หลินอิ่งส่ายหน้า มุมปากยิ้มขึ้น
คนที่หลงตัวเองคิดอะไรไปเองแบบนี้ ไม่มีอะไรต้องพูดด้วย
เข้าใจผิดว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นในสายตานั้น ก็คือโลกทั้งใบ
“หยินจุน นายพูดเกินไปแล้วนะ”
ฉู่ฉู่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ฉันเคยพูดแล้ว ว่าคุณหลินเป็นแขกคนสำคัญของพ่อฉัน พวกเธอพูดอะไรระวังกันหน่อย พอได้แล้ว”
จากคำต่อว่านี้ สีหน้าหยินจุนเปลี่ยนทันที แววตาอิจฉาลุกเป็นไฟ จ้องหน้าหลินอิ่งตาไม่กะพริบ
เทพธิดาของเขา ฉู่ฉู่ ต่อว่าเขาต่อหน้าไอ้บ้านนอกคนหนึ่ง ไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย?
“คุณหลิน พวกคุณเข้าไปก่อนดีกว่า ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณอึดอัดใจ” ฉู่ฉู่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ไม่ต้องขอโทษ ไม่ใช่คนสำคัญอะไร ผมไม่ถือสา” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
พูดไป ทั้งสองคนก็หันตัวเดินเข้าไปในห้องรับรอง
“ฉู่ฉู่ ทำไมเธอต้องขอโทษคนแบบนี้ด้วย? ไม่จำเป็นต้องเคารพมัน คนแบบนี้มันไม่มีสิทธิ์” หยินปิงพูดอย่างไม่พอใจ รู้สึกว่าฉู่ฉู่ไม่ไว้หน้าเธอและน้องชาย
หยินจุนสีหน้าแดงก่ำ รู้สึกอารมณ์ไม่ดี และไม่พอใจ
ฉู่ฉู่ต่อว่าเขา แต่กลับหันกลับไปขอโทษหลินอิ่ง?
มีสิทธิ์อะไร?
ทำไมไอ้ต้มตุ๋นแบบนี้ ถึงได้รับความชื่นชมจากฉู่ฉู่?
“แสดงเก่งมากนะ? คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ไม่ถือสา? แกกล้ามีเรื่องกับฉันเหรอ?” หยินจุนพูดเสียงเย็นชา เหมือนกับถูกเหยียดยามอย่างร้ายแรง โมโหจนอยากพุ่งเข้าไปตบหน้าหลินอิ่ง
หลินอิ่งไม่พูดอะไร แค่ยิ้มบางๆ แล้วส่ายหัว
สำหรับท่าทางของหลินอิ่ง ยิ่งทำให้หยินจุนรู้สึกโมโห รู้สึกว่านี่เป็นการเยาะเย้ย
หยินจุนยืนมองหลินอิ่งเดินจากไปพร้อมฉู่ฉู่แบบนั้น ทำให้ความโมโหในใจเขาลุกเป็นไฟ
“สักวันฉันต้องเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของแก ไอ้ต้มตุ๋น” หยินจุนต้องหลังหลินอิ่งด้วยสีหน้าอาฆาต ไม่พอใจ
ไม่นาน หลินอิ่งกับฉู่ฉู่มาถึงห้องรับรองในงานเลี้ยง
บนโต๊ะจัดอาหารเลิศรสไว้เต็มโต๊ะ และไวน์ฝรั่งเศสสองขวด
ฉู่ฉู่เข้าไปเทไวน์สองแก้ว แล้วยื่นให้หลินอิ่ง
“คุณหลิน ฉันดื่มให้คุณ เรื่องเข้าใจผิดในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะฉัน ต้องขอโทษด้วยที่ต้อนรับได้ไม่ดี หวังว่าคุณจะไม่ถือสา” ฉู่ฉู่พูดอย่างรู้สึกละอายใจ
หลินอิ่งพยักหน้า รับแก้วไวน์มา
ปกติเขาไม่ค่อยดื่มเหล้า
เหมือนดั่งคำว่า ดื่มเหล้าเปิดเผยฐานะ
ฉู่ฉู่ผู้หญิงคนนี้ ถือว่าเป็นคนมีความรู้ มีมารยาทรู้จักกาลเทศะ
กับเธอ ความประทับใจใช้ได้
“เรื่องเล็ก” หลินอิ่งดื่มหมดแก้ว
ฉู่ฉู่ดื่มหมดหนึ่งแก้ว ใบหน้าเริ่มแดงเล็กน้อย เหมือนจะต้านแรงแอลกอฮอล์ไม่ไหว
แต่ว่า แต่เธอก็เติมอีกหนึ่งแก้ว
“คุณหลิน แก้วนี้ ขอคุณที่คุณช่วยน้องชายฉันไว้” ฉู่ฉู่มือข้างหนึ่งปังแก้วไว้ ดื่มลงไปอย่างสง่า
หลินอิ่งพยักหน้า ดื่มเล็กน้อย แล้ววางแก้วลง
“ใช่แล้ว คุณหลิน ยังไม่เคยถามชื่อของคุณ ขออภัยด้วยไม่ทราบว่าคุณเป็นคนที่ไหน?” ฉู่ฉู่ถาม
ก๊อกก๊อก
เวลาเดียวกัน มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาคือเลขาของฉู่สงซาน
“คุณหลิน ทางด้านประธานฉู่จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านไปได้” เลขาพูดอย่างเคารพ
หลินอิ่งพยักหน้า “พาผมไปได้”
ฉู่ฉู่อยากพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูด ดวงตาสดใสเป็นประกาย พูดว่า “คุณหลิน ถ้าครั้งต่อไปว่าง เราค่อยคุยกัน”
จากการนำทางของเลขา หลินอิ่งมาถึงห้องรับรองที่อยู่ชั้นบน
นี่เป็นห้องรับรองที่ตกแต่งในแบบย้อนยุคดูมีกลิ่นอายการย้อนยุค บนผนังแขวนภาพวาดสีน้ำแบบโบราณ ดูเรียบง่ายสง่า
นี่ก็คือการต้อนรับแขกของฉู่สงซาน ตอนที่คุยกับหลินอิ่งที่ออฟฟิศประธาน พูดถึงเรื่องภาพวาดสีน้ำ เขาก็พอรู้ถึงความชอบของหลินอิ่ง จึงได้จัดห้องรับรองที่เป็นแบบโบราณโดยเฉพาะ
ในห้องรับรอง ฉู่สงซานนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน ด้านข้างเป็นชายหนุ่มใส่แว่นในชุดสูทเรียบร้อย
“คุณหลิน มาแล้วเหรอครับ เชิญนั่ง” ฉู่สงซานใบหน้ายิ้มแย้ม ลุกขึ้นต้อนรับ
หลินอิ่งพยักหน้า จากนั้นก็นั่งลงสีหน้าเรียบเฉย
ฉู่สงซานเทน้ำชาให้อย่างเคารพ หลินอิ่งยกน้ำชาขึ้นดื่ม
“ประธานฉู่ เรื่องจัดการเรียบร้อยหรือยัง?” หลินอิ่งถาม
ฉู่สงซานพยักหน้า พูด “เรื่องที่คุณสั่งเมื่อวาน ทางผมเตรียมการเรียบร้อยแล้ว”
“คุณหลิน ผมขอแนะนำหน่อยนะครับ ท่านนี้คือประธานของบริษัทสื่อกลางตระกูลเฉียน เฉียนจ้วน”
“เสี่ยวเฉียน ท่านนี้คือเพื่อนร่วมธุรกิจคนสำคัญของผม คุณหลิน”
ฉู่สงซานพูด “ทุกคนก็เป็นคนกันเอง เรื่องอื่นก็ไม่พูดแล้ว เสี่ยวเฉียน รายงานข้อมูลที่ได้มาให้คุณหลินฟังเลย”
เฉียนจ้วนมีบุคลิกคนมีความรู้ หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าทำงาน มองไปที่หลินอิ่ง พูดอย่างจริงจัง “สวัสดีครับ คุณหลิน”
“สวัสดี” หลินอิ่งพยักหน้า
ก่อนหน้านี้เขาให้ฉู่สงซานไปสืบหาข้อมูลรายละเอียดของจี้ฉงซาน รวมถึงข้อมูลหลักฐานตั้งแต่จี้ฉงซานสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา ตลอดทางใช้วิธีที่สกปรกเลือดเย็นต่างๆนานาทั้งหมด
เตรียมจะเปิดสงครามด้านข่าวสารมติชนกับจี้ฉงซาน
เพราะว่า ด้านสื่อและโทรทัศน์ข่าวสารทั้งหลายในเมืองก่าง ล้วนควบคุมในมือของจี้ฉงซาน สื่อโทรทัศน์ทั้งหมดต่างก็ชื่นชมจี้ฉงซานอย่างไร้สมอง ไม่มีหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ช่องไหนกล้าพูดถึงเขาในแง่ลบแม้แต่นิดเดียว
ทรัพยากรด้านสื่อและโทรทัศน์เมืองก่าง ตัวเองยังไม่เคยยุ่งเกี่ยว
ส่วนฉู่สงซาน มีเครือข่ายสื่อที่ไว้ใจได้ในมือ กล้าเปิดเผยข่าวที่เกี่ยวกับจี้ฉงซาน
“คุณหลิน ข้อมูลที่คุณให้ผมไปรวบรวม อยู่ในนี้แล้ว” เฉียนจ้วนพูดอย่างเคร่งขรึม “จี้ฉงซานสามารถสร้างตัวขึ้นมาได้ ก็เพราะการเก็งกำไรจากการซื้อที่กิน ลงทุนในตลาดหุ่น เขาอาศัยความสัมพันธ์จากบริษัทนายทุนต่างชาติและพวกเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติ เรื่องนี้ในสังคมเมืองก่าง ความจริงก็ไม่ใช่ความลับ”
“ส่วนในเอกสารนี้ มีเรื่องที่จี้สงซานหลอกเหล่านักเล่นหุ้น ควบคุมอสังหาริมทรัพย์ บีบจนคนทำงานและกลุ่มทาสบ้านต้องโดดตึกตายกันนับไม่ถ้วน อีกอย่าง ยังมีโรงงานเถื่อนหลายแห่งที่เขาเปิด เพื่อผลกำไร ผลประโยชน์ที่สูงที่สุด เคยทำกับแรงงานจำนวนมากยิ่งกว่าสัตว์ ทำให้ให้คนกลุ่มนั้นเป็นมะเร็ง และเขาเคยฆ่าปิดปากนักข่าวที่เปิดโปงข่าวเรื่องโรงงานป่าเถื่อนของเขา”
“หลักฐานชัดเจน หลักฐานผมมี พยานผมก็มี”
หลินอิ่งไม่แสดงอาการใดๆ รับเอกสารมาเปิดดู
ต้องพูดว่า ฉู่สงซานทำงานได้คุณภาพสูงมาก ลูกน้องทำงานก็น่าเชื่อถือ
จี้ฉงซาน เจ้าสัวจี้ คนที่ความโลภเข้าถึงกระดูกแบบนี้ นักทุนนิยมที่สร้างตัวขึ้นมาด้วยการดื่มเลือดเนื้อคนอื่น มีร่องรอยมากมายขนาดนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะว่า จี้ฉงซานไม่นักธุรกิจแบบดั้งเดิม เขาเป็นนักทุนนิยมต่างชาติเท่านั้น วิธีโหดเหี้ยมเลือดเย็น ศูนย์กลางธุรกิจก็คือการเก็งราคาที่ดินสิ่งปลูกสร้าง ควบคุมราคาหุ้นราคาอสังหาริมทรัพย์ พูดตรงๆก็คือ พวกนายทุนที่ดินที่ขูดรีดคนจน
พฤติกรรมทั้งหมดของเขา ไม่มีประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติแม้แต่นิดเดียว ล้วนอาศัยกิจการที่ซื้อมาหลังร่ำรวยแล้วเพื่อเป็นเครื่องมือบังหน้า และการยกย่องจากพวกสื่อต่างๆ
ความเป็นจริง ก็คือร่วมมือกับหน่วยงานต่างชาติ ขุดเลือดขุดเนื้อประเทศหลุง แล้วโอนทรัพย์สินไปต่างประเทศ