
“น้องสี่ สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไง?ฉันถึงถนนตี้เจียงแล้ว ลูกชายของท่านประธานเผียวจินฮุนละ?”ด้านโทรศัพท์ ก็มีเสียง เสียงต่ำของผู้ชายวัยกลางดังมา
“พี่ใหญ่!รีบมาหอตี้เจียงช่วยผม!เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
สวีถันโจวที่ได้ยินเสียงสวีไป๋เห้อก็ตื่นเต้นขึ้นมา รีบตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“พี่ใหญ่ พี่ต้องพาคนที่เก่งของตระกูลและทหารลับมา ไม่งั้นคงจะสู้ไม่ได้!”
เพียะ!
บอดี้การ์ดชุดดำคนหนึ่งตบไปที่หน้าของสวีถันโจว ตบจนฟันหลุดไปสองซีน ตบจนเลือดเต็มปาก
“ถ้าร้องมั่วอีก ตอนนี้ก็ฆ่านายทิ้ง!”ทหารลับพูดขู่เสียงเย็น หน้าสวีถันโจวก็อายก็โกรธ ก้มลงไม่กล้าพูดอีก
“น้องสี่ นาย……”ทางโทรศัพท์น้ำเสียงสวีไป๋เห้อก็เปลี่ยนไป “นายก็คือคนที่ทำเผียวซิ่วชวนคนที่แซ่หลิน?ไม่รู้ว่านายเป็นใคร แต่ว่า ฉันเตือนนายว่าเบาหน่อย อยู่ในเขตตี้เจี้ยงของตระกูลสวี ไม่มีจุดจบหรอก!”
“น้องสี่ นายไม่ต้องกลัว วันนี้ไม่ว่ามันทำอะไรนาย ฉันก็จะมันคือนายสิบเท่า!”สวีไป๋เห้อพูดอย่างโกรธ“ฉันพาคนมาถึงถนนตี้เจี้ยงแล้ว”
“คือสิบเท่า!”หลินอิ่งหัวเราะมุมปาก
“ฉันรอนายที่ถนนตี้เจี้ยง”
หลินอิ่งวางโทรศัพท์ สีหน้านิ่งมองทุกคน
“พาไป”
พูดเสร็จ เขาก็หมุนตัวออกจากหอตี้เจียง
ทหารลับของตระกูลนิ่งก็เร่งมือขึ้น เอาพวกสวีถันโจวขึ้น พาหลังหลินอิ่ง
ออกจากหอตี้เจียง หลินอิ่งมองจางฉีโม่ที่สีหน้ากังวล พูด “ฉีโม่ มีปัญหานิดหน่อย เลยเวลาทานอาหารแล้ว รอครั้งหน้ามีโอกาส ฉันค่อยพาเธอเล่นที่ตี้เจียง วันนี้ เธอก็เหนื่อยแล้ว กลับไปก่อนเถอะ”
จางฉีโม่คิดแป๊บหนึ่ง มองจ้าวหลินเอ๋อร์แวบหนึ่ง ไม่มีความไว้ใจ รู้สึกจ้าวหลินเอ๋อร์อยากจะอ่อยหลินอิ่ง ก็เหมือนด้ายเข้าเข็มรูเข้าไป ใช้พื้นที่และเวลาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์
แต่คิดอีกที ครั้งก่อนที่หลินอิ่งแสดง ก็คงพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่สนใจจ้าวหลินเอ๋อร์ ก็คือผู้หญิงอ่อยหลินอิ่งก่อน
เธอเชื่อใจหลินอิ่ง
ส่วนเรื่องอื่นๆ เธอคุมอะไรไม่ได้ ส่วนเรื่องอดีต ให้หลินอิ่งจัดการเอง
ผู้ชายจัดการ ผู้หญิงไม่เข้าใจและช่วยอะไรไม่ได้ ก็ถูกที่ไม่ต้องถามเยอะ เชื่อเขาก็พอแล้ว
จางฉีโม่พยักหน้าพูด “หลินอิ่ง นายระวังตัวด้วย”
หลินอิ่งยิ้มแล้วพูด “วางใจได้ แค่ฝูงนก”
พูดเสร็จ หลินอิ่งก็ให้ทหารลับของตระกูลนิ่งให้พวกเขาพาฉีโม่กลับจงเทียนซิงเฉิน
ต่อมา หลินอิ่งเอามือทั้งสองไว้ข้างหลัง เดินไปทางถนนตี้เจียงอย่างช้าๆ
แต่จ้าวหลินเอ๋อร์เดินตามหลังหลินอิ่งติดเหมือนกลัวว่าหลินอิ่งจะหายไป
“นายรอก่อนสิ ไม่ต้องรีบไปหาสวีไป๋เห้อก็ได้”จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอยู่ข้างๆ“ฉันให้พ่อของฉันพาทหารลับของตระกูลจ้าวมาแล้ว……”
หลินอิ่งไม่สีหน้าใดๆและพูดขัดขึ้นมา “ตอนนี้เธอกลับไปได้แล้ว ”
จ้าวหลินเอ๋อร์เบะปากมีความผิดหวังตอนแรกคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ ช่วยหลินอิ่ง ให้หลินอิ่งรู้สึกดีกับตัวเอง
แต่ว่า หลินอิ่งเหมือนว่าจะไม่ต้องการตัวเองช่วย แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายนี้ หลินอิ่งก็มีความสามารถอยู่ไว้ จ้าวหลินเอ๋อร์คิดๆแล้วโมโห เพราะว่าเธอนึกไม่ถึงว่าจะได้นี้ของหลินอิ่ง หลินอิ่งทำให้ตัวเองตกตะลึงมาก แต่ไม่ใช่คนที่สายตามีแต่จางฉีโม่
“แต่ฉันอุตส่าห์ใจดีมาช่วยนายนะ”จ้าวหลินเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“นายไม่บอกจะเลี้ยงข้าวฉัน อย่างน้อยก็เกรงใจด้วยสิ?ยังจะไล่ฉันอีก?บ้านของพ่อฉันก็มาแล้ว ตระกูลจ้าวของพวกเราไม่เอาหน้าหรอ?”
หลินอิ่งพูดนิ่งๆ “เธอชอบตาม ตามไว้เถอะ ก็ดี จะได้ทักทายคนตระกูลพวกเธอด้วย”
“นาย!”จ้าวหลินเอ๋อร์ก็อั้นความโกรธไว้ กินริมฝีปากไว้แน่น จ้องหลินอิ่งด้วยสายตาหงุดหงิด
เหมือนเธอจ้าวหลินเอ๋อร์ อยู่ตี้จิงนั้นมีแต่คนเคารพ เหมือนกับเป็นเจ้าหญิง
แต่หลินอิ่งคนนี้ กล้าที่จะไม่ชอบตัวเอง?
ตามอยู่ข้างเขาช่วยเขาขนาดนั้น ยังจะไล่คนอีก ไม่สมเหตุสมผลเลย
ก็แบบนี้ จ้าวหลินเอ๋อร์เดินข้างหลินอิ่งไม่พูดอะไรอีก เดินไกลถึงทางแยกข้ามถนน
ถนนตี้เจียงโดนสวีถันโจวเคลียร์สถานที่เรียบร้อย บริเวณใกล้ก็ไม่มีอะไร เหลือแค่บอดี้การ์ดใส่สูทนอนไว้ที่ถนนแต่ละคนเต็มไปด้วยเลือด ท่าทางดูไม่ได้เลย
นี่คือก่อนหน้าที่โดนทหารลับตระกูลนิ่งจัดการ คือลูกน้องขั้นสุดยอดของโม่เฟย เมื่อเห็นหลินอิ่งพาพวกน่ากลัวเดินมา หน้าทุกคนก็เครียด หลบสายตากัน
หลินอิ่งไม่สนใจพวกที่เหมือนมด เดินเข้าถนนแยก ทางด้านไกลของถนนแยก
ตอนนี้จอดรถไมบัคไว้ประมาณยี่สิบสามสิบคัน มีคนใส่สูทดำเรียงไว้เป็นแถว สายตามองมาทางตัวเอง บรรยายอึกอัดมาก
ผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบกว่า ใส่สูทสีเข้ม ข้างๆมีสองคนใส่เสื้อเหลืองคนแก่ไว้ เดินมาทางหลินอิ่งง
หลินอิ่งมองไปด้วยสายนิ่งๆ ผู้ชายวัยกลางนี้มีใบหน้าเหลี่ยม สายตาแหลม ไม่ความโกรธใดๆ มีออร่าคนชนชั้นสูง ดูก็รู้ว่าไม่ง่าย นี่คือออร่าความฆ่าตลอด ถึงจะมีอำนาจ ดูแล้ว นี่ก็คือเจ้าบ้านใหญ่ตระกูลสวี สวีไป๋เห้อ
สวีไป๋เห้อ ผู้นำตระกูลคนแรกของตระกูลสวี ภายใต้ตระกูลสวีหนึ่งคนในตี้จิง มากกว่าหมื่นคน มีอำนาจอยู่อย่างแน่นอน!
อยู่ในตี้จิงก็คือคนมีอำนาจมากสุดแน่นอน เขาออกหน้า ยืนอยู่นี้ ก็หมายความว่า ตระกูลสวีทุกคนในตี้จิงยืนอยู่นี้!
“นายก็คือหลินอิ่ง?”สวีไป๋เห้อใช้สายตาแหลมจ้องหลินอิ่งเปิดปากพูดอย่างช้าๆ
จากเริ่มได้รับข้อความ ในใจเขาก็รู้สึกอยากรู้เกี่ยวกับหลินอิ่ง
ตีจนคุณชายชีซิงกรุ๊ปคุกเข่าขอร้อง บีบจนให้ประธานเผียวจินฮุน ที่อยู่ไกลถึงเกาหลีโกรธมาก โทรหานายท่านของตัวเองไป
อีกหนึ่งอย่างยังดูหมิ่นความยิ่งใหญ่ของตระกูลสวี ล้มคนของตระกูลสวีหมด?
นี่ตกลงเป็นคนมาจากไหนกันแน่?
มีความกล้ามาก!
สวีไป๋เห้ออยู่ตี้จิงมาหลายปีถือว่ารู้จักคนมากอยู่ สถานการณ์ใหญ่ก็เคยเจอไม่น้อย
แต่ว่า ยังไม่เคยเจอคนที่ทำตัวใหญ่และเก๋าขนาดนี้!
แต่ความรู้สึกของตัวเองที่ดูหลินอิ่ง มีความสงบ ทำให้คนรู้สึกหนาว
นี่ไม่ใช่คนง่ายๆแน่ ไม่เหมือนกันคนอายุยี่สิบกว่าที่จะมี
โดยเฉพาะ ดวงตาทั้งสองของหลินอิ่ง ราวก็ทะลุไปได้ในตาว่างเปล่า
“ผมก็คือหลินอิ่ง”หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งๆ
“ไอ่เด็กเมื่อวานซื่อ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!คนของตระกูลสวีก็ทำ นายอยากตายหรอ?”ข้างๆสวีไป๋โจวที่ใส่ชุดคนแก่สีเหลืองไว้ พูดด่าด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“นี่นายกำลังหาที่ตายหรอ!ยังไม่คุกเข่าต่อหน้าผู้นำตระกูลสวี ?”