จงเทียนซิงเฉิง อาคารเฟยยิง
ข้างล่างอาคาร พื้นที่ได้ถูกเคลียร์ไปแล้ว มีรถเบนท์ลีย์สีดำจอดอยู่หลายคัน ข้างๆมีชายใส่สูทสีดำยืนอยู่เป็นแถวๆ บรรยากาศช่างดูเคร่งขรึมเหลือเกิน
ตรงหน้าประตูของอาคาร มีโลงศพโรงหนึ่งตั้งอยู่
มีรถคันหนึ่งขับมาถึง ฮาเดสเปิดประตูออก หลินอิ่งลงจากรถด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย โดยมีฮาเดสกับถังฮุยตามอยู่ข้างๆ เดินมาจนถึงหน้าอาคารเฟยยิง
“ท่านอิ่ง!” ถูซานที่เหงื่อเต็มหน้าผาก พูดด้วยความเคารพ เขารอคอยการมาของท่านอิ่งอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด
เหตุการณ์ในวันนี้นั้นมันเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว!
ถูซานเป็นคนแรกที่รู้เรื่อง เพราะโลงศพถูกส่งมาที่หน้าตึกของตนเอง
แถมยังมีข้อความฝากไว้ว่าเป็นของขวัญที่คุณท่านจี้มอบให้ท่านอิ่ง ตอนที่เห็นก็ทำให้เขาตกใจจนเหงื่อแตกแล้ว
ใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้ ถึงกล้าท้าทายกับอำนาจของท่านอิ่งแบบโจ่งแจ้งแบบนี้!
“ท่านอิ่ง คุณไม่อยู่ เราก็ไม่กล้าเปิดโลงศพออก และไม่รู้ว่าคนแซ่จี้นั่นส่งอะไรมากันแน่” ถูซานพูดออกมาอย่าระมัดระวัง
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย เดินมาตรงหน้า จู่ๆ เขาก็โบกมือ ราวกับกำลังจะจับสายลมที่ลอยอยู่ในอากาศ
ทันใดนั้น เสียงลมก็ดังขึ้น อากาศไหลเวียน
ตูม!
โลงศพระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แผ่นไม้กระเด็นไปทั่วทุกทิศ
พอเห็นแบบนั้น ถังฮุยกับถูซานก็ตาค้างไปเลย เหงื่อไหลลงจากหน้าผากของทั้งคู่
ภายในโลงศพมีคนชายร่างกายกำยำคนหนึ่งนอนอยู่ เลือดอาบเต็มตัว มีเศษผ้ายัดอยู่ในปาก แถมยังมีโซ่เหล็กอีกหลายเส้นล็อกมือและขาของเขาเอาไว้ ช่างเป็นภาพที่โหดเหี้ยมเหลือเกิน
“เอาตัวเขาออกมา” หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ภายใต้แววตาที่เย็นชานั้นได้มีจิตสังหารอันเหลือล้นทะลักออกมา
คนที่นอนอยู่ในโลงศพนั้นหลินอิ่งรู้จัก ซึ่งชายคนนั้นก็คือองครักษ์ข้างกายของหยูจื๋อเฉิง ฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าหยูจื๋อเฉิงเลย เป็นคนหนึ่งในนักฆ่าราชาทั้งสี่อันเลื่องชื่อที่อยู่ใต้อาณัติของเขา ถือเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งในตี้จิง คนคนนี้มีชื่อว่าซื่อไท่
ครั้งนี้ที่ส่งหยูจื๋อเฉิงไปจับตาดูจี้ฉงซานนั้น เขาก็พอซื่อไท่ไปด้วยนี่แหละ
ถังฮุยกับถูซานเดินเข้าไปพยุงซื่อไท่ออกมา ทั้งคู่ทำหน้าเคร่งขรึม ช่วยซื่อไท่แกะผ้าในปากออก ความโกรธเกรี้ยวถูกแสดงออกมาทางใบหน้า
“ซื่อไท่ คุณอยู่ข้างกายลูกพี่หยู ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้! ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กัน?” ถังฮุยถามไปด้วยความร้อนรน
แม่งเอ๊ย! นายชาย บอกฉันมา ใครเป็นคนทำ? มันกล้าถึงขนาดตัดเอ็นในแขนขาของนายออก ฉันจะไปฆ่ามัน!” ถูซานสบถออกมา พร้อมกับดวงตาที่แทบถลนออกมา
ซื่อไท่ นกอินทรี ฮุยสุง ทั้งสามคนนั้นรู้จักกันมาเป็นสิบปี ต่างก็ติดตามหยูจื๋อเฉิงพิชิตใต้หล้าตั้งแต่ยี่สิบต้นๆ แล้ว พวกเขาได้สาบานเป็นพี่น้องกันที่วัดกวนอู พวกเขาสนิทกันยิ่งกว่าญาติแท้ๆ ซะอีก
