“วุ่นวายกันจริงๆ” ฉู่สงซานสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา หันไปมองหยินต้าชิว
“พี่หยิน ต้องสั่งสอนหยินจุนดีๆหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้น สักวันต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่” ฉู่สงซานพูดด้วยความโมโห
หยินต้าชิวสีหน้าไม่ค่อยดี พูดว่า “ออกไปดูก่อนละกัน”
เขาคิดในใจ ลูกชายตัวเองถูกบอดี้การ์ดหลินอิ่งทำร้ายแล้ว หาคนไปจัดการบอดี้การ์ดหลินอิ่ง ทำไมจะไม่ได้? ฉู่สงซานจำเป็นต้องโมโหขนาดนี้เลยเหรอ?
ครอบครัวตัวเองก็ถอยหนึ่งก้าวแล้ว ไม่ได้ไปหาเรื่องหลินอิ่ง หรือแม้แต่หาเรื่องบอดี้การ์ดหลินอิ่งก็ไม่ได้?
กำลังพูดอยู่ พวกเขาก็เดินออกจากห้องอาหาร เข้าไปในงาน
แขกที่มาในงานพากันออกไปตั้งนานแล้ว มีเพียงหยินจุนสองพี่กับที่กำลังเผชิญหน้ากับฮาเดส
“ไอ้หมาหน้าโง่ ยังกล้าสู้กลับอีก? ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก”
หยินต้าชิวสายตาโหดเหี้ยม ชี้หน้าด่าฮาเดส
ด้านหลังหยินต้าชิว มีบอดี้การ์ดหน้าโหดติดตามอยู่หลายคน ยังมีอีกหลายคนที่ถูกต่อยจนเลือดเต็มหัว จ้องหน้าฮาเดสอย่างไม่พอใจ
เผชิญหน้ากับคำด่าของหยินจุน ฮาเดสมือกอดอก มุมปากยิ้มอย่างเหยียดหยาม
“หยินจุน ลุงบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ออกไป? ทำไมยังพาคนมาสร้างปัญหาอีก?”
ฉู่สงซานเดินเข้าไป สีหน้าเคร่งเครียด พูดจาต่อว่า
หยินจุนนี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ
ตักเตือนอย่างรุนแรงขนาดนี้แล้ว ยังไม่เชื่อฟังอีก?
หาเรื่องหลินอิ่งไม่ได้ ยังจะมาหาเรื่องบอดี้การ์ดหลินอิ่งอีก?
“ลุงฉู่ เรื่องนี้ โทษผมไม่ได้” หยินจุนพูดอย่างไม่พอใจ “เรื่องนี้ผมไม่ได้เป็นคนก่อ เพราะไอ้บอดี้การ์ดหน้าโง่ของหลินอิ่ง มันลงมือก่อน”
“ลุงฉู่ นี่เป็นงานเลี้ยงที่คุณลุงจัดขึ้น นายคนนี้มันลงมือกับผมในงาน ผมทนไม่ได้จริง”
ฉู่สงซานไม่ได้พูด หันไปมองหลินอิ่ง
คนของหลินอิ่ง เขาไม่กล้าสั่งสอน
“หยินจุน เกิดเรื่องขึ้นได้ยังไง? ใครลงมือก่อน?” หยินต้าชิวสีหน้าโมโห ถามเสียงขรึม
ทำอะไรหลินอิ่งไม่ได้ เขาก็กลั้นความโมโหเต็มท้องแล้ว คราวนี้ แม้แต่บอดี้การ์ดหลินอิ่งก็รังแกขึ้นมาถึงหัวเขา?
หยินจุนพูด “พ่อ ไอ้บอดี้การ์ดคนนี้มันหาเรื่องก่อน เข้ามาก็ทำร้ายบอดี้การ์ดของเราสองคนจนบาดเจ็บหัวแตก ผมทนท่าทางอวดดีของมันไม่ได้ ก็เลยเรียกคนมา”
“แค่บอดี้การ์ดคนเดียว ทำอะไรทำไมถึงได้อวดดีสามหาวขนาดนี้? เย่อหยิ่งอวดดีทั้งเจ้านายลูกน้อง” หยินต้าชิวมองหลินอิ่งเย็นชา หรี่ตาลงแล้วพูดว่า “ไอ้แซ่หลิน ครั้งนี้ นายจะอธิบายยังไงกับฉัน? บอดี้การ์ดนายไม่รู้กาลเทศะ งั้นฉันก็จะช่วยนายสั่งสอนมันเอง”
“น้องฉู่ ครั้งนี้ ไม่ใช่ฉันไม่มีเหตุผลแล้วนะ วันนี้ ฉันต้องจัดการไอ้บอดี้การ์ดหน้าโง่นี่แล้ว”
หยินต้าชิวฉวยโอกาสนี้ระบายอารมณ์ มองไปที่ฉู่สงซาน
ถึงจะทำอะไรหลินอิ่งไม่ได้ วันนี้เขาก็ต้องเรียกศักดิ์ศรีคืนมาจากตัวบอดี้การ์ดหลินอิ่งให้ได้
ฉู่สงซานจะปกป้องหลินอิ่งแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปกป้องแม้แต่บอดี้การ์ดของหลินอิ่ง
“ประธานหลิน ผมเป็นคนลงมือก่อน” ฮาเดสสีหน้าถ่อมตัวหันไปมองหลินอิ่ง แล้วรายงานเขา “แต่ว่า เมื่อกี้ผมนั่งลิ้มรสไวน์อยู่ ไอ้เด็กนี่สั่งคนมาเทเหล้าอาหารของผมทิ้ง ผมแค่สั่งสอนพวกมันนิดหน่อย”
หลินอิ่งพยักหน้า หันไปมองหยินต้าชิวสีหน้าเรียบเฉย พูดว่า “คุณจะสั่งสอนคนของผม?”
“ไม่ต้องพูดว่าลูกชายคุณหาเรื่องก่อน ถึงแม้จะเป็นบอดี้การ์ดผมก่อเรื่องก่อน ก็ยังไม่ใช่สิทธิ์คุณที่จะมาสั่งสอน”
“อวดดี” หยินต้าชิวระเบิดความโมโหที่อดกลั้นมานาน “แกอย่าคิดว่าน้องฉู่เขาคุ้มกะลาหัวแกอยู่ ก็ไม่เห็นคนอื่นในสายตา”
“แกควรรู้จักแยกแยะฐานะอายุหน่อย เป็นเด็กรุ่นหลัง ยังมาอวดดีที่นี่ แกคิดว่าแกเป็นใคร?”
หยินต้าชิวตะโกนด่า พูดเสียงเย็นชา “วันนี้ ยังไงฉันก็ต้องสั่งสอนคนของแก ฉันจะดูว่าแกจะทำอะไรฉันได้”
“หยินจุน บอดี้การ์ดคนนี้มันลงมือกับลูกก่อน จับมันไว้ หักมือมันที่เลยเดี๋ยวนี้เลย” หยินต้าชิวพูดด้วยสีหน้ายโสโอหัง
ตอนที่พูด บอดี้การ์ดที่หยินต้าชิวพามา แต่ละคนสายตาโหดเหี้ยม ถูมือตัวเองเดินเข้าไปล้อมไว้
“หัวหน้าสมาคมหยิน นี่คุณจะทำอะไร?” ฉู่สงซานถามเสียวเคร่งขรึม
“น้องฉู่ มันคนละเรื่องกันนะ” หยินต้าชิวพูดด้วยสีหน้าโมโห “นายบอกไม่ให้ทำหลินอิ่ง ฉันไว้หน้านาย แต่นี่ บอดี้การ์ดคนนี้ตบหน้าลูกชายฉัน ตอนนี้ยังมาหาเรื่องอีก”
“วันนี้ถ้าฉันไม่หักมือมันที่นี่ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? หรือจะให้คนอื่นเขาหัวเราะเยาะฉันหยินต้าชิว แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้?”
“เหอะ” หลินอิ่งส่ายหัว หัวเราะเย็นชา
“บางที ต้องให้คุณรู้แล้ว ว่าวันนี้ที่นี่งานนี้ใครเป็นพ่อกันแน่”
“ฮาเดส โทรศัพท์ให้คริสพาคนมา”
น้ำเสียงเรียบเฉยพูดจบ สีหน้าหยินต้าชิวก็ตะลึงทันที
“ครับ”
ฮาเดสตอบรับอย่างเคารพ หยิบมือถือออกมาโทรออกไปทันที
ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลินอิ่งก็จัดการให้คริสพาคนมาแล้ว รอคำสั่งอยู่ที่ห้องรับรองแขกชั้นล่างตั้งนานแล้ว
ตอนแรก ตั้งใจให้คริสมาคุยเรื่องธุรกิจ
ตอนนี้ ดูท่าแล้ว ต้องให้คริสจัดการเรื่องอื่นแล้ว
“อะไรคริส ครุสของแก? แม่แกเอ้ย ยังมาแสดงอะไรที่นี่อีก แสดงจนคิดว่าตัวเองเป็นหมาป่าแล้ว?” หยินต้าชิวมองหลินอิ่งอย่างดูถูก “ยังจะเรียกคนมา? แกคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่โตแล้วเหรอ? ไอ้บ้านนอก”
“ลุงฉู่ ลุงเห็นแล้วใช่ไหม ไอ้หลินอิ่งนี่มันก็แค่นักเลงกระจอกๆ คงจะรู้จักนักเลงข้างนอกไม่กี่คน ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่โต ยังกล้าเรียกคนมาสู้กับพ่อหนู?” หยินปิงก็ทำสีหน้าเหยียดหยาม พูดจาเสียดสี “ไม่รู้จักดูว่านี่มันสถานที่อะไร? ไอ้บ้านนอกอย่างแกจะไปเรียกใครมาได้? ฉันว่าแกนี่มันก็ดีแต่ทำให้ลุงฉู่ขายหน้า”
น่าตลกสิ้นดี ไอ้หลินอิ่งนี่มันคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ผุดมาจากไหนก็ไม่รู้ อาศัยความสัมพันธ์กับฉู่สงซานนิดหน่อย ก็คิดจะกระโดดขึ้นสวรรค์แล้ว
ไม่รู้จักคิด ฉู่สงซานกับหยินต้าชิวคนใหญ่คนโตแห่งเมืองก่างอยู่นี่ มีใครกล้ามาหาเรื่อง?
เมื่อกี้หยินต้าชิวได้ยินชื่อของคริสแล้ว ก็สีหน้าแปลกใจ จากนั้น ก็หันไปมองหลินอิ่งด้วยแววตาเหยียดหยาม
“ท่าทางแกมันก็แค่ไอ้เด็กบ้านนอกยากจนแบบนี้? ยังจะโทรเรียกคริสมา? แกรู้ไหมว่าคริสเป็นใคร?” หยินต้าชิวพูดด้วยสีหน้าดูถูก “คงไม่ใช่เพราะได้ยินฉันคุยธุระกับน้องฉู่เมื่อกี้หรอกนะ ได้ยินชื่อของคนคนนี้ ก็เลยเอามาแต่งละครแล้ว?”
“ฉันขอพูดอะไรไม่น่าฟังหน่อยนะ ไอ้หน้าโง่อย่างแก สามารถรู้จักกับน้องฉู่ ก็ถือว่าเป็นบุญที่สะสมมาแต่ชาติก่อนแล้ว คนในชนชั้นต่ำสุดอย่างแก แม้แต่รองเท้าพวกเรายังไม่มีสิทธิ์ได้เลียเลย แกรู้ไหม?”
หยินต้าชิวไม่เชื่อแม้แต่น้อย คนต่ำต้อยอย่างหลินอิ่ง จะสามารถโทรหาคริสได้
ต้องรู้ว่า วันนี้คริสเป็นถึงผู้มีบารมีที่ร้อนแรงในเมืองก่าง ไม่เพียงแค่แทนที่ตำแหน่งของโม่เก๋อติง ยังขยายโครงสร้างของลาตินกรุ๊ปเมืองก่างใหญ่โตกว่าเดิมอีก อำนาจล้นฟ้า
คนระดับคริส แม้แต่คนอย่างเขาหยินต้าชิวจะขอความช่วยเหลือ ก็ยังไม่มีปัญญา จึงต้องมาขอให้ฉู่สงซานช่วยเป็นสื่อกลาง
“กลัวแล้ว? ไม่กล้าพูดแล้ว? ฉันให้โอกาสนายสักครั้ง ฉันจะรอดูว่า นายจะเรียกนักเลงขี้หมาที่ไหนมาได้”
หยินต้าชิวหัวเราะอย่างดูถูก รอดูความอัปยศของหลินอิ่ง ว่าจะสร้างเรื่องให้ถูกหัวเราะเยาะขนาดไหน
“ประธานหลิน ผมมาแล้ว ไม่ทราบมีเรื่องอะไรจะสั่ง?”
เวลาเดียวกัน ภายในงานมีชายหนุ่มชุดสูทดำกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
จากการปกป้องของชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ มีชายต่างชาติวัยกลางคนใส่แว่นผมขาวคนหนึ่ง แววตาเป็นประกาย เดินมาข้างหน้าหลินอิ่ง ก้มหน้าอย่างถ่อมตัว
“นี่ คือคริส?”
หยินต้าชิวสีหน้าซีดขาวไปทันที