“แกกล้าใช้กำลังที่หน้าร้านอาหารหลุยกงอย่างนั้นเหรอ? แกได้ตายแน่!”
“โทรหาเลขาใหญ่ฟาง! บอกเขาว่าเกิดเรื่องขึ้นที่หน้าร้านอาหารหลุยกงแล้ว!”
รปภ.ที่อยู่หน้าประตูร้านอาหารหลุยกงเริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
อย่างที่โบราณว่าไว้ ว่าคนเฝ้าประตูของขุนนางก็พลอยมียศที่สูงศักดิ์ไปด้วย เหมือนกันคนพวกนี้ที่เป็นคนเฝ้าประตูของร้านอาหารหลุยกงแขกที่ต้อนรับทุกวันก็มีแต่พวกคนใหญ่คนโตกับพวกมหาเศรษฐี ต่างก็ให้ความเกรงใจกับพวกเขาทั้งนั้น มันจึงทำให้พวกเขาติดเป็นนิสัยวางท่าใหญ่โต ไม่มีทางที่จะทนกับการกระทำที่หยิ่งยโสของหลินอิ่งได้อยู่แล้ว
พรึบพรับ
บอดี้การ์ดที่ดูทะมัดทะแมงกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากในร้านอาหารหลุยกง ทุกคนต่างก็ทำหน้าทำตาดุดัน ดูแล้วน่าจะเป็นทหารมือดีที่ปลดประจำการการแล้วแน่ๆ
“แกเป็นใคร? มาหาคุณท่านจี้ทำไม?”
ชายวัยกลางคนร่างผอมบางที่เป็นหัวหน้า เขาสวมแว่นกับชุดสูทที่ดูเรียบร้อย สีหน้ามั่นใจแล้วใช้สายตาพิจารณาหลินอิ่ง
“วันนี้ ผมมาหาแค่จี้ฉงซานเท่านั้น คนที่ไม่เกี่ยวหลบไป” หลินอิ่งพูดด้วยนำเสียงที่เรียบเฉย แต่มันกลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามอันยากที่จะขัดขืนได้
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำลังอึ้งกับบรรยากาศที่หลินอิ่งส่งออกมา
“แกจี้เป็นแขกคนสำคัญของร้านอาหารหลุยกง การที่แกมาก่อความวุ่นวายเพื่อหาเรื่องคุณท่านจี้ มันก็เท่ากับไม่ให้เกียรติร้านอาหารหลุยกงแห่งนี้!” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “แกคิดให้ดีๆ นะ ว่าแกกล้ามีเรื่องกับคุณหลุยกงรึเปล่า?”
คนที่เป็นเลขาคนสนิทของหลุยกง การที่เขาติดตามหลุยกงมาตั้งหลายปีไม่รู้ว่าเคยผ่านเหตุการณ์ใหญ่มาแล้วเท่าไหร่
แต่ก็ยังไม่เคยเคยวัยรุ่นที่ไม่รู้จะที่ต่ำที่สูงแบบนี้มาก่อนเลย
ล้อเล่นอะไรกัน การมาทำตัวเหิมเกริมอยู่หน้าร้านอาหารหลุยกงและท้าทายอำนาจของหลุยกงแบบนี้ เขาคิดว่าตัวเองมีกี่ชีวิตกัน?
“เลขาใหญ่ฟางเกิดอะไรขึ้นครับ? มีคนมาหาเรื่องคุณท่านจี้เหรอครับ?”
ตอนนั้นเอง ก็ได้มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น
เห็นแต่บอดี้การ์ดที่แผ่รังสีอำมหิตจากร่างกายเดินออกจากร้านอาหารหลุยกงมา คนที่เป็นหัวหน้า ดูจากหน้าตาแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นคนอาเซียน แววตาที่เยือกเย็นเหมือนงูกำลังจับจ้องมาที่หลินอิ่ง
“คุณลู่หนันครับ คนคนนี้ประกาศว่าจะมาจะคุณท่านจี้ คุณรู้จักเขารึเปล่าครับ?” เลขาใหญ่ฟางถาม
ลู่หนุนหรี่ตาพิจารณาหลินอิ่งด้วยสีหน้าที่ดูถูก จากนั้นก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจแล้วพูดขึ้นว่า “แกเป็นพวกเดียวกับหยูจื๋อเฉิงใช่มั้ย? มาหาหยูจื๋อเฉิงสินะ?”
“ฉันจะบอกให้แกรู้ไว้แล้วกัน ฉันเป็นคนกระทืบคนของหยูจื๋อเฉิงเอง และฉันนี่แหละที่เป็นคนเอาตัวหยูจื๋อเฉิงมาเองแล้วแกจะทำอะไรได้? ไอ้ขยะ!” ลู่หนันมองหลินอิ่งด้วยสายตาที่เหยียดหยาม เขาตะคอกใส่หลินอิ่ง พร้อมกับใบหน้าที่ไม่หวั่นเกรงใดๆ
เขาไม่สนใจหรอกว่าหลินอิ่งเป็นใคร เพราะเมื่ออยู่ในร้านอาหารหลุยกงใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ทั้งนั้น!
“ประธานหลิน ไอ้ต่างชาตินี่แหละครับที่เป็นคนพาลูกพี่หยูไป คนคนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งเลยครับ” บอดี้การ์ดใส่สูทคนหนึ่งเดินมาข้างๆ หลินอิ่ง เขาจ้องเขม็งไปที่ลู่หนัน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
หลินอิ่งยังคงทำหน้าดังเดิม สายตาจับจ้องไปยังลู่หนัน
“ลูกพี่ลู่พูดถูก แกมันไอ้หน้าโง่ ปัญญาอ่อนรึไง? ถึงได้มาก่อความวุ่นวายที่ร้านอาหารหลุยกงแบบนี้? ช่างน่าขันสิ้นดีจะบอกแกให้รู้ไว้นะ เรานี่แหละที่กระทืบหยูจื๋อเฉิงลูกพี่ของแกน่ะ แล้วแกจะทำอะไรพวกเราได้ห๊ะ?”
“ฮ่าฮ่าไอ้ไก่อ่อน ยังกล้ามาหาเรื่องคุณท่านจี้อีก โง่เง่าสิ้นดี!ไม่รู้จักมองดูตัวเองบ้างเลยว่าอยู่ในฐานะอะไร เป็นแค่เศษเดนที่เข้าไปในร้านอาหารหลุยกงยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
“ด่าแกแบบนี้แล้วรู้สึกไม่พอใจใช่มั้ย? ฉันจะด่าลูกหมาอย่างแกแล้วมันจะยังไง? อยากทำอะไรเราแต่ก็ไม่กล้าใช่มั้ย? รู้สึกโกรธมาใช่มั้ย?”
หลังจากที่ลู่หนันตะคอกไป พวกลูกน้องที่อยู่ข้างเขาก็พากันพูดจาเหยียบหยามอย่างเหิมเกริม พร้อมกับใบหน้าที่ได้ใจ
“พอแล้ว ไอ้หนู แกตามพวกไร้ค่ามาเยอะขนาดนี้คิดว่ามีประโยชน์เหรอ? รีบไสหัวไปซะ! ร้านอาหารหลุยกง ไม่ใช่ที่ที่คนต่ำต้อยอย่างแกจะเข้าไปได้ ยังกล้าคิดว่าจะไปพบคุณท่านจี้อีก? แกมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าไปพบคุณท่านจี้มั้ย?” ลู่หนันพูดด้วยท่าทางที่ดูถูก
มุมปากของหลินอิ่งส่งผ่านความรู้สึกที่อำมหิตออกมา พอร่างกายขยับ เขาก็พุ่งตัวออกไปทันที
ป๊าบ!
เสียงที่ลู่หนันถูกตบหน้าดังสนั่นหวั่นไหว ตบจนลู่หนันถึงกับหน้าหันจนทรงตัวแทบไม่อยู่ กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็เสียหลักกลิ้งลงบันไดไป
“อ้า!”
ลู่หนันโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด แรงตบในครั้งนี้ทำให้เขาถึงกับหูหนวกไปเลย
หลินอิ่งยกขาขึ้นมาแล้วเหยียบลงไปที่หน้าของลู่หนันอย่างแรง เขาเดินขึ้นบันไดไป สายตาที่เยือกเย็นมองไปยังคนที่ยืนอยู่หน้าร้านอาหารหลุยกง
“แกบ้าไปแล้วรึไง? ถึงกล้ามาใช้กำลังตรงหน้าร้านอาหารหลุยกงแบบนี้?”
“รีบปล่อยลูกพี่ลู่เดี๋ยวนี้นะ!”
ในตอนนี้ พวกลูกน้องของลู่หนันที่กำลังโมโหอยู่นั้น ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่หลินอิ่งทำ
ฝีมือของลูกพี่ลู่หนันนั้นพวกเขาเคยเห็นมาแล้ว เขาเป็นถึงแชมป์มวยใต้ดินที่มาจากอาเซียนเลยนะแม้แต่ยอดฝีมืออย่างหยูจื๋อเฉิงยังทนได้ไม่กี่หมัดเอง
ทะ ทำไมถึงถูกไอ้ไก่อ่อนนี้ตบทีเดียวคว่ำเลยล่ะ แถมยังถูกเหยียบอยู่ที่พื้นอย่างต่อต้านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ?
“แก!” ลู่หนันจ้องมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ ไม่นึกเลยว่าไอ้หนุ่มนี่จะสามารถล้มเขาได้ในทีเดียว!
ตุบ!
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย เตะเข้าใส่หน้าอกของลู่หนันอย่างจัง ทำลายเส้นเอ็นของเขา หักขาทั้งสองข้างของเขา!
จากนั้นก็เตะใส่ลู่หนันอย่างแรงจนเขากระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตร และกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง ร่างกายของเขาสั่นไปทั้งตัว เลือดอาบไปทั่วร่าง เหมือนกับหมาตัวหนึ่งที่นอนหมดท่าอยู่ตรงพื้น
“แค่ลูกหมาตัวหนึ่ง ยังกล้ามาทำร้ายคนของฉันอีก?” หลินอิ่งเอยถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“” กะ แกคิดจะทำอะไร? ต่อหน้าร้านอาหารหลุยกงยังกล้าทำร้ายคนถึงขนาดนี้เลยเหรอ? แกอยากตายใช่มั้ย?” เลขาใหญ่ฟางถามด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ
พวกเขาต่างนึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าเมินเฉยต่อบารมีของหลุยกงแบบนี้!
“หลุยกงเหรอ?” หลินอิ่งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “เกียรติที่ควรให้หลุยกงฉันก็ให้ไปแล้ว แต่ถ้าหลุยกงยังคิดที่จะเข้าข้างจี้ฉงซานอีกละก็ ฉันก็จะจัดการมันไปพร้อมกันเลย”
“นี่แก! แกนี่มันช่างไม่รู้จะที่ต่ำที่สูงจริงๆ!” เลขาใหญ่ฟางสีหน้าโกรธเกรี้ยว
โอหัง! ช่างโอหังเกินไปแล้ว!
แม้แต่หลุยกงที่เป็นอันดับหนึ่งของตี้จิงยังไม่ไว้หน้าเลยใช่มั้ย?
“ไปรายงานเรื่องนี้ให้ ผอ.หลิวที่กำลังกินข้าวอยู่ที่ตึกลูกค้าพิเศษหน่อย ให้เขามาจัดการกับไอ้คนรนหาเรื่องคนนี้หน่อย” เลขาใหญ่ฟางพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม หันไปสั่งคนที่ตามเขามาข้างๆ
“หัวหน้าหลิน ผมมาแล้วครับ”
ทันใดนั้นเอง รถออฟโรดคันหนึ่งที่สวมป้ายทะเบียนที่ใช้ในทางทหารถูกขับมาจอดที่หน้าร้านอาหารหลุยกง ชายสวมแว่นดำกับชุดสีดำคนหนึ่งก้าวลงจากรถ เขามาพร้อมกับชายหนุ่มชุดดำอีกจำนวนหนึ่งเดินตรงเข้ามา
พอลงจากรถ เขาก็ทำความเคารพแบบทหารให้หลินอิ่งไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอดแว่นออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แน่วแน่และดุดันของเขา บรรยากาศราวกับเหล็กกล้าปกคลุมอยู่รอบกาย
หลินอิ่งพยักหน้า เนื่องจากเหตุการณ์ของร้านอาหารหลุยกงเกี่ยวข้องกับทางการ ดังนั้นเขาจึงตามหัวหน้าของจื่อหลงซานมาด้วย
“พวกแกมาจากหน่วยงานไหน?” เลขาใหญ่ฟางจ้องมองคนที่หัวหน้าพามาอย่างไม่ชอบใจ
“ไม่พูด? พวกแกฟังให้ดีๆ นะ! ฉันเป็นเลขาธิการคนสำคัญของหลุยกง ฟางหย่วน!” เลขาใหญ่ฟางทำหน้าตาน่าเกรงขาม พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “พวกแกทุกคน รีบพูดมาเดี๋ยวนี้ ว่าพวกแกมาจากหน่วยงานไหน?”
หัวหน้าไม่มองเลขาใหญ่ฟางเลยด้วยซ้ำ เอาแต่ก้มหน้าให้หลินอิ่งด้วยความเคารพ
“หัวหน้าหลินครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ”
หลินอิ่งส่งสายตา หัวหน้าก็พยักหน้าตอบ กันหลังไป โบกมือ ชายหนุ่มชุดดำข้างกายก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พุ่งขึ้นไปยังบันไดตรงประตูของร้านอาหารหลุยกง แล้วแหวกออกเป็นทางเดิน
“กองพิเศษเว่ยอันจะปฏิบัติภารกิจ ใครที่ไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!”
น้ำเสียงของหัวหน้ากังวานดังเหล็กกล้า ทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับใจสั่นกันเลยทีเดียว