“คนของตระกูลฉีแห่งตี้จิง?”ถังคังเจิ้นน้ำเสียงสงสัย“คนที่คุณพูดให้ผมฟังเมื่อครั้งที่แล้ว คุณชายตระกูลฉีที่มีชื่อเสียงโด่งดังในตี้จิงคนนั้นน่ะเหรอ?”
ถังคังเจิ้นเคยฟังเรื่องที่จี้ฉงซานพูดถึงหลินอิ่ง จากนั้นก็ให้คนไปสืบข้อมูลมา
จึงรู้ว่าหลินอิ่งที่จี้ฉงซานพูดถึง เป็นคนเหี้ยมโหดคนหนึ่งของตี้จิง
อย่างน้อย ก็สามารถต่อสู้วัดกำลังกับคนระดับเขาได้
“ไม่ผิด หลินอิ่งคนนั้นนั่นแหละ เขาถึงเมืองก่างแล้ว เรื่องสมาคมธุรกิจเมืองก่าง คำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ความวุ่นวายของการเงินที่เกิดขึ้น ล้วนแต่เป็นฝีมือของหมอนี่ทั้งนั้น”จี้ฉงซานพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“เหล่าจี้?คุณยอมให้เขากำเริบเสิบสานที่เมืองก่างได้ยังไง? แม้ว่าในตี้จิงหลินอิ่งจะสุดยอดมาก แต่พอมาถึงเมืองก่างแล้ว ก็ต้องเคารพกฎของเมืองก่างสิ”ถังคังเจิ้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
“ถ้าอย่างนั้น ผมส่งคนจากกรงการเมืองและกองพิเศษหวู่อันไปจัดการแล้วกัน หาข้ออ้างทำให้เขายอมถอยออกจากเมืองก่างเองดีไหม?”ถังคังเจิ้นถามขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง
“ไม่ต้อง เหล่าถัง เรื่องนี้ผมมีแผนแล้ว แค่รบกวนคุณช่วยไปจัดการไกล่เกลี่ยพวกที่ไม่ยอมอยู่ในลู่ในทางในสังคมพวกนั้นก็พอ”จี้ฉงซานพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“อื้อ”ถังคังเจิ้นพยักหน้า“จากมิตรภาพของพวกเรา คุณไม่ต้องพูดอะไรเยอะผมก็เข้าใจได้”
“เหล่าถัง ถ้าได้ข่าวดีจากคุณ ผมจะจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างดีให้เลย”จี้ฉงซานพูดขึ้น
เสียงตู๊ดๆดังขึ้นมาสองครั้ง สายถูกวางไปแล้ว
พอวางสายลง จี้ฉงซานก็จิบชาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ไอ้เด็กหลินอิ่งนั่น พยายามที่จะใช้วิธีแบบนี้เพื่อเอาชนะฉันอย่างนั้นเหรอ? เหอะๆ กระจอกสิ้นดี”
“พ่อ ผมคงกังวลมากเกินไป คุณให้ลุงถังออกหน้าแทนแบบนี้ เรื่องนี้น่าจะจัดการไม่ยากแล้วล่ะครับ”จี้ชวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าดีใจ
เขารู้เรื่องความสัมพันธ์ของพ่อจี้ฉงซานกับนายกเทศมนตรีถัง แต่ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะลึกซึ้งถึงขนาดนี้!
“มีคนใหญ่คนโตแบบนายกเทศมนตรีถังคอยคุ้มกันเป็นที่พึ่งพิงแบบนี้ ในเมืองก่างนี้จะไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาทำอะไรพวกเราตระกูลจี้อีก”จี้ฉงซานพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ
……
ณ ศาลากลาง เมืองก่าง
ภายในห้องทำงานของนสยกเทศมนตรี มีชายชราผมขาวสวมแว่นตาสายคล้องสีทองคนหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
ด้านหน้าของชราคนนี้ มีชายวัยกลางคนสามคนกำลังโค้งคำนับอยู่
หนึ่งในนั้น สวมเครื่องแบบกองพิเศษหวู่อัน มีเข็มกลัดอยู่ที่ไหล่ แสดงถึงอำนาจสูงสุดของตุลาการของเมืองก่าง
ทั้งสามคน แบ่งเป็นหัวหน้ากองพิเศษหวู่อัน หัวหน้ากรงการเมือง ผู้อำนวยการกรมการรักษาความลับ
ส่วนชายชราคนนี้ ก็คือคนที่ทรงพลังที่สุดของเมืองก่าง ถังคังเจิ้น
“ช่วงนี้ สื่อต่างๆของเมืองก่าง มีคนจงใจปั่นป่วนสถานการณ์ ทำให้ประชาชนเกิดความโกลาหลวุ่นวาย” ถังคังเจิ้นสีหน้าน่าเกรงขามมีอำนาจ พูดขึ้นอย่างไม่รีบไม่เร่ง“ไปสั่งให้สื่อพวกนั้นปิดปากเงียบเดี๋ยวนี้”
“แล้วก็ไปตามหาตัวคนที่ชื่อว่าหลินอิ่งที่มาจากตี้จิงมาด้วย ฉันต้องการโทรศัพท์คุยกับเขาสักครั้ง”
……
วันต่อมา
ในเวลาชั่วข้ามคืน สื่อข่าวต่างๆในเมืองก่างต่างก็เงียบสนิทไม่มีข่าวคราวอะไรเลยแม้แต่น้อย
ประเด็นหัวข้อเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์จี้ฉงซานที่ได้รับความสนใจในอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านี้ ทั้งหมดก็สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ข้อมูลข่าวสารในทางด้านลบเกี่ยวชื่อจี้ฉงซานชื่อนี้ ก็ค้นหาไม่เจออีกแล้วในอินเทอร์เน็ต
ข่าวที่สะเทือนไปทั่วเมืองก่อนหน้านี้ ก็นิ่งเงียบไป
มันหายไปรวดเร็วท่ามกลางความเงียบสนิท!
แม้ว่าผิวหน้าจะเงียบสงบ แต่ว่าทุกคนในเมืองก่างรู้กันดี ว่านี่จะต้องเป็นฝีมือของจี้ฉงซานแน่นอน!
ความสามารถของคนคนนี้ แข็งแกร่งถึงขนาดที่ปิดปากสื่อทุกสำนักในเมืองก่างได้!
คนที่พูดถกประเด็นร้อนออนไลน์ในอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ ก็เงียบกริบ ต่างปิดปากเงียบเรื่องของจี้ฉงซาน
“ประธานหลิน ข่าววิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนถูกปิดไปจนหมด ภายในเวลาชั่วข้ามคืน ข่าวทุกอย่างถูกปิดกั้นเอาทั้งหมดเลยครับ”
ในห้องทำงานของอาคารสุ่ยจิน
ฉู่สงซานเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง พูดขึ้นอย่างจริงจัง“จี้ฉงซาน ให้ถังคังเจิ้นออกหน้ามาช่วยแล้ว”
“เมื่อคืน ผู้รับผิดชอบของบริษัทสื่อหลายสำนักของผม ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดจากกรงการเมืองของเมืองก่าง แม้ว่าจะไม่ได้พาตัวคนไป แต่ก็เป็นการบอกเตือนเอาไว้”
พอได้ฟังแบบนั้น หลินอิ่งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดื่มชาไปหนึ่งคำ
วางแก้วชาในมือลง ก่อนจะพูดขึ้น“ถังคังเจิ้นโผล่หน้าออกมาเองเลยเหรอ?”
เขารู้จักถังคังเจิ้นดี คนใหญ่คนโตของเมืองก่าง มีความสามารถมากขนาดไหน ไม่บอกก็รู้
แม้ว่าถังคังเจิ้นจะไม่ได้ลงมาสู้รบแทนจี้ฉงซานเอง แต่พูดสั่งออกมาแค่ประโยคเดียว ก็ทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งเมืองก่างแล้ว
“ประธานหลิน จริงๆผมเดาแล้วว่ามันจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไพ่ในมือของจี้ฉงซาน แต่ละใบล้วนแต่มีพลังอำนาจที่น่าเกรงขามทั้งนั้น”ฉู่สงซานพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“สถานการณ์ต่อไป ควรจะรับมือยังไงดี?”
หลินอิ่งใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ กำลังคิดวิเคราะห์
จู่ๆ ข้างนอกก็มีชายหนุ่มแต่งกายชุดสูททางการคนหนึ่งเดินเข้ามา พาผู้ชายใส่ชุดธรรมดาทั่วไปสีหน้าเข้มงวดสองคนมาด้วย
ดูออกได้อย่างไม่ยากเลยว่า คนที่สวมเสื้อผ้าธรรมดาสองคนนี้มีสถานภาพเป็นอะไร
“คุณหลิน สวัสดีครับ ผมชื่อติงยี่ เป็นเลขาของนายกเทศมนตรีถัง”ชายหนุ่มมองมายังหลินอิ่ง พร้อมกับพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ที่ผมมาในวันนี้ ก็เพื่อจะมาพูดเจรจากับคุณหลินแทนนายกเทศมนตรีถังครับ”
ติงยี่ พูดเปิดประเด็น
หลินอิ่งมองไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย มุมปากยกโค้ง
ตัวเองยังไม่ทันไปได้หาเลย แต่เขากลับส่งคนมาคุยถึงที่แล้วอย่างนั้นเหรอ?
“ว่ามาสิ นายกเทศมนตรีถังของพวกคุณมีเรื่องอะไรที่ฝากมาบอก?”หลินอิ่งถามขึ้นอย่างนิ่งๆ
ติงยี่พูดตอบ“คุณหลิน นายกเทศมนตรีถังให้ผมมาบอกกับคุณว่า เมืองก่าง เป็นที่ไม่ใช่จะมาทำอะไรตามอำเภอใจได้ พฤติกรรมของคุณหลังจากที่คุณมาที่เมืองก่าง มันทำลายความสงบเรียบร้อยของประชาชน”
“แวดวงธุรกิจ แวดวงการเงิน สื่อต่างๆ ของเมืองก่างล้วนแต่เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปหมดเพราะว่าคุณ”
“แล้ว?”หลินอิ่งถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
“นายกเทศมนตรีถังบอกว่า เห็นแก่หน้าของตระกูลฉี เมืองก่างจะไม่ใช้มาตรการเข้มงวดใดๆกับคุณหลิน แต่หวังว่าคุณจะสำนึกได้ด้วยตัวเอง”ติงยี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ตอนนี้ยังทัน รีบพาคนของคุณ ร่วมถึงทรัพย์สินที่คุณเอามาลงทุนในเมืองก่าง ถอนออกไปให้หมดซะ แล้วออกจากเมืองก่างไป เรื่องมันยังเจรจายืดหยุ่นกันได้อยู่”
ติงยี่พูดจบอย่างนิ่งสงบใจเย็น มองหลินอิ่งอย่างนิ่งเฉย
เขาท่าทางมั่นใจ ท่าทางวางมาดสุดๆ
ในฐานะที่เป็นเลขาของผู้นำสูงสุดของเมืองก่าง การได้เป็นตัวแทนไปเจรจาแทนผู้นำสูงสุด เขาถือว่ามีอำนาจเด็ดขาด
ต่อให้รู้ว่าเบื้องหลังของหลินอิ่งจะไม่ธรรมดา เป็นคนที่มีความสามารถเก่งกาจราวกับมังกรของตี้จิงก็ตาม
แต่พอมาอยู่ต่อหน้าของคุณท่านถังแห่งเมืองก่าง ถึงเป็นมังกร เก่งกาจขนาดไหนก็ต้องยอมจำนนอยู่ดี
“นายกเทศมนตรีถังของพวกคุณ กำลังเตือนผมอยู่?”หลินอิ่งยิ้มนิ่งๆ“คำพูดของเขา ผมน้อมรับไว้แล้ว”
“ตอนนี้คุณกลับไปเถอะ พอกลับไปแล้ว ก็ไปบอกกับนายกเทศมนตรีถัง ว่าสอดมือเข้ามายุ่งในครั้งแรก ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วกัน เรื่องระหว่างผมกับจี้ฉงซาน ถ้าเขากล้าเข้ามายุ่งอีก ผมรับประกันเลยว่าเขาจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมืองก่างนี้ได้ไม่เกินสามวันแน่นอน”
พอคำพูดนี้พูดจบ ก็สร้างความประหลาดใจไม่น้อยให้กับติงยี่ทันที ติงยี่ช็อกตกใจสีหน้าเปลี่ยนไป มองหลินอิ่งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