“เธอไอ้ผู้หญิงบ้า กล้าตบฉันได้ยังไง?” ลู่หย่าฮุ่ยถามอย่างโมโห สีหน้าไม่พอใจ
“เธอทำอะไร? วิ่งมาบ้านพวกเรายังกล้าทำร้ายคน?” จางซิ่วเฟิงเห็นภรรยาถูกตบ เขาก็ลุกขึ้นด้วยความโมโห ถามเสียงเย็นชา
จ้าวหลินเอ๋อร์สีหน้าดูถูก หัวเราะเย็นชา
“ตบเธอแล้วไง? กล้าด่าหลินอิ่ง ฉันก็จะตบ” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดเสียงเย็นชา “พวกเธอสองคน ก็คือพ่อแม่ของผู้หญิงสำส่อนจางฉีโม่เหรอ? มารยาทต่ำทราม”
“แก แก ยังกล้ามาอวดดีขนาดนี้? ซิ้วเฟิง รีบไปเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยของวิลล่าหิมะมังกรมา ไร้ผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไป ต้องจับมันไว้ อธิบายให้ชัดเจน” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างไม่เกรงใจ
“ฉันจะบอกเธอให้ ลูกสาวฉันเป็นประธานบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ ไม่ใช่คนที่เธอจะมีเรื่องด้วยได้”
ต้องรู้ว่า ลูกสาวเริ่มมีชื่อเสียงบ้างในแวดวงสังคมธุรกิจตงไห่ ทุกวันนี้พวกเขาสองคนไปไหน ก็มีหน้ามีตา จะไปให้ใครทำร้ายแบบนี้ไม่ได้?
“ประธาน? เหอะเหอะ แค่เถ้าแก่บริษัทเล็กๆในบ้านนอกแบบนี้ ชื่อเสียงแบบนี้ก็กล้าเอาออกมาพูด?” จ้าวหลินเอ๋อร์หัวเราะ
จางซิ่วเฟิงสีหน้าโมโห หยิบมือถือจะออกไปหาพนักงานรักษาความปลอดภัยของวิลล่าหิมะมังกร ยังไม่ได้เดินออกไป ก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนของจ้าวหลินเอ๋อร์ขวางไว้ ผลักกลับเข้าไป
“เธอต้องการอะไรกันแน่?” จางซิ่วเฟิงจ้องหน้าจ้าวหลินเอ๋อร์ ถามอย่างโมโห
“หลินอิ่งอยู่ไหน? ฉันหาเขา” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดเสียงเรียบ
“หาหลินอิ่ง?” จางซิ่วเฟิงยิ่งฟังยิ่งโมโห “หลินอิ่งไม่อยู่เมืองชิงหยูน เธอจะหาเขา เกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”
“เธอหาหลินอิ่งทำไม? เธอเป็นอะไรกับเขา?” ลู่หย่าฮุ่ยถาม
“หลินอิ่งเป็นผู้ชายของฉัน” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างมั่นใจ
“อะไร? หลินอิ่งเป็นผู้ชายของเธอ? เธอ ช่างอวดดีจริงๆ ไอ้หลินอิ่งนี่ ช่างไม่เอาไหนใหญ่แล้ว” จางซิ่วเฟิงโมโหจนหน้าแดง
“โถ่เอ้ย ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งจะหานางแพศยาข้างนอก กลับกล้ามาหาเรื่องถึงบ้าน โอ้โห นี่จะทำยังไงกันดี” ลู่หย่าฮุ่ยด่าอย่างโมโห ร้องโหยหวนอยู่ที่พื้น “สมควรตายจริงๆหลินอิ่ง ไม่มีขื่อมีแปแล้ว”
“รีบเรียกฉีโม่กลับบ้าน บอกว่ามีนางแพศยาอยู่ที่บ้าน บอกว่ามาหาหลินอิ่ง” ลู่หย่าฮุ่ยรีบพูด สีหน้าโมโห
“ยังกล้าด่าอีก?” จ้าวหลินเอ๋อร์สีหน้าเย็นชา “ตบหน้ามัน”
พูดไป บอดี้การ์ดหญิงสองคนก็ลงมือทันที
ทันใดนั้น ชายสูงอายุชุดสูทท่านหนึ่งเดินออกมา ขวางทางบอดี้การ์ดสาวไว้
“คุณหนูจ้าว ถ้าทำเช่นนี้ หากคุณชายอิ่งทราบ ทางคุณจะอธิบายลำบากนะครับ” หลี่ผูมองจ้าวหลินเอ๋อร์สีหน้าเคร่งเครียด
“หือ? พ่อบ้านหลี่?” จ้าวหลินเอ๋อร์ขมวดคิ้ว มองหลี่ผูที่เดินออกมา
“พ่อบ้านหลี่? ได้ยินมานานว่าท่านหายตัวไป คิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ในเมืองเล็กๆแบบนี้” จ้าวหลินเอ๋อร์พูด “หลินอิ่งอยู่ไหน? เขาไปไหน?”
“ผมไม่รู้ว่าคุณชายอิ่งอยู่ไหน” หลี่ผูพูดสีหน้าจริงจัง
สมัยก่อนที่เขายังเป็นพ่อบ้านอยู่ตระกูลฉี อยู่ในแวดวงสังคมตี้จิง เห็นพบหน้ากับจ้าวหลินเอ๋อร์
และรู้เรื่องเกี่ยวกับจ้าวหลินเอ๋อร์ ท่านฉี ฉีเวิ่นติ่งกับนายท่านตระกูลจ้าวในอดีต เคยทำเรื่องหมั้นหมายให้คุณชาย
จ้าวหลินเอ๋อร์ขมวดคิ้ว มองลู่หย่าฮุ่ยสองผัวเมียสีหน้าเย็นชา
“บอกมา หลินอิ่งไปไหน?” จ้าวหลินเอ๋อร์ถาม
ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงหน้าดำเคร่งเครียด อย่าด่ากลับ แต่ถูกแรงกดดันในตัวจ้าวหลินเอ๋อร์กดดัน ในใจรู้สึกกลัวมาก
“พ่อ แม่? ที่บ้านเกิดอะไรขึ้น?”
เวลานี้ “จางฉีโม่ถือกระเช้าสองกล่อง เดินเข้ามา
วินาทีที่เห็นจ้าวหลินเอ๋อร์ สีหน้าจางฉีโม่เปลี่ยนเป็นโมโห
“คุณมาถึงบ้านฉันได้ยังไง?” จางฉีโม่ถาม
จ้าวหลินเอ๋อร์หันไปด้วยแววตาสนุก มองสำรวจจางฉีโม่
“เธอนางสาวบ้านนอกกลับมาแล้วเหรอ? เหอะ ฉันมาหาหลินอิ่ง” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างใจเย็น “บอกฉันมา หลินอิ่งไปไหน?”
“ฉีโม่ ลูกรู้จักนางแพศยานี่เหรอ? เมื่อกี้นางเพศยานี่ เมื่อกี้มันตบแม่ ลูกแม่ ลูกต้องสั่งสอนมันนะ” ลู่หย่าฮุ่ยรีบเข้าไปหาจางฉีโม่
“ลูก ลูกไม่รู้ใช่ไหม ผู้หญิงคนนี้มันมาหาหลินอิ่ง ยังกล้ามาหาเรื่องที่บ้าน ลูกจะไปทนไอ้หลินอิ่งต่อไม่ได้อีกแล้วนะ มันไร้น้ำยาก็แล้ว ยังทำเรื่องขายหน้าแบบนี้อีก ใช้ฐานะของลูกไปรังแกลู่จิ้ง วันนี้ ไปมีชู้ข้างนอก ยังมาหาเรื่องถึงบ้าน” ลู่หย่าฮุ่ยอดไม่ได้ที่จะรีบฟ้องจางฉีโม่
จางฉีโม่ยิ่งฟัง สีหน้าก็ยิ่งไม่ดี จ้องจ้าวหลินเอ๋อร์สีหน้าเย็นชา
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาตบคน?” จางฉีโม่พูดอย่างโมโห
“แม่เธอด่าหลินอิ่ง ฉันก็ต้องตบ” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดด้วยสายตายโส “ฉันไม่รู้จริงๆ พ่อแม่เธอมีสิทธิ์อะไรไปด่าหลินอิ่ง?”
จางฉีโม่เห็นรอยฝ่ามือบนหน้าลู่หย่าฮุ่ย ยิ่งโมโห
“ขอโทษแม่ฉันเดี๋ยวนี้” จางฉีโม่พูดอย่างโมโห
“ขอโทษ?” จ้าวหลินเอ๋อร์หัวเราะเย็นชา ในแววตามีแววแห่งความอิจฉา “เธออย่าคิดว่าหลินอิ่งรักใคร่เธอ ฉันก็ทำอะไรเธอไม่ได้”
“ครั้งนี้ฉันมาเมืองตงไห่ ก็เพื่อจะเอาความจริงมาบอกเธอ ระหว่างเธอกับฉันมาต่างกันมากแค่ไหน” จ้างหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา
“เธอไม่คู่ควรที่จะได้อยู่กับหลินอิ่ง”
พูดไป จ้าวหลินเอ๋อร์หันตัวเดินออกไป “ในเมื่อพวกเธอไม่รู้ว่าหลินอิ่งอยู่ไหน ฉันก็ขี้เกียจอยู่ต่อ จางฉีโม่ รอดู อีกไม่นาน เธอจะเห็นความสามารถของฉัน”
“คุณ เข้ามาบ้านคนอื่นตบหน้าก็จะไปเหรอ?” จางฉีโม่หน้าดำ เดินเข้าไปขวางจ้าวหลินเอ๋อร์ไว้
“อย่ารบกวนคุณหนูของเรา”
บอดี้การ์ดหญิงสองคนขวางจางฉีโม่ไว้ จางฉีโม่กัดริมฝีปากแน่น รู้สึกโมโหมาก จ้องมองจ้าวหลินเอ๋อร์เดินจากไป
“ฉีโม่ รีบโทรหาหลินอิ่ง ให้มันไสหัวกลับมาเมืองชิงหยูนเดี๋ยวนี้” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างโมโห “ลูกเขยไร้น้ำยาอย่างมัน บ้านเราไม่ต้องการ”
“ลูก ครั้งนี้แม่ทนไม่ไหวแล้วนะ แม่จะพูดให้ชัดเจนนะ ลูกต้องหย่ากับหลินอิ่ง” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างโมโห “บ้านหลังนี้ แม่กับหลินอิ่ง มีได้แค่คนเดียว ถ้าหากลูกยังคิดว่าหลินอิ่งพึ่งได้ อย่างนั้นแม่ก็จะออกจากบ้านนี้ ลูกดูเองละกัน”
จางฉีโม่สีหน้าไม่ดีมาก ในสมองยุ่งไปหมด
“แม่ไม่ได้ดูถูกหลินอิ่ง แต่ว่า มันไม่ใช่ผู้ชายด้วยซ้ำ รู้ไหม?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างไม่พอใจ “พ่อแม่ลู่จิ้ง ลุงกับป้าก็อยู่ พวกเขาก็รู้ หลินอิ่งอยู่เมืองก่าง รังแกเด็กผู้หญิงอย่างลู่จิ้งจนเขาอย่างโดดตึกตาย ยังเอาเงินของลูกไปกินเหล้าเที่ยวผู้หญิง”
“หลายปีนี้มา หลินอิ่งอาศัยอยู่บ้านเรา เคยทำเรื่องอะไรที่ดีบ้างไหม? ก็แค่คนไร้น้ำยา นอกจากทำให้พวกเราขายหน้า ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง”
“วันนี้ลูกก็เห็นแล้ว หลินอิ่งมันมีผู้หญิงข้างนอก ยังมาหาเรื่องถึงบ้าน ยังตบหน้าแม่อีก” ลู่หย่าฮุ่ยด่าอย่างโมโหไม่หยุด “ลูกพูดซิ หลินอิ่งนอกจากสร้างปัญหา มันยังมีประโยชน์อะไรอีก? ไอ้ไร้น้ำยา ตัวปัญหา”