ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 433 ราชาแห่งเมืองก่าง องครักษ์มังกรดำ

ณ ห้องทำงานท่านประธาน อาคารสุ่ยจิน

หลินอิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ ยกชาดำหนึ่งแก้วขึ้นจากโต๊ะทำงานตรงหน้า จิบไปอย่างช้าๆ

“คุณหลิน สารคดีที่คุณให้ผมปล่อยออกไปตามสื่อต่างๆ ผลกระทบที่เกิดขึ้นมันรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกนะครับ!”

ฉู่สงซานเดินเข้ามาในห้องทำงาน พูดขึ้นด้วยสีหน้าหนักแน่น ดูแล้วอารมณ์ตื่นตัวไม่น้อย

เมื่อคืนเขาไปจัดงานต้อนรับพวกนักข่าว แล้วก็ปล่อยสารคดีเรื่องนั้นออกไปสู่สาธารณะเพื่อแฉเปิดโปงจี้ฉงซานด้วยตัวเอง ตามแผนการของหลินอิ่ง

ผลลัพธ์ที่ได้ ช็อกไปทั่วเมือง เป็นข่าวสะเทือนวงการที่กลายเป็นปรากฏการณ์ไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะว่า เรื่องจริงที่หลินอิ่งเปิดโปงออกมา มันโหดเหี้ยมโชกเลือดจริงๆ

มันทำให้ผู้คนต่างพากันอึ้งทึ่ง คนฟังก็พากันโกรธแค้น!คนเห็นต่างก็พากันบ้าคลั่ง!

หลินอิ่งวางแก้วชาลง ยิ้มอย่างนิ่งเฉยพร้อมกับพูดขึ้น“นี่มันปกติมาก ก็แค่พูดเรื่องจริงเท่านั้นเอง”

“ความจริง มันช่างทำให้คนยากที่จะรับไหวจริงๆ แถมยังทำให้รู้สึกช็อกตกใจอีกด้วย”

หลินอิ่งไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

ทุกสิ่งทุกอย่างที่จี้ฉงซานทำ มันลำเส้นที่คนปกติธรรมดาทั่วไปจะเข้าใจได้ไปตั้งนานแล้ว

เห็นๆอยู่เป็นผีดูดเลือดตัวหนึ่ง แต่กลับแสร้งทำเป็นผู้ใจบุญ ทำเป็นพูดสั่งสอนเรื่องแนวคิดการกระทำผิดจรรยาบรรณให้กับสาธารณะอีก

คนประเทศหลุงดั้งเดิมไม่เกลียดชังคนรวยเลย

ดังนั้น วิญญูชนถ้าต้องการเงินทองทรัพย์สิน ก็ต้องได้​มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง

คนที่เกลียดชัง ก็จะใช้ทุกวิถีทาง ขูดรีดขูดเนื้อ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คน แล้วส่งเงินทุนไปกับพวกขายชาติที่อยู่นอกประเทศ

จากนั้น คนพวกนี้ นิสัยก็จะค่อยๆเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับเงินมากขึ้นทีละนิด แล้วบอกความจริงกับทุกคน ว่ามีเงินเท่านั้นถึงจะสามารถทำอะไรได้ เพื่อทำให้อภิสิทธิ์ที่พวกเขามีมันดูสมเหตุสมผลมากขึ้น ถึงขนาดที่ใช้คำพูดไร้สาระว่าสิ่งที่ดำรงอยู่นั้นมันสมเหตุสมผลอยู่แล้ว มาบิดเบือนความจริงทำให้ดูกำกวม กระตุ้นบรรยากาศในสังคม

พวกมาตรฐานทางศีลธรรมและจรรยาบรรณของสังคม คุณธรรมดั้งเดิมเหล่านี้

ถูกคนประเภทพวกเขาล้มล้างไปจนหมด แค่เอามาใช้อำพรางความหน้าซื่อใจคดของตัวเองเท่านั้น

ศีลธรรม มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว

“คุณหลิน นี่มันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น แถมยังสร้างผลกระทบที่ใหญ่หลวงอีกด้วย ทำให้ผู้คนรู้ว่าธาตุแท้ของจี้ฉงซานชั่วช้าจริงๆ ผู้คนต่างพากันโกรธแค้นเขา”ฉู่สงซานพูดขึ้นอย่างคิดพิจารณา“แต่ก็คงยากที่จะทำให้ฉู่สงซานสั่นคลอนได้ ไหนจะทรัพย์สินที่หมอนี่ถือเอาไว้ ไหนจะอำนาจในเมืองก่างอีก กะอีแค่ความคิดเห็นคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ยังไม่สามารถล้มเขาลงได้หรอก”

หลินอิ่งยิ้ม พูดขึ้น“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น จี้ฉงซาน จะต้องพังพินาศลงแน่นอน”

“ต่อไป ประธานฉู่ คุณก็รับผิดชอบเรื่องทางด้านสมาคมธุรกิจเมืองก่างก็แล้วกัน”หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“เรื่องอื่น ผมมีแผนแล้ว”

“ครับ คุณหลิน ในส่วนของสมาคมธุรกิจเมืองก่างอยู่ในกำมือของผมเรียบร้อยแล้วครับ”ฉู่สงซานพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“ต่อไป ยังไม่รู้เลยว่าพอจี้ฉงซานเจอกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนที่ถาโถมมากมายขนาดนั้น แล้วจะตอบโต้กลับไปยังไง ทางด้านของคุณ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกให้ผมทราบได้เลยนะ”

หลินอิ่งพยักหน้า พูดขึ้น“ประธานฉู่ เมืองก่างในอนาคต จะมีแค่ที่สำหรับตระกูลฉู่เท่านั้น”

พอได้ยินแบบนั้น แววตาของฉู่สงซานก็เปล่งประกายทันที เข้าใจความหมายของหลินอิ่ง พยักหน้าอย่างแรง

“คุณหลิน ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัวก่อนนะครับ”ฉู่สงซานบอกลาอย่างเคร่งขรึม

หลังจากที่ฉู่สงซานจากไปแล้ว หลินอิ่งก็ถือแก้วชา สายตาค่อยๆนิ่งลึก

เขาค่อยลุกขึ้นยืน สองมือไขว้หลัง มองออกไปยังอาคารหรูที่สูงตระหง่าเป็นแถว

“เย่เฮยเรื่องที่ให้นายตรวจสอบมา เป็นบังไงบ้าง?”

หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ

ท่ามกลางความเงียบสงัด เงาของเย่เฮยก็ปรากฏขึ้นมาภายในห้องทำงาน คุกเข่าลงข้างเดียว พร้อมกับก้มหัว

“สามเรื่องที่ประมุขแก๊งมอบหมายให้ เสร็จสิ้นหมดแล้วครับ”เย่เฮยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“ว่ามา”

เย่เฮยพูดขึ้น“จี้ฉงซาน หนีไปอยู่ที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่นั่นเป็นสถานที่ฝึกฝนอย่างลับๆที่เขาลงทุนด้วยตัวเอง มีหน่วยคุ้มกันติดอาวุธที่ครบครัน รวมถึงคนฝีมือดีจำนวนมากมาย”

“ผมระบุตำแหน่งได้แล้ว แต่กลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น เลยไม่ได้ขึ้นไปสำรวจบนเกาะ”

“นอกจากนี้ เรื่องขององครักษ์มังกรดำ……ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากละเลยไม่ได้เหมือนกันนะครับ!”

พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเย่เฮยก็จริงจังเคร่งเครียดทันที

แววตานิ่งขรึมของหลินอิ่ง ขยับเล็กน้อย ประกายแสงออกมา

“องครักษ์มังกรดำ ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”

ก่อนหน้านี้เขามอบหมายให้เย่เฮยไปจัดการธุระสามเรื่อง หยูจื๋อเฉิงก็ช่วยออกมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปตามหาอีก

ส่วนเรื่องที่จี้ฉงซานหนีจากคฤหาสน์เชียงปิงไปอย่างรีบร้อนครั้งที่แล้ว ก็ทิ้งเบาะแสร่องรอยเอาไว้ ถูกเครือข่ายข่าวกรองล็อกเป้าหมายเอาไว้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ก็ทำได้ดีมากเช่นกัน

แต่เรื่องขององครักษ์มังกรดำ เย่เฮย ถึงจะใจสู้แต่ก็เกินความสามารถไปจริงๆ

“ท่านประมุขแก๊ง ผมไม่สามารถสืบหาตำแหน่งขององครักษ์มังกรดำที่แน่ชัดได้ แต่ว่า พอรู้มาว่าตอนนี้องครักษ์มังกรดำอยู่ที่เมืองก่าง”

เย่เฮยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“องครักษ์มังกรดำ ตอนนี้เป็นราชาแห่งราตรีของเมืองก่าง!”

“ภายในองค์หยิ่งชื่อของเมืองก่าง ขนาดแก๊งหยางเหมินของเมืองก่าง ก็ยังอยู่ต่ำกว่าองครักษ์มังกรดำ”

ระหว่างองค์หยิ่งชื่อกับโลกมนุษย์ มีกำแพงล่องหนกั้นเอาไว้อยู่ โลกมนุษย์ยากที่จะไปยุ่งเรื่องขององค์หยิ่งชื่อ องค์หยิ่งชื่อก็ไม่สามารถไปรบกวนโลกมนุษย์ได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน

แต่เหมือนกัน ทุกๆที่ ทุกๆเมือง องค์หยิ่งชื่อก็ล้วนแต่มีจุดอ่อนจุดแข็งเหมือนกันหมด

ตำแหน่งในเมืองก่างขององครักษ์มังกรดำ ก็เหมือนกับราชวงศ์ของโลกมนุษย์

แสดงถึงอำนาจและตำแหน่งที่เด็ดขาด

ในเมืองก่าง องครักษ์มังกรดำก็เหมือนกับผู้นำด้านศิลปะการต่อสู้

“ผมกำลังสงสัยว่า ในตอนนี้องครักษ์มังกรดำกำลังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับจี้ฉงซาน ถึงขนาดที่ แรงสนับสนุนหลักที่อยู่เบื้องหลังของจี้ฉงซาน ก็คือองครักษ์มังกรดำนั่นเอง!”เย่เฮยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม หลังจากที่เย่เฮยระบุตำแหน่งว่าจี้ฉงซานอยู่ที่เกาะได้แล้ว ไม่รีบผลีผลามลงมือทำอะไรลงไปโดยที่ยังไม่ได้คิดไตร่ตรองก่อน

อย่างแรกเป็นเพราะกังวลว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีบนเกาะจะตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม เดี๋ยวจะเป็นการไปแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้จี้ฉงซานหนีไปได้อีกครั้ง

ส่วนอันที่สอง นี่คือเป็นประเด็นหลัก ก็คือกลัวองครักษ์มังกรดำนั่นเอง

ถึงยังไง เย่เฮยก็เป็นคนขององครักษ์มังกรดำมาก่อน เคยเป็นลูกน้องขององครักษ์มังกรดำ จึงรู้ดีว่าองครักษ์มังกรดำทรงพลังขนาดไหน

ถ้ายังไม่ได้รู้จักองครักษ์มังกรดำดี แล้วเผลอไปลงมือโดยพลการ อาจจะทำให้พ่ายแพ้ไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัวได้เลย

สายตาของหลินอิ่งค่อยๆนิ่งขรึมลง พูดขึ้น“สมัยก่อนตอนที่หยังสวนเจิงอยู่ที่เมืองก่าง มีความสัมพันธ์อะไรกับจี้ฉงซาน?”

จี้ฉงซานสามารถก่อความวุ่นวายได้ถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับองครักษ์มังกรดำราชาแห่งเมืองก่างอย่างแน่นอน แต่แค่ ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้มันลึกซึ้งถึงขั้นไหน

“ประมุขแก๊ง สมัยก่อนตอนที่เจ้าสำนักหยังยังอยู่ จี้ฉงซานกับองครักษ์มังกรดำไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนัก แค่มีติดต่อเรื่องงานกันตามปกติเท่านั้นครับ”เย่เฮยพูดขึ้นอย่างจริงจัง

หลินอิ่งพยักหน้า พูดขึ้น“ต่อไป นายทำภารกิจอย่างลับๆ ไปสืบหามาว่าตอนนี้ใครเป็นคนดำรงตำแหน่งองครักษ์มังกรดำ”

“น้อมรับคำสั่งจากประมุขแก๊งครับ”

เย่เฮยพยักหน้า จากนั้น ก็หายไปจากห้องทำงานราวกับเงา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset