วันที่สอง
ทั่วตี้จิงแตกตื่นกันหมด
ผู้นำตระกูลสวีแห่งตี้จิง สวีไป๋เห้อ ภาพที่เขาคุกเข่าอ้อนวอนต่อชายหนุ่มลึกลับคนนี้ ถูกปล่อยไปในอินเทอร์เน็ต กลายเป็นเรื่องที่เขาพูดกันทันที
สวีไป๋เห้อ นั้นคือคนที่คุมธุรกิจตระกูลสวีในตี้จิง ควบคุมตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลสวีแห่งตี้จิง เป็นถึงคนใหญ่คนโตเพียงไม่กี่คนในประเทศหลุง
เป็นคนที่ใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับคุกเข่าลงต่อชายหนุ่มคนหนึ่ง?
เรื่องนี้ ทำให้ผู้คนคิดไปต่างๆนานา
แต่วงการไฮโซในตี้จิง ก็ตื่นเต้นขึ้นแทบจะทุกคน ผู้ชายผู้หญิงคนแก่และเด็ก ต่างพูดคุยกันในหัวข้อเรื่องเดียวกัน
นั่นก็คือ เมื่อคืนในเขตตี้เจียง เรื่องที่ฉีหยิ่นบังคับสวีไป๋เห้อคุกเข่าลง
ฉีหยิ่นคนนี้ ตั้งแต่ฆ่าล้างตระกูลเหวิน กอบกู้ตระกูลฉีกลับมา ก็เป็นคนลึกลับในตี้จิง ไม่เคยแสดงตัว องค์กรตระกูลใหญ่ต่างก็นำของขวัญชิ้นใหญ่ไปเข้าหาตระกูลฉี ก็โดนปฏิเสธทั้งหมด
แต่ครั้งนี้แสดงตัว ก็สร้างเหตุการณ์ใหญ่โตขนาดนี้
เรือขนสินค้าของตระกูลสวีเขตตี้เจียง หลินอิ่งเป็นคนระเบิด
คุณชายชีซิงกรุ๊ปก็หลินอิ่งเป็นคนทำให้พิการ
ผู้นำตระกูลสวีสวีไป๋เห้อ ก็ถูกฉีหยิ่นฟาดจนคุกเข่า
ชายหนุ่มลึกลับที่แข็งแกร่งท่านนี้ สร้างความสะเทือนในแวดวงสังคมตี้จิงอีกครั้ง
ผู้นำตระกูลหลายคน ชายหนุ่มและคุณหนู ต่างก็คิดฝันอยากกระชับความก็สัมพันธ์กับฉีหยิ่น
เวลานี้ เรือนเก่าตระกูลฉีเขตจงเทียน หน้าบ้านเต็มไปด้วยผู้คน คนมีอำนาจระดับสูงต่างมากันไม่ขาดสาย หวังเพียงได้เจอตัวจริงสักครั้ง
แต่ฉีหยิ่น กลับปิดประตูไม่รับแขก
ไม่ว่าจะสถานะยิ่งใหญ่แค่ไหน อำนาจมากแค่ไหน ก็เข้าประตูตระกูลฉีไม่ได้ ไม่ได้เจอฉีหยิ่น
เกี่ยวกับฉีหยิ่นผู้ชายคนนี้ เหมือนดั่งปริศนา
ทั่วองค์กรตระกูลใหญ่ ก็อยากรู้ประวัติความเป็นมาของฉีหยิ่น แต่ว่า ไม่มีใครสามารถสืบได้เลย
ฉีหยิ่นเป็นลูกที่ถูกทิ้งของตระกูลฉีที่หายไปจากตี้จิงสิบกว่าปี เอาความสามารถมาจากไหนกันแน่? สามารถประคองตระกูลฉีขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง?
ไม่มีใครรู้ รู้แค่ว่า ตี้จิง มีคนที่เหมือนดั่งเทพที่ไม่มีใครกล้าไปมีเรื่องด้วยเพิ่มอีกคน
เวลาที่ตี้จิงมีข่าวลือนั้น
เขตเหยียนหวง วิลล่าตงหลิง
บ้านตระกูลสวี มีแขกลึกลับหนึ่งมา นายท่านตระกูลสวีสั่งให้ปิดห้องโถงตระกูลสวี ใครก็ห้ามเข้ารบกวน
ในห้องโถง สวีจิ่วหลิงถือไม้เท้าไว้ นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ใบหน้าอันชรานั้นไม่โกรธก็มีความน่าเกรงขาม แววตาเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ
ดูออกว่า คนแก่แห่งตี้จิง สวีจิ่วหลิง โกรธแล้วจริงๆ!
เหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้นในเขตตี้เจียง สะเทือนไปทั้งตระกูลสวี ตระกูลสวีทุกคนที่ได้ข่าวเวลาแรก โกรธกันไปหมด รวมตัวกันมาที่ที่วิลล่าตงหลิงเพื่อขอพบนายท่านร่วมหาวิธีจัดการฉีหยิ่น เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนให้กับตระกูลสวี
คืนนั้นสวีจิ่วหลิงโกรธหนักมาก ออกคำสั่ง ห้ามคนตระกูลสวีทุกคนพูดถึงเรื่องนี้อีก
แม้ว่าคนทั้งตระกูลสวีไม่เข้าใจ ทำไมหลังจากนายท่านโมโหแล้วถึงห้ามไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ว่า ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งนายท่าน ทุกคนเลือกที่จะเงียบ
ส่วนสวีไป๋เห้อ ตั้งแต่โดนหลินอิ่งทำให้ขาทั้งสองข้างพิการแล้ว ศักดิ์ศรีโดนเหยียบย่ำ ตอนนี้ในองค์กรตระกูลใหญ่ในตี้จิงก็เสียอำนาจไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว แม้กระทั่งภายในตระกูลสวีก็สูญเสียสิทธิ์ในการพูดแล้ว
หลังจากกลายเป็นคนพิการ สวีไป๋เห้อถูกสวีจิ่วหลิงส่งไปวิลล่าตงหลิงรักษาตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของตระกูลสวี ถูกตัดออกจากความเป็นผู้นำตระกูล
เวลานี้ นอกห้องโถง มีชายสูงอายุในชุดฝึกวิชาการต่อสู้เดินเข้ามา
“นายท่าน คนมาถึงแล้ว” พ่อบ้านพูดด้วยท่าทางเคารพ
สวีจิ่วหลิงพยักหน้า พูด “เชิญเขาเข้ามา”
“คุณกง นายท่านของผมมีเวลาพบแขกแล้ว” พ่อบ้านพูดกับคนนอกประตู
ไม่นาน ก็มีชายวัยกลางคนร่างเล็ก สวมใส่เสื้อคอจีนปักลายทรงยาวสีดำเดินเข้ามาจากนอกห้องโถง
ชายวัยกลางคนนี้ตัวเล็กผอม ไว้หนวดสั้น ดวงตาทั้งสองมีความสว่างไว้ ท่าทางเหมือนคนฉลาด บุคลิกดูแล้วค่อนข้างแปลก
“แขกท่านนี้ ไม่ทราบว่ามาจากไหน?” สวีจิ่วหลิงหรี่ตา จ้องชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าแปลก ถามเสียงต่ำ
“ต้าเหอ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยใบหน้ายิ้ม
สวีจิ่วหลิงสีหน้าสงสัย เหมือนคิดอะไรบางอย่าง พูด “ไม่ทราบว่าท่านชื่อ?”
คนต้าเหอคนนี้ มาโดยไม่ได้รับเชิญ บอกว่าจะหาเขาสวีจิ่วหลิง น้ำเสียงยโสมาก ตอนแรกพ่อบ้านของตระกูลสวีกำลังจะไล่ไป
แต่สุดท้าย ชายคนนี้ที่หน้าตาไม่น่ากลัว แต่ว่าล้มทหารลับของตระกูลสวีอย่างง่ายดาย ความสามารถเกินคน ไม่ใช่คนธรรมดา
ท่ามกลางความสงสัยของสวีจิ่วหลิง ก็เลยตัดสินใจพบคนนี้
“กงจิ่ว”
กงจิ่วพูดด้วยใบหน้ายิ้ม
“กงจิ่ว?” สวีจิ่วหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้จักและไม่เคยได้ยิน
อีกอย่าง ทางด้านประเทศต้าเหอ เขาก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย
“คุณกง มาตระกูลสวี เพราะเรื่องอะไร?” สวีจิ่วหลิงถามสีหน้าจริงจัง
กงจิ่วใบหน้ากลับยิ้ม เปิดปากพูดอย่างใจเย็น ใช้ภาษาประเทศหลุงพูดอย่างชัดเจน พูดว่า “นายท่านสวี เมื่อคืนเรื่องที่เกิดขึ้นในตี้จิง ทำให้คุณโกรธมากใช่ไหม?”
ได้ยินแล้ว สีหน้าสวีจิ่วหลิงก็เปลี่ยนทันที สายตาจ้องที่กงจิ่วอย่างเย็นชา พูด “ท่านหมายความว่าอะไร?”
“อย่าเข้าใจผิด นายท่านสวี ผมไม่มีความคิดที่จะเยาะเย้ยตระกูลสวี ผมมาเพื่อจะให้ความช่วยเหลือแก่คุณ” กงจิ่วพูดอย่างสบายใจ “ตระกูลสวีของพวกคุณโดนดูถูกขนาดนี้ แม้แต่ความกล้าในการต่อต้านก็ไม่มีเลยหรือ?”
“นี่คือเรื่องของตระกูลสวี คุณไม่มีสิทธิ์ในการชี้แนะ!” สวีจิ่วหลิงสะบัดแขน พูดอย่างเย็นชา “ส่งแขก”
นี่มันเรื่องอะไรไม่ควรพูดก็ดันไปพูดเรื่องนั้น เพราะเรื่องของฉีหยิ่น อั้นความโกรธไว้ไม่มีที่ระบาย คนต้าเหอนี่ก็เข้ามาหาถึงบ้านอย่างน่าแปลกใจ ยังจงใจเอ่ยถึงเรื่องนี้!
กงจิ่วยิ้มอย่างขี้เล่น และถาม “เป็นแบบนี้จริงหรือครับ? ถ้าหากคุณไม่กลัวฉีหยิ่นจริงๆ ทำไมถึงไม่กล้าเอาคืน? ทำไมกักขังสวีไป๋เห้อไว้ในวิลล่า แล้วเพราะอะไรถึงยอมเสียผลประโยชน์ก้อนใหญ่อย่างเขตหัวหยาง เรียกสวีฉางเฟิงที่คอยต่อต้านฉีหยิ่นสวีฉางเฟิงกลับมาขังไว้ที่บ้าน?”
สวีจิ่วหลิงแววตากะพริบ จ้องกงจิ่วไว้อย่างเย็นชา พูด “ท่านเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงให้ความสนใจกับเรื่องของตระกูลสวีของเราขนาดนี้?”
สวีฉางเฟิงไปทำลายกิจการของฉีหยิ่นในเขตหัวหยาง เรื่องนี้ทำอย่างลึกลับที่สุด คนต้าเหอคนนี้รู้ได้อย่างไร?
นอกจากเขาจับตาดูตระกูลสวีอยู่ตลอด เหตุผลที่ทำไม่แน่ชัด！
“นายท่านสวี คุณอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้จับตามองตระกูลสวีของพวกคุณ แต่คือจับตามองฉีหยิ่นตลอดเวลา ก็ต้องรู้เรื่องที่ตระกูลสวีของพวกคุณทำกับฉีหยิ่น” กงจิ่วพูดด้วยใบหน้ายิ้ม
“นายท่านสวี ผ่อนคลายหน่อย ผมไม่ได้คิดร้ายกับตระกูลสวี พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน คือฉีหยิ่น!” กงจิ่วพูด “ศัตรูของศัตรู ก็ต้องเป็นเพื่อนกัน นายท่านสวี รับมือกับฉีหยิ่นเรื่องนี้ ผมสามารถช่วยคุณได้เยอะเลยนะ ถ้าร่วมมือกับผม ความสามารถของผม ผมจะทำให้คุณพอใจแน่นอน”
พูดเสร็จ กงจิ่วมองสวีจิ่วหลิงด้วยใบหน้ายิ้ม ถึงแม้ต่อหน้าคนแก่โบราณที่มีอำนาจสูงส่งในตี้จิงอย่างสวีจิ่วหลิง ก็ยังคงมีความมั่นใจมาก
สวีจิ่วหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานึกไม่ถึงว่ากงจิ่วจะพูดออกมาตรงๆ เข้ามาก็บอกจะร่วมมือกับเขากำจัดหลินอิ่ง？
