“พ่อบ้านหลี่ ส่งแขก เอาของขวัญที่พวกเขาเอามาคืนกลับไปด้วย ครอบครัวเราไม่ต้องการ” จางฉีโม่พูดอย่างเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์ที่จะพูดอะไรกับคนตระกูลจาง
“ครับ”
หลี่ผูเดินออกมา มองหน้าคนตระกูลจางทุกคนในนี้ด้วยสีหน้าเย็นชา
“ทุกท่าน คุณนายหลินไม่อยากคุยกับพวกท่านแล้ว เชิญกลับ” หลี่ผูพูดอย่างไม่เกรงใจ โบกมือเพื่อแสดงท่าเชิญ
จางหงจูนและจางหงซวนสีหน้าลำบากใจ หน้าแดงก่ำ แววตาซ่อนความโหดเหี้ยมอาฆาตไว้ หันหลังเดินออกไป
คนตระกูลจางทั้งกลุ่ม ต่างก็สีหน้าไม่ดี ออกจากคฤหาสน์ตามจางหงจูนทั้งสองไป
“ฉีโม่ นี่ ทำไมลูกถึงได้ไม่เกรงใจคนของตระกูลจางขนาดนี้” ลู่หย่าฮุ่ยพูด ไม่พอใจสำหรับผลลัพธ์นี้อย่างมาก
“พ่อแม่ หนูเหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อน” จางฉีโม่ถอนหายใจ หันตัวเดินกลับห้องนอน
เธอเหนื่อยมาก เหนื่อยทั้งกายและใจ
จางฉีโม่ไม่มีใจที่จะไปยุ่งเรื่องของตระกูลจาง ทั้งใจคิดแต่เรื่องของหลินอิ่ง
ในใจเธอรู้ดี ไม่มีหลินอิ่ง เธอไม่มีวันมีวันนี้
เรื่องที่เกิดวันนี้ เธอยิ่งรู้ถึงความสำคัญของหลินอิ่งที่มีต่อเธอ ไม่มีหลินอิ่ง บางที ชีวิตของเธอ เป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกผันได้สวยงามขนาดนี้
อีกฝั่งหนึ่ง จางหงจูนและจางหงซวนเดินออกจากวิลล่าหิมะมังกร
ทั้งสองคนสีหน้าโมโห ในตามีแต่ความขมขื่น
“โถ่เอ้ย ขายหน้าจริงๆ กลับมาถูกคนรุ่นลูกอย่างจางฉีโม่ ชักสีหน้าใส่ ต่อหน้าพวกเราทุกคน?” จางหงจูนพูดอย่างไม่พอใจ
“ช่วยไม่ได้ จางฉีโม่โชคเข้าข้าง เจริญรุ่งเรืองแล้ว พวกเราสู้ไม่ได้แม้แต่น้อย ครอบครัวเขา แม้แต่ชื่อบริษัทก็ไม่เอา ปัญหาบริษัทเรา จะแก้ไขยังไง” จางหงซวนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“พวกคุณสองคนคือลุงของจางฉีโม่ ฟังนะ พวกคุณอยากจัดการครอบครัวของจางฉีโม่ไหม?”
เวลานี้ ชายชุดดำคนหนึ่งเดินมาด้วยสีหน้าเย็นชา มองจางหงจูนสองพี่น้องด้วยสีหน้าเย็นชา
“คุณคือ?” จางหงจูนถามด้วยความสงสัย
“พวกคุณสองคนถ้าไม่อยากให้บริษัทล้มละลาย อยากทำให้บริษัทจางฉีโม่ล่ม? ก็ทำตามที่ผมพูด แค่นั้นก็พอ” ชายชุดดำพูดอย่างเย็นชา
……
เมืองก่าง ยามค่ำคืน
ท้องฟ้า เต็มไปด้วยดวงดาว
เมืองอันกว้างใหญ่ ตึกสูงตระหง่าน แสงสีเสียงตระการตา
ภายในคอนโดแห่งหนึ่ง ในทางเดินหน้าห้อง628 สายลมพัดแรง กระทบจนดังกึกก้อง
เงาของร่างสองร่างเคลื่อนไหวไปมา ต่อสู้กันไม่หยุด จนทำให้เกิดเสียงกระทบกันกลางอากาศ เป็นเสียงดังสะเทือน
ปัง
เสียงดังปังอย่างแรง ร่างหนึ่งล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง ชนจนกำแพงเป็นหลุม
“เอื้อก”
ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อทีเชิ้ตสีขาว กระอักเลือดออกมาจากปาก แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ มองไปที่หลินอิ่ง
หลินอิ่งสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ ยืนมือกอดอก ชุดดำปลิวไสว ท่าทางสง่า
“ไม่เลว สามารถต่อสู้กับผมได้ยี่สิบสองท่า” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
“คุณ คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงมาหาถึงที่นี่?” ชายเสื้อทีเชิ้ตถามอย่างสงสัย “คุณเป็นคนฝั่งไหน?”
เขาหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองอันรุ่งเรืองนี้มานานหลายปี ใช้ชีวิตคนธรรมดา ต้องไปทำงานที่บริษัททุกวัน ชีวิตความเป็นอยู่เหมือนคนธรรมดา แม้กระทั่งทะเลาะวิวาทชกต่อยกับคนอื่น ก็ไม่เคยแสดงวิชาความสามารถแม้แต่น้อย ไม่เคยแสดงฝีมือออกมาให้คนอื่นเห็นแม้แต่นิดเดียว
ทำไมถึงมีคนมาหาถึงที่? เกิดปัญหาตรงไหน?
หลินอิ่งมองชายหนุ่มเสื้อทีเชิ้ต พูดด้วยเสียงเรียบ
“มังกรแท้จริงปรากฏในนภา”
ได้ยินแล้ว ชายหนุ่มทีเชิ้ตสีขาวสีหน้าตกใจ สายตาเฉียบคมดั่งมีด จ้องหน้าหลินอิ่งไม่กะพริบตา
หน้าผากของเขาเหงื่อไหลไม่หยุด สั่นไปทั้งตัว
“อาชานับเหมื่อนล้วนธรรมดายิ่ง”
หลินอิ่งพูดเรียบเฉย
ตั๊บ
ชายหนุ่มเสื้อทีเชิ้ตคุกเข่าลงทันที กราบคำนับให้หลินอิ่งสามครั้ง ในสายตาเต็มไปด้วยความตื้นตัน ความรู้สึกที่อัดอั้นมานานหลายปี ระเบิดออกมาทั้งหมดในวินาทีนี้
“ท่านประมุข”
เย่เฮยก้มกราบ หัวโขกพื้น ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความดีใจและตื้นตัน
พูดไป เย่เฮยเงยหน้า แววตาเคร่งเครียด สะบัดแขนขึ้นทันที เสียงดังปัง แรงกำลังภายในเคลื่อนไหวภายในเสื้อผ้า สะเทือนไปครู่หนึ่ง เสื้อทีเชิ้ตสีขาวแตกออกทันที
เผยร่างกายที่มีหุ่นอันกำยำบึกบึนของเย่เฮย ทั่วทั้งร่างไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่นิดเดียว ร่างเหล็กเหมือนถูกหล่อหลอมมาจากโลหะ
บนร่างที่กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งนั้น มีรอยแผลจากทั้งปืนมีดและระเบิด ดูแล้วน่าตกใจ มีความน่าเกรงขาม ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
บนไหล่เขา เป็นรอยสักหมึกดำรูปภาพสัญลักษณ์โบราณ เป็นภาพมังกรดำเงยหน้าโบยบิน ดูน่าเกรงขาม
“องครักษ์มังกรดำ หัวหน้าองครักษ์ เย่เฮย กราบเคารพท่านประมุข”
หลินอิ่งแววตาตื้นตันเล็กน้อย บนตัวเย่เฮย คือสัญลักษณ์ที่มีเฉพาะหัวหน้าองครักษ์ ขององครักษ์มังกรดำ
เย่เฮยฝึกฝนวิชาการต่อสู้ เป็นวิชาการต่อสู้ที่มีเฉพาะของสำนักมังกรดำ ที่เดียวในโลก
“ลุกขึ้น” หลินอิ่งพูด
เย่เฮยลุกขึ้นทันที รวดเร็วเหมือนจรวดและยืนตัวตรง แววตาเฉียบคม ท่าทางน่าเกรงขาม
วินาทีนี้ เย่เฮยเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ได้ดูอ่อนแอเหมือนก่อนหน้านี้ พนักงานบริษัทที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ แต่เป็น นักรบหน้าเย็นที่สามารถฆ่าฟันศัตรูเลือดอาบได้
“เย่เฮย เข้าไปคุยข้างใน” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
ห้อง628 หนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตกแต่งเรียบง่าย
หลินอิ่งนั่งบนเก้าอี้ ชงน้ำชาหนึ่งเหยือก ท่าทางดั่งนายพลสั่งทหาร เทน้ำชาสองแก้ว
“นั่งลง”
เย่เฮยพยักหน้า รับน้ำชามาจากมือหลินอิ่งอย่างเคารพ แล้วนั่งลง
“เย่เฮย ทุกวันนี้ องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองก่าง ยังเหลือกี่คน?” หลินอิ่งถามสีหน้าจริงจัง
เย่เฮยสีหน้าหดหู่ลงเล็กน้อย พูดว่า “ท่านประมุข องครักษ์เหลือเพียงแค่ผมกับพี่น้องอีกไม่กี่คน ทั้งหมดหกคน”
“แต่ในภายนอก องครักษ์มังกรดำยังเป็นทีมที่จัดระเบียนอย่างสมบูรณ์ ควบคุมเมืองก่างทั้งหมดในที่ลับเป็นอย่างดี”
“ไอ้หมาขโมยอาจารย์กู้ต้านั่น ไม่เพียงแค่แย่งตำแหน่งประมุขไป ยังยึดอำนาจทั้งหมด ขจัดคนที่ต่อต้านเขาออกจากแก๊งมังกร ทีมองครักษ์มังกรดำของสมัยหยังถังจู่ ส่วนมากก็แปลพรรคกันหมดแล้ว……”(ถังจู่คือผู้นำของสำนัก)
หลินอิ่งขมวดคิ้ว องครักษ์มังกรดำยังควบคุมเมืองก่างในที่ลับ?
ข่าวที่เย่เฮยบอกสำคัญมาก และใหญ่โตมาก
เขาก็รู้ดี องครักษ์มังกรดำของแก๊งมังกรในอดีต ซ่อนตัวในเมืองก่าง ควบคุมอำนาจในที่ลับ พอเพียงสำหรับการขับเคลื่อนเมืองก่าง
ถังจู่แห่งสำนักมังกรดำหยังสวนเจิง ก็เคยเป็นราชาแห่งโลกใต้ดินเมืองก่าง
แต่ว่า วันนี้แก๊งมังกรเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หยังสวนเจิงตายแล้ว องครักษ์มังกรดำแตกแยก
องครักษ์มังกรดำชุดใหม่ ยังสามารถควบคุมเมืองก่างได้?
ถ้าอย่างนั้น มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเมืองก่างจี้ฉงซาน จะมีความสัมพันธ์อะไรกับองครักษ์มังกรดำหรือไม่?
หลินอิ่งทำเสียงตอบรับ ถามว่า “เย่เฮย ปีนั้นก่อนที่หยังสวนเจิงจากไป ในแก๊งมังกรเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง?”
“เล่าเรื่องทั้งหมดที่รู้มาให้ผมฟังหน่อย”