“ลูก ลูกจะหนีปัญหาอีกไม่ได้นะ ผู้หญิงแซ่หลินคนนั้นวิ่งมาอวดดีถึงหน้าบ้านเราแล้ว” ลู่หย่าฮุ่ยวิ่งไปที่หน้าประตูห้องนอนจางฉีโม่ พูดอย่างไม่พอใจ
“คฤหาสน์ในวิลล่าหิมะมังกรจะถูกเอาคืนแล้ว หรือว่าครอบครัวเราต้องย้ายออกไปจริงเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่พูดอย่างรีบร้อน “อีกอย่าง ผู้หญิงแซ่จ้าวคนนั้น ยังอยากบีบลูกถึงที่สุด จะทำให้บริษัทล้มละลาย ลูกจะไม่คิดหาวิธีแก้ปัญหาเลยเหรอ?”
ลู่หย่าฮุ่ยเห็นสภาพท้อแท้ของลูกสาว ในใจยิ่งรู้สึกไม่พอใจ อยากระบายความโกรธแค้นทุกอย่าง ลงในตัวของหลินอิ่ง
“ต้องโทษไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งนั่นคนเดียว สร้างปัญหามากมาย น่าโมโหจริงๆ”
“แม่ เรื่องนี้โทษคนอื่นเขาไม่ได้ อีกอย่าง หนูหมดปัญญาที่จะแก้ไขแล้ว” จางฉีโม่ผลักประตูออก พูดอย่างสิ้นหวัง
เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจแม้เธอไม่รู้เรื่องเลย ความเป็นจริง เธอเข้าใจดี
เธอสู้กับจ้าวหลินเอ๋อร์ไม่ได้เลย
ไม่ว่าคิดหาวิธีอะไรก็ทำไม่ได้ นอกจากหลินอิ่งออกมือช่วย
ที่พึ่งสำคัญของเธอก็คือหลินอิ่ง
แต่ว่า เธอไม่อยากรบกวนหลินอิ่งอีก อีกอย่าง หลินอิ่งก็อาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
หลินอิ่งไม่สนใจ เธอจะไปพูดอะไรได้อีก
“ถ้าคฤหาสน์ถูกเก็บคืน แม่ พวกเราก็ย้ายกลับชุมชนเจียงฉือเถอะ” จางฉีโม่พูดอย่างจริงจัง “หนูมีเงินเก็บ ถึงบริษัทจะล้มละลาย ครอบครัวเราก็พอกินพอใช้ได้”
“เรื่องอื่น หนูเหนื่อยแล้ว ไม่อยากจะยุ่งแล้ว”
“หา? ย้ายกลับชุมชนเจียงฉือ ลูก ทำไมลูกถึงมีความคิดแบบนี้? ขึ้นต้องขึ้นสู่ที่สูง น้ำไหลลงที่ต่ำ ลูกจะไปคิดยิ่งอยู่ยิ่งต่ำลงไปไม่ได้นะ” ลู่หย่าฮุ่ยฟังแล้วก็กระวนกระวาย รีบพูดกับลูกสาว
“นี่ก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีไง? คุณชายตระกูลโจยินดีช่วยเหลือ ทำแบบนี้ไม่ได้นะลูก พรุ่งนี้แม่จะติดต่อกับตระกูลโจ ให้คุณชายโจเข้ามาคุยกันดีๆ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างจริงจัง คิดไว้แล้วว่าจะทำยัง
เสพสุขตามลูกสาว พักในคฤหาสน์หลังใหญ่ กินดีอยู่ดี เดินไปถึงไหนก็มีแต่คนอย่างเข้าหา ประจบประแจง ชื่นชมว่าลูกสาวได้ดีแล้ว ชีวิตแบบนี้สุขสบายแค่ไหน
ใช้เธอกลับไปอยู่ในชุมชนต่ำต้อยอย่างเมื่อก่อน ไปใช้ชีวิตลำบากแบบนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันยอม
“เห้อ” จางฉีโม่ถอนหายใจ ไม่พูดอะไรอีก กลับเข้าไปนอนพักผ่อนบนเตียง
“แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ต้องหาครอบครัวใหม่ให้ลูกสาวให้ได้ เพื่อโชคลาภที่ดี” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างจริงจัง ตัดสินใจในใจเรียบร้อยแล้ว
วันที่สอง
สนามบินนานาชาติชิงหยูน หลินอิ่งลงจากเครื่อง นั่งบนแท็กซี่ สีหน้าเรียบเฉย
เขาโทรศัพท์ออกไปหลายสาย แต่ก็ไม่มีคนรับสาย
อำนาจของเขาในเมืองตุงไห่ เหมือนกับขาดสายไปแล้ว ติดต่ออะไรไม่ได้เลย
ไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดอะไรขึ้น ไม่มีข่าวแม้แต่น้อย
แม้แต่ลูกน้องบางส่วนของคริสในลาตินกรุ๊ปที่เมืองชิงหยูน ก็ติดต่อไม่ได้
ไม่นาน รถก็ขับมาถึงวิลล่าหิมะมังกร
หลินอิ่งเดินไปถึงหน้าประตูบ้านตัวเอง เป็นคฤหาสน์หลังที่อยู่ตรงกลาง
ติ้งติ้ง
หลินอิ่งหยิบกุญแจออกมา กลับพบว่า กุญแจหน้าประตูคฤหาสน์ถูกเปลี่ยนแล้ว กุญแจของเขาเปิดไม่ได้
“ไอ้โห หลินอิ่ง ไอ้เนรคุณ กลับมาแล้วเหรอ? ยังอยากเปิดประตูเหรอ? แกถูกครอบครัวเราไล่ออกจากบ้านแล้ว ฉันเปลี่ยนกุญแจโดยเฉพาะ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้แกเข้ามา” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างเย็นชา แค่ได้ยินเสียง ก็เดินออกมาจากคฤหาสน์
หลินอิ่งสีหน้ายังคงเรียบเฉย พูดเสียงเรียบ “ฉีโม่อยู่ไหน?”
สำหรับพฤติกรรมของแม่ยายลู่หย่าฮุ่ยทั้งหมดทั้งปวง เขาเคยชินแล้ว
“แกยังมีหน้าถามถึงฉีโม่? คนไม่มีจิตใจอย่างแก ตอนที่บริษัทฉีโม่เจอปัญหา แกไปอยู่ที่ไหน? แกเสพสุขคนเดียวอยู่ที่เมืองก่าง? ดื่มเหล้านอก กอดสาวฝรั่ง ไม่รู้ว่าแกแซ่อะไรแล้ว”
ลู่หย่าฮุ่ยพูดจาเสียดสี สีหน้าไม่พอใจ แค่เห็นหลินอิ่ง ความโมโหก็ขึ้นมาทันที เกลียดจนคันปาก
สีหน้าหลินอิ่งยังคงเรียบเฉย สำหรับลู่หย่าฮุ่ยแล้วเขาพูดยังไงก็พูดไม่รู้เรื่อง ไม่มีอะไรจะพูด
“เรื่องบางอย่างมันไม่ใช่อย่างที่แม่เห็น ฉีโม่อยู่ที่ไหน?” หลินอิ่งพูด
เขาไม่รู้ว่าพวกลู่หย่าฮุ่ยเอาฟังอะไรมาจากไหน พูดเรื่องของเขาในเมืองก่างถึงขั้นนี้
“ฉีโม่อยู่ในบ้าน แต่ว่า ลูกสาวฉันไม่ยอมเจอหน้าแกแน่นอน” ลู่หย่าฮุ่ยพูด