เมื่อเห็นพี่น้องของตัวเองถูกที่ร้ายอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ ถูกตัดเอ็นทั้งมือและขา แถมยังถูกยัดใส่โลงศพแล้วส่งมาถึงหน้าบ้านอีก มันจึงทำให้ไฟในท้องลุกไหม้จนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“คะ คนของจี้ฉงซานเป็นคนทำ ผมยังไม่ตาย มะ ไม่เป็นไรครับ พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง” ซื่อไท่พูดด้วยอาการหายใจติดขัด “ผะ ผมมีเรื่องจะพูดกับท่านอิ่งครับ”
พอได้ยินแบบนั้น ถังฮุยกับนกอินทรีก็เงียบไป พวกเขาพยุงซื่อไท่มายืนอยู่ตรงหน้าของหลินอิ่ง
“ท่านอิ่งครับ คนที่จี้ฉงซานส่งมา ลูกพี่หยูถูกพวกมันพาตัวไปครับ” ซื่อไท่ก้มหน้า พูดออกมาอย่างช้าๆ “ต้องขออภัยจริงๆ ท่านอิ่งที่ข้าน้อยไร้ความสามารถ จนทำให้ภารกิจต้องล้มเหลว”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย แล้วพูดไปว่า “พูดต่อ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
ซื่อไทรพูดต่อ “เรียนท่านอิ่ง เดิมทีผมกับลูกพี่หยูได้เตรียมคนไว้เรียบร้อยแล้ว ดืนปืนก็พร้อม ทั้งเส้นทางทั้งสถานที่ก็เตรียมเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่รอให้ถึงพรุ่งนี้ตอนที่จี้ฉงซานเดินทางไปขึ้นเครื่อง เราค่อยจับตัวเขาระหว่างทาง”
แต่ทว่า เมื่อสองชั่วโมงก่อน จู่ๆ ก็มียอดฝีมือกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในที่พักของเรา โดยคนนำทีมคือคนเอเชียคนหนึ่ง ฝีมือร้ายกาจมาก ขนาดผมกับลูกพี่หยูร่วมมือกันยังยันเขาได้ไม่ถึงสิบกระบวนท่าเลยครับ”
“คนของฝั่งเราหลังผ่านการต่อสู้กันอย่างหนักแล้ว ต่างก็ถูกจับตัวจนหมด ส่วนลูกพี่หยูนั้นก็ถูกพวกมันพาตัวไป ส่วนผมก็ถูกส่งมาพร้อมกับข้อความ……”
“ข้อความอะไร? พูดมา ห้ามตกหล่นแม้แต่คำเดียว” หลินอิ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
ซื่อไท่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “พวกมันบอกว่า ท่านอิ่ง การที่คุณกล้าวางแผนทำร้ายคุณท่านจี้ ก็เท่ากับรนหาที่ตาย ลูกพี่หยูถูกพวกมันเอาตัวไปแล้ว พวกมันบอกให้ท่านอิ่งนั่งรอความตายอยู่ที่บ้าน ส่วนโลงศพโรงนี้ก็เตรียมไว้ให้คุณใช้……”
หลินอิ่งขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ มุมปากเผยให้เห็นความรู้สึกที่แสนโหดเหี้ยม
คนฉลาดๆ ที่ร่ำรวยอย่างเจ้าสัวจี้นั้นช่างโอหังซะเหลือเกิน!
ตอนแรกก็ตั้งใจจะไปหาตาแก่นั่นแค่พูดคุยเท่านั้น ถ้ายอมให้ความร่วมมือแล้วบอกข้อมูลของตระกูลเหวินมาละก็ ก็จะปล่อยเขาไป
นี่ตัวเองยังไม่ทันได้ลงมือเลย เขากลับส่งโลงศพมาถึงบ้านบ้านก่อนแล้วอย่างนั้นเหรอ?
“ถังฮุย ถูซาน เช็กคนให้ครบ แล้วไปที่ร้านอาหารหลุยกงกัน!” หลินอิ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
พูดจบ เขาก็กลับเข้าไปในรถ ฮาเดสรีบสตาร์ทรถทันที
“ครับ!”
ถังฮุยกับถูซานพยักหน้าตอบรับ พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
……
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
ด้านนอกเมืองหลวงจื่อหลง ร้านอาหารหลุยกง
ร้านอาหารหลุยกง มีลานหน้าที่กว้างขวางดูอลังการ เดิมทีเคยเป็นที่ตั้งของพระราชวังในยุคก่อน หลังผ่านการปรับปรุงไปหลายครั้ง เลิศหรูอลังการ และกลายเป็นที่พำนักส่วนตัวของคนใหญ่คนโตบางคนไปแล้ว
คนที่มายังร้านอาหารหลุยกงนั้นมีแต่พวกมีมีระดับและมหาเศรษฐีเท่านั้น คนที่ต้อนรับก็มีแต่บุคคลที่มีฐานะสูงส่งทั้งนั้น
สถานที่แห่งนี้ ถือเป็นศูนย์รวมของราชาอย่างแท้จริง ถัดไปหนึ่งช่วงถนน ก็คือพระราชวังโบราณที่อยู่มาอย่างยาวนานของประเทศหลุง เมืองจื่อหลุง!
ที่สำคัญ ร้านอาหารหลุยกงยังมีอำนาจเหลือล้นของทางการคอยหนุนหลังอยู่! ในตี้จิงใครๆ ก็รู้ ว่าเบื้องหลังของร้านอาหารหลุยกงนั้นคือคนคุมอำนาจสูงสุดของตี้จิง! เป็นผู้ที่กุมพระราชเสาวนีย์แห่งตี้จิง!
ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่าหลุยกง หลุยกงที่อยู่ต่อหน้าทางการนั้นเป็นถึงคนที่มีคุณธรรมและบารมีอันสูงส่ง! เขาคือคนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสามอันดับแรกนักกวีของประเทศอย่างมั่นคง เขาคือที่มีผลกระทบกับประเทศหลุงเป็นอย่างมาก!
บอกได้เลยว่า ร้านอาหารหลุยกงเมื่อเทียบกับโรงแรมเหอผิงของเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่แล้วนั้น มันดีกว่าจนเทียบกันไม่ติดเลย!
ตั้งแต่ที่ร้านอาหารหลุยกงก่อตั้งมา ก็ไม่เคยมาใครกล้ามาก่อเรื่องที่ร้านอาหารหลุยกงเลย!
ส่วนจี้ฉงซานนั้น ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ขลุกอยู่ในร้านอาหารหลุยกง คอยปรึกษาหารือการใหญ่กับหลุยกงอยู่ตลอด
ขบวนรถเบนท์ลีย์สีดำมาจอดอยู่ที่หน้าร้านอาหารหลุยกง ประตูรถเปิดออก หลินอิ่งค่อยๆ ก้าวลงจากรถ เขาเงยหน้าขึ้นไปมองสิ่งก่อสร้างที่แสนตระการตานี้
“ท่านอิ่ง จะให้บุกเข้าไปเลยมั้ยครับ?” ถังฮุยที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้น พร้อมกับสีหน้าที่จริงจัง
ถึงแม้ในใจจะรู้สึกโกรธแค้นแค่ไหนก็ตาม แต่ถังฮุยก็ยังระงับอารมณ์เอาไว้ เพราะเขารู้ดีว่าร้านอาหารหลุยกงนั้นเป็นสถานที่แบบไหน
ถ้าไม่มีท่านอิ่งนำทีม เขาไม่มีทางกล้าพอที่จะทำแบบนั้นหรอก พาคนมาล้อมร้านอาหารหลุยกงเอาไว้
ถึงร้านอาหารหลุยกงจะไม่ใช่ของประเทศชาติ และเป็นเพียงแค่ร้านอาหารขนาดใหญ่ที่เอกชนเปิดเองเท่านั้น แต่ว่า ที่นี่เป็นถึงสถานที่ที่ท่านหลุยกงไว้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของเขาเลยนะ!
“พวกคุณไม่ต้องเข้าไป แค่ล้อมร้านอาหารหลุยกงเอาไว้ ห้ามใครเข้าออกเด็ดขาด” หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ
“ครับ!”
เมื่อถังฮุยกับถูซานได้รับคำสั่งแล้ว พวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีก พวกเขาพาเหล่าบอดี้การ์ดชุดดำไปล้อมร้านอาหารหลุยกงไว้ด้วยท่าทางที่ดูสง่า
“พะ พวกแกเป็นใคร? มาจากไหน กล้ามาก่อความวุ่นวายที่ร้านอาหารหลุยกงได้ยังไง?”
“พวกแกคิดจะทำอะไร? ไปเอาความกล้ามาจากไหน? ไม่รู้รึไงว่าที่นี่มันถิ่นของใคร?”
พรึบพรับ เพียงครู่เดียว คนเฝ้าประตูของร้านอาหารหลุยกงก็วิ่งเข้ามาขวางหลินอิ่งเอาไว้
“ถิ่นของใครเหรอ?” หลินอิ่งขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ก็แค่สถานที่ไว้กินข้าว จะไม่ยอมให้แขกเข้าไปอย่างนั้นเหรอ?”
“สมองของแกนี่มันมีปัญหาใช่มั้ยเนี่ย?” หัวหน้ารปภ.ตะโกนด่าใส่หลินอิ่ง “ไม่รู้จักหาข้อมูลก่อนรึไงว่าร้านอาหารหลุยกงแห่งนี้เป็นของใคร? ถึงกล้ามาก่อความวุ่นวายถึงที่นี่?”
ตุบ!
หลินอิ่งเตะใส่หัวหน้ารปภ.จนเขากระเด็นออกไปสิบกว่าเมตร พอล้มลงพื้นก็ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
“ไปเรียกจี้ฉงซานออกมา!”
หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา