บทที่ 48 อวดรวย
“สวัสดีพวกคุณทุกคนนะคะ”
จางฉีโม่ก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นเดียวกัน กล่าวทักทายกับกลุ่มคนที่นั่งอยู่บนโซฟา
ทั้งสามนั่งลงไปบนโซฟาหนังแท้
“ฉีโม่เดี๋ยวจะแนะนำให้หลานรู้จักกับเหล่าบรรดาคนที่อยู่ตรงนี้แล้วกัน นี่คือคุณชายรองของตระกูลเสิ่น เสิ่นห้าว นี่คือลูกสาวของตระกูลอูเจ้าใหญ่ อูฉู่เวิน ส่วนคนนั้นคือคุณชายสี่ของตระกูลฉิน ฉินเฟย”จางหงอี้พูดแนะนำขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“พวกเธอต่างก็เป็นวัยรุ่นกันทั้งนั้น จากนี้ก็พูดคุยกันเยอะๆหน่อยสิ”
จางฉีโม่หันหน้าไปหาเหล่าบรรดากลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ แล้วพยักหน้ายิ้มๆตกลง
คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนของตระกูลชั้นสูงของเมืองชิงหยูน ตระกูลฉิน ตระกูลเสิ่น ตระกูลอูก็ล้วนแต่เป็นตระกูลรองที่ไม่ด้อยไปกว่าตระกูลจาง
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนของตระกูลจาง แต่ก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่เหมือนกับตระกูลชั้นสูงเลย แต่ไหนแต่ไรพ่อก็ไม่เคยได้ถือครองทรัพย์สินและอำนาจของตระกูลจาง ดังนั้นน้อยมากที่ตนเองจะได้มาร่วมงานแบบนี้
“เอาล่ะ ทุกคนมาต้อนรับฉีโม่กันสักหน่อยสิ มาดื่มกันสักแก้วสองแก้ว ฉินเฟยนายไปเอาไวน์เบอร์กันดีมาหน่อย ฉันเอาไปไว้ที่ด้านล่างของเคาน์เตอร์บาร์ก่อนหน้านี้แล้ว เป็นของแบรนด์โรมานี กองติ หยิบช่วงปีที่ดีที่สุดมา อันที่ผลิตในปี1982 ”หวางจื่อเหวินกวักมือ พูดขึ้นด้วยท่าทางดูดีมีสไตล์
“ได้เลย”
ฉินเฟยที่รูปร่างท้วมๆลุกขึ้นเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
“เบอร์กันดี? ไวน์โรมานี กองติ? ผลิตปี1982?” จางฉีโม่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย สีหน้าดูอึดอัด“เอ่อ มันไม่ต้องหรูหราขนาดนั้นก็ได้ ทุกคนดื่มอะไรง่ายๆก็ได้แล้วล่ะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยใช้ชีวิตแบบหรูหราไฮโซ แต่ก็เคยได้ยินชื่อไวน์ฝรั่งเศสเกรดสูงชื่อนี้มาอยู่บ้าง
ไวน์โรมานี กองติรู้จักกันในชื่อไวน์แห่งความฝัน ในโลกผลิตมาจำกัดอยู่แค่ไม่กี่พันขวด ดังนั้นหลายครั้งที่จ่ายเงินก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อได้
เป็นไวน์หรูที่ต้องใช้ความสามารถและชื่อเสียงถึงจะได้มา ปกติแล้วจะปรากฏอยู่ในการประมูลของไวน์ที่มีชื่อเสียง ผลิตในปี1982 ราคาก็ปาเข้าไปแสนสองแสนกว่าแล้ว
ไวน์สองขวดนี้ดื่มลงไปแล้ว ก็ประมาณห้าแสนกว่าๆแล้ว……
จางฉีโม่สีหน้าเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ตั้งแต่เด็กเธอก็ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาทั่วไป พอได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ในใจก็เลยรู้สึกไม่ชินกับการต้อนรับในรูปแบบนี้
“ฉีโม่ก็รู้จักไวน์นี่เหรอ? ฮ่าๆ ปกติพวกเราก็ไม่ได้ดื่มไวน์ดีขนาดนี้หรอก นี่เป็นไวน์ที่คุณชายหวางให้เปิดเป็นพิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะเลยนะ”ฉินเฟยสีหน้าทะเล้น
สีหน้าของเหล่าลูกหลานตระกูลชั้นสูงพวกนี้ ล้วนแต่มีรอยยิ้มที่ซ่อนไว้ด้วยความหยิ่งยโสเอาไว้ เห็นได้ชัดว่า ท่าทีของจางฉีโม่ทำให้พวกเขารู้สึกเหนือกว่า
หวางจื่อเหวินไอแห้งๆสองที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างดูดีมีสไตล์“ประเทศหลุงของพวกเรามีคำโบราณว่าเอาไว้ว่า เหล้าดีคู่ควรกับสาวงาม สุภาพสตรีที่งดงามเหมือนกับฉีโม่ท่านนี้ ก็ต้องใช้ไวน์ดีที่ราวกับความฝันนี่แหละครับ ถึงจะแสดงถึงการต้อนรับจากใจจริงของพวกเรา”
“เอ่อคือ……”
จางฉีโม่มองไปยังไวน์ชั้นเยี่ยมที่ทอประกายแสงราวกับความฝันสองขวดที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก และแก้วไวน์ที่ดูหรูหราสวยงามทำขึ้นจากงานฝีมือชั้นสูง ในใจก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เธอไม่ชอบรับของที่คนอื่นให้โดยพลการแบบนี้ โดยเฉพาะการต้อนรับที่มันอลังการเช่นนี้
ทั้งที่ค่าใช้จ่ายในตระกูลของตนเองแต่ละปีก็ประมาณสองสามแสน แต่ไวน์สองขวดนี้ก็ปาเข้าไปหลายแสนแล้ว……
“เอาล่ะฉีโม่ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของจื่อเหวิน เพื่อเป็นการต้อนรับหลานก็เลยยอมเปิดไวน์ชั้นเยี่ยมในคอลเลคชั่นของตัวเอง หลานก็อย่าปฏิเสธเลยนะ”จางหงอี้พูดยิ้มๆ ชำเลืองตาไปมองหลินอิ่ง มุมปากยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“ใช่แล้วฉีโม่ นี่มันไม่ได้อะไรมากมายหรอก คุณอาจจะไม่ค่อยได้มางานเลี้ยงอะไรแบบนี้มากเท่าไร”อูฉู่เวินอมยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น“ทุกคนมาสังสรรค์กันเถอะ เพื่อความสุขแล้ว ดื่มไวน์ราคาสองแสนไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่”
อูฉู่เวินดูดีมีเสน่ห์ หน้าตาสวยงาม สวมใส่ชุดเดรสรัดสะโพกสีม่วงอ่อน รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดเดรส รองเท้าส้นสูง สร้อยคอ แหวน กระเป๋า นาฬิกา ทั้งหมดล้วนเป็นของแบรนด์เนมราคาสูงทั้งสิ้น แต่ละชิ้นนั้นล้วนเป็นของเกรดสูง แม้กระทั่งน้ำหอมก็ยังเป็นของแชแนล
ทั้งๆที่จางฉีโม่สวยกว่าเธออย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าการแต่งกายทำให้เธอรู้สึกเหนือกว่าอยู่ภายในใจ
“ฉีโม่ตอนนี้คุณเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงของวงการจิวเวลรี่แห่งเมืองชิงหยูนแล้ว อนาคตก้าวไกล บวกกับการที่คุณเป็นถึงลูกสาวของตระกูลจางอีก หลายครั้งเวลาออกมาในที่สาธารณะ ก็ต้องระมัดระวังเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองให้ดีๆ อย่าแต่งตัวตามสบายมากเกินไป จะทำให้คนหัวเราะเยาะเอาได้นะ”อูฉู่เวินพูดพลาง ขำพูดพลาง แล้วก็จัดๆกระเป๋าแชแนลของตัวเอง
“ฉันจำได้ตอนที่เจอกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลจาง พี่สาวของคุณ จางจี้หนิง ตอนเดินออกมาดูแล้วสวยสง่ามีสไตล์มาก ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรืออะไรก็ตามล้วนแต่เอาใจใส่กว่าคุณเยอะเลย”อูฉู่เวินพูดเสริมขึ้นมาต่อ
“อูฉู่เวินก็พูดไม่ผิดฉีโม่ ในด้านนี้หลานต้องไปเรียนรู้กับฉู่เวินเยอะๆหน่อย ต้องระวังเรื่องการแต่งตัว อย่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาออกแบบจิวเวลรี่”จางหงอี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
จางฉีโม่สีหน้าเริ่มแดงเล็กน้อย รู้สึกอึดอัดอย่างมาก
เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของคนเหล่านี้เกรดสูงมาก การแต่งตัวของตัวเองได้แค่พอไปวัดไปวา มันธรรมดาทั่วไป สไตล์ก็ค่อนข้างอยู่ในเชิงหน้าที่การงาน ส่วนตัวก็ไม่ค่อยชอบแสวงหาพวกของแบรนด์เนมหรูหราอะไรมากมายอยู่แล้ว
พูดง่ายๆก็คือ ถ้ามาเปรียบเทียบกับคนเหล่านี้ เธอก็รู้สึกว่าไม่ใช่คนในวงการเดียวกัน……
“ฉีโม่ เหมือนว่าฉันจะเคยได้ยินว่าตระกูลจางหาลูกเขยมาได้แล้วนี่ ปกติเขาก็ไม่ค่อยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้าอาหารการกินของคุณเลยเหรอ? ไม่ซื้อพวกเสื้อผ้าแบรนด์เนม กระเป๋าแบรนด์เนมให้เลยเหรอ?”อูฉู่เวินถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่แววตากลับดูกำลังหยอกล้ออยู่
จางฉีโม่สีหน้าดูอึดอัด พูดขึ้น“ฉันกับเขาต่างก็ไม่เคยถามถึงสถานภาพทางการเงินของกันและกัน”
“หา? ยังมีผู้ชายประเภทนี้อยู่อีกเหรอ เหอะๆ”อูฉู่เวินสบถออกมาด้วยความประหลาดใจ “ภรรยาที่สวยขนาดนี้ ยังไม่ยอมควักเงินให้ไปซื้อเสื้อผ้าแต่งตัว แม้แต่ของหรูๆก็ไม่คิดจะซื้อให้ภรรยา ใจจืดใจดำจริงๆ ขอถามหน่อย ผู้ชายประเภทนี้ถ้าไม่เฉดหัวออกไป แล้วจะเก็บไว้ข้ามแรมปีหรือไง?”
“เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตหน่อย”อูฉู่เวินพูดข่มด้วยความรู้สึกเหนือกว่า “ฉีโม่ คุณดูสิฉันกับคุณก็เป็นตระกูลรองเหมือนกัน แต่ฉันใช้ชีวิตเป็น เวลาไม่มีธุระอะไรก็เที่ยวแถบยุโรป ซื้อของหรูหรา ชมวิวทิวทัศน์ อีกไม่นาน ก็วางแผนลาไปพักผ่อนที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ถึงยังไง ผู้ชายก็เป็นคนหาเงินให้อยู่แล้ว”
“ฉู่เวินไม่ต้องพูดแล้วล่ะ นี่มันเป็นเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของคุณท่านจางของพวกเรา เลยทำให้ฉีโม่ต้องทนทุกข์ลำบาก ดันไปหาผู้ชายน่าสมเพชมาให้กับฉีโม่ ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ได้ยินมาว่าเอาแต่นอนอยู่ในบ้าน ฉีโม่ไม่ยอมให้เขาเข้าไปในห้อง ให้เศษสวะนั่นนอนแยกห้องอยู่คนเดียว”จางหงอี้พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน ไม่สนใจใยดีหลินอิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าพูดถึงเรื่องสามีภรรยาล่ะก็ ฉีโม่ก็ยังคงเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ไอ้เศษสวะนั่นก็เป็นแค่ไอ้คนไร้ค่าก็เท่านั้น”จางหงอี้พูดเน้น
“แบบนี้นี่เอง ”อูฉู่เวินท่าทางเข้าใจขึ้นมาแบบกะทันหัน“ถ้าอย่างนั้นฉีโม่ก็น่าสงสารเกินไปแล้วล่ะ ภูมิหลังดีขนาดนี้ แถมยังมีระดับฝีมือในการออกแบบจิวเวลรี่ที่สูงขนาดนี้อีก คิดไม่ถึงว่าจะได้มาอยู่กับผู้ชายน่าสมเพชแบบนี้……”
“ช่างเถอะ ทุกคนอย่าพูดถึงไอ้เศษสวะนั่นเลย ฟังแล้วอารมณ์ขึ้น มีภรรยาที่สวยแบบฉีโม่ขนาดนี้ ยังไม่รู้สึกหวงแหนดูแล ช่างเป็นเศษสวะที่น่าสมเพชจริงๆ”ฉินเฟยก็แสร้งทำเป็นพูดขึ้นอย่างนู้นอย่างนี้
“อื้อ ทุกคนดื่มพร้อมกันสักแก้วเถอะ อย่าพูดถึงไอ้เศษสวะใจทรามนั่นเลย”หวางจื่อเหวินพูดยิ้มๆ พูดพลาง โบกมือส่งสัญญาณ
ฉินเฟยก็ลุกขึ้น พร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมา ก่อนจะใช้ที่เปิดฝาสำหรับขวดไวน์โดยเฉพาะ เปิดไวน์โรมานี กองติ1982ขวดหนึ่ง