หลินอิ่งขมวดคิ้ว มองไปที่หญิงสาวชุดกระโปรง
เท่าที่รู้ เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ และไม่เคยเจอหน้ากัน
เข้ามาก็สงสัยในตัวเขา หน้าตาสงสัยและไม่เป็นมิตร?
หรือว่าในนี้มีอะไรปิดปังอยู่?
“หยินปิง เธอ อย่าพูดแบบนี้ คุณหลินเป็นแขกพิเศษของพ่อฉัน” ฉู่ฉู่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ฉู่ฉู่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอลำบากใจ แต่ว่าฉันทนดูเธอถูกหลอกไม่ได้” หยินปิงพูดอย่างจริงจัง
“ฉู่ฉู่ เธอบอกว่าเขาเป็นแขกพิเศษอะไร? ฉันรู้ว่าเขาเป็นแขกที่พ่อเธอเชิญมา เธอวางใจได้ เดี๋ยวฉันจะไปหาพ่อเธอเพื่อพูดเรื่องนี้” หยินปิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ ท่าทางหยิ่งยโส มองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา “นี่ ไอ้แซ่หลิน ได้ยินว่า คืนนั้นนายช่วยฉู่เสี่ยงฝันไว้เหรอ? อุ้มเสี่ยงฝันไปในขณะที่รถแข่งกำลังวิ่ง? มีเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
หลินอิ่งไม่ได้สนใจเธอ คนที่ไม่รู้จัก เขาขี้เกียจพูดด้วย
“เหอะเหอะ กลัวแล้วเหรอ ขี้ขลาดขนาดนี้ ไม่กล้ายอมรับ?” หยินปิงหัวเราะ แสดงท่าทางว่าฉันรู้ทุกอย่าง “ฉู่ฉู่ ครั้งที่แล้วฉันพูดยังไง ตัดสินใจเด็ดขาด ว่าคุณหลินนี่ เป็นนักต้มตุ๋น อาจจะเป็นพวกเดียวกับกลุ่มเลี่ยวยุ่นเฟยก็ได้ แผนการแบบนี้ คิดอยากจะเข้าใกล้ครอบครัวเธอ”
“ว่าไปแล้วไอ้แซ่หลินนี่ ต้องเป็นนักต้มตุ๋นที่วางแผนร่วมกับเลี่ยวยุ่นเฟยแน่นอน แกล้งทำเป็นช่วยเสี่ยงฝัน ทำจริงก็คือคิดไม่ชอบ”
เวลานี้ ชายหนุ่มในเสื้อสูทสีเขียวคนหนึ่ง เดินเข้ามาช้าๆ จ้องหน้าหลินอิ่งด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
“ฉู่ฉู่ เธอก็ไม่รู้จักคิด ครั้งที่แล้วได้ยินเสี่ยงฝันพูดว่า เลี่ยวยุ่นเฟยซิ่งรถในสนามบิน เกือบชนเขา ปรากฏว่าถูกไอ้แซ่หลินนี่ช่วยไว้? คำพูดแบบนี้เธอก็เชื่อ? รถแข่งวิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้น ไอ้แซ่หลินนี่มันสามารถช่วยฉู่เสี่ยงฝันไว้ได้? มันเป็นซูเปอร์แมนเหรอ? พูดได้แค่ เลี่ยวยุ่นเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว” ชายหนุ่มพูดด้วยความสงสัย “แผนการหลอกลวงอย่างเห็นได้ชัด เธอยังดูไม่ออกอีกเหรอ? เดี๋ยวฉันจะไปเปิดโปงเรื่องนี้กับลุงฉู่เอง”
“พอได้แล้ว หยินปิง เธอไว้หน้าฉันด้วย” ฉู่ฉู่พูดเสียงเรียบ
พูดไป ฉู่ฉู่ก็เดินเข้าไปหาหลินอิ่ง พูดกระซิบข้างหูหลินอิ่ง
“คุณหลิน ขอโทษด้วย หวังว่าคุณจะไม่ถือสา หยินปิงเป็นเพื่อนของฉัน เขาได้ยินเรื่องของน้องชายฉัน ก็เลยเข้าใจผิดในตัวคุณ”
เห็นฉู่ฉู่ท่าทางสนิทสนมใกล้ชิดกับหลินอิ่งขนาดนี้ ชายหนุ่มชุดสูทเขียวคนนั้น สีหน้าก็ยิ่งโมโห มีอาการอิจฉา แววตาเหมือนอยากฆ่าหลินอิ่ง
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม ถาม “คนนี้เป็นใคร?”
“เขาเป็นน้องชายของหยินปิง ชื่อหยินจุน” ฉู่ฉู่แนะนำ
“เขาชอบคุณ?” หลินอิ่งถามเสียงเรียบ
หยินจุนมองเขาเป็นศัตรูอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุมาจากฉู่ฉู่
ฉู่ฉู่ใบหน้าเริ่มแดง รู้สึกเขิน ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง พูดอย่างลังเล “อันนี้……คุณหลิน แววตาคมดั่งไฟ เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ฉันทำให้เกิดขึ้น ต้องขอโทษด้วย”
หลินอิ่งไม่ได้ตอบ สายตามองไปที่หยินจุน
แววตาหยินจุนมองมาดั่งไฟ ท่าทางไม่พอใจ รู้สึกเพียงว่าหลินอิ่งกำลังเยาะเย้ยเขา
“มองอะไร? ไอ้บ้านนอก?” หยินจุนพูดด้วยความโมโห “ฉู่ฉู่ อยู่ห่างๆจากไอ้ต้มตุ๋นนี่ คนคนนี้ ฉันแค่ดูก็รู้แล้ว เขาต้องคิดอะไรกับเธอแน่ ต้องเป็นพวกเดียวกับไอ้หน้าด้านเลี่ยวยุ่นเฟยแน่นอน”
“เลี่ยวยุ่นเฟยในแวดวงสังคมเมืองก่าง ชื่อเสียงเน่าเหม็นขนาดไหน? ฉู่ฉู่ เธอก็น่าจะรู้ดี ไอ้แซ่หลินนี่ จะเป็นคนดีได้ยังไง?” หยินจุนพูดยอ่างไม่เกรงใจ มั่นใจว่าหลินอิ่งกับเลี่ยวยุ่นเฟยวางแผนมาหลอก
“ใช่ ฉู่ฉู่ เธอต้องเชื่อสายตาพวกเรา” หยินปิงพูดจริงจัง “เรื่องที่ช่วยเสี่ยงฝันไว้อย่างน่าเหลือเชื่อ เกิดขึ้นได้แค่ในหนัง อีกอย่าง เมื่อก่อนฉันเคยได้ยิน เลี่ยวยุ่นเฟยเคยใช้แผนการแบบนี้ เขาถูกใจลูกสาวเศรษฐีต่างจังหวัดคนหนึ่ง สั่งลูกน้องไปปล้ำผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็แกล้งเป็นฮีโร่ไปช่วยคน”
“ครั้งที่แล้วได้ยินเธอพูด ฉันก็รู้แล้ว คุณหลินนี่ก็ไม่รู้โผล่มาจากไหน ก็ต้องเป็นนักแสดงที่เลี่ยวยุ่นเฟยจ้างมาแน่นอน”
ฉู่ฉู่มองไปที่หลินอิ่ง ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด รู้สึกลำบากใจ
ก่อนหน้านี้ เพื่อนรักของเธอ หยินปิงเคยได้ยินน้องชายเธอเสี่ยงฝันพูดถึงเรื่องคุณหลิน แต่ว่า คิดไม่ถึงว่าหยินปิงจะมาด่าหลินอิ่งต่อหน้าแบบนี้
“พี่ปิง พวกพี่อย่าพูดไปเลื่อย วันนั้นก็คือลุงหลินที่ช่วยผมไว้ พวกพี่อย่ามาใส่ร้ายเขา” ฉู่เสี่ยงฝันโมโห สะบัดหมัดเล็กๆของเขาพูด
หยินปิงอุ้มฉู่เสี่ยงฝันไว้ พูดว่า “เสี่ยงฝัน เธอยังเด็กอยู่ ไม่รู้หรอกว่าสังคมอันอันตรายแค่ไหน โดยเฉพาะ พวกเราต่างก็มาจากตระกูลผู้ดี ไม่ใช่ครอบครัวคนธรรมดา ชีวิตทุกวันเต็มไปด้วยหลุมพรางอันตรายต่างๆนานา เธอต้องรู้จักป้องกันตัวด้วย”
“อย่างคุณหลินนี่ เข้าหาครอบครัวพวกเธออย่างน่าแปลกใจ ก็ต้องหวังผลประโยชน์ในทรัพย์สินของครอบครัวเธอแน่ เข้าใกล้เพื่อเงิน”
“ไม่ฟัง ผมไม่ฟัง” ฉู่เสี่ยงฝันส่ายหัว รู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาพูดไม่ใช่ความจริง
“เหอะเหอะ เสี่ยงฝันไม่รู้เรื่อง ฉู่ฉู่ เธอน่าจะรู้จักแยกแยะผิดถูกนะ ไอ้บ้านนอกที่เต็มไปด้วยกลิ่นสาบโคลนแบบนี้ จะมีความสามารถอะไร? ยังช่วยคนอื่น?” หยินจุนหัวเราะเย็นชา มองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา “ไอ้บ้านนอกอย่างแก พูดมาเลย ว่าใช่เลี่ยวยุ่นเฟยจ้างแกมาใช่ไหม? พูดมาตามตรง ว่าแกมาเพื่อเห็นแก่เงินตระกูลฉู่ใช่ไหม?”
“เลิกแสดงได้แล้ว ไอ้ต้มตุ๋น บอกตัวเลขมา เดี๋ยวฉันจะให้เงินเป็นค่าอาหารหมาเร่ร่อนอย่างแกเอง แล้วไสหัวออกจากเมืองก่างไป ต่อจากนี้ อย่ามาเสนอหน้าให้ฉู่ฉู่เห็นอีก” หยินจุนพูดอย่างยโสโอหัง
เท่าที่เขาดูแล้ว หลินอิ่ง ก็แค่หมาเร่ร่อนที่คอยหาอาหารเท่านั้น นักต้มตุ๋นดีๆนี่เอง