“แกล้มเลิกความตั้งใจนี้ไปได้แล้ว อย่าคิดจะมาเกาะครอบครัวเรากินอีก แกรู้จักจ้าวหลินเอ๋อร์อะไรนั่นไม่ใช่เหรอ? ผู้หญิงคนนั้นมีเงินมีความสามารถ แกก็ไปเกาะเขากินเลย ดูว่าแกจะอยู่ได้นานแค่ไหน เดี๋ยวก็ถูกเขาถีบออกมา” ลู่หย่าฮุ่ยพูดจาเสียดสี
เวลาเดียวกัน จางซิ่วเฟิงก็ได้ยินเสียง แล้วเดินออกมาจากบ้าน จ้องหลินอิ่งอย่างโมโห
“แกยังกล้ากลับมาที่นี่อีก? หน้าไม่อายจริงๆ” จางซิ่วเฟิงพูดอย่างโมโห
“แกทำเรื่องเลวทรามแบบนั้นที่เมืองก่าง ฉันฟังลู่จิ้งพูดหมดแล้ว แกนี่มันไม่มียางอายจริงๆ” จางซิ่วเฟิงพูดอย่างเย็นชา โกรธจนหน้าแดง
“ตอนนี้แกจะกลับมาที่นี่อีกทำไม? อยากกลับมาหลอกลู่สาวฉันอีกเหรอ?”
หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดว่า “เรื่องทั้งหมด ผมจะอธิบายให้ฉีโม่ให้เข้าใจเอง”
“พวกท่าน ยอมเชื่อคนนอก ก็ไม่ยอมเชื่อผม?”
“แกคู่ควรอะไรที่พวกเราจะไปเชื่อ? แกหลินอิ่งมันเป็นคนไร้น้ำยาแค่ไหน พวกเราจะไม่รู้เหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างเย็นชา
“อีกอย่าง ถึงพวกเขาจะเชื่อแก หลักฐานรูปถ่ายก็มี แกเข้าไปในห้องนอนกับสาวผมทองคนหนึ่ง เขายังนั่งบนตักแก แกจะอธิบายยังไง? แกยังจะมาหลอกลูกสาวเราเหมือนกับคนโง่เหรอ?” จางซิ่วเฟิงถามอย่างโมโห
“สาวผมทอง?” แววตาหลินอิ่งค่อยๆเย็นชาลง
ดูแล้ว ที่เมืองก่าง มีคนคอยติดตามจับตาเขาตลอด แล้วรายงานมาที่เมืองชิงหยูน?
อีกอย่าง ยังเจาะจงไปเล่นงานบริษัทฉีโม่?
หลินอิ่งพอคิดออกแล้วว่าใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้
“ช่วยบอกฉีโม่ด้วยว่าผมกลับมาแล้ว ผมจะอธิบายทุกอย่างกับเขาเอง เรื่องของบริษัท ผมจะจัดการเอง” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
เขาต้องสืบทุกอย่างในเมืองชิงหยูนให้ชัดเจน ว่าใครเป็นคนทำ
“อย่างแกหรือจะจัดการเรื่องของบริษัทได้? เหอะเหอะ อย่างมาแกล้งแสดงตรงนี้เลย แกก็แค่มาหัวเราะเยาะครอบครัวเรา ยังมาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยสีหน้าดูถูก
ทั้งสองมองหลังหลินอิ่งที่จากไป ต่างทำเสียงเย็นชา รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
เวลานี้ ริมหน้าต่างห้องชั้นสองของคฤหาสน์
จางฉีโม่ยืนอยู่หลังผ้าม่าน มองดูภาพนี้
สีหน้าของเธอสับสน ตอนที่เห็นหลินอิ่งกลับมา ในใจรู้สึกตื่นเต้นเหมือนอยากวิ่งเข้าไปกอดหลินอิ่ง เล่าเรื่องที่ตัวเองเจอในช่วงนี้
แต่ว่า ก็ต้องทนไว้
เธอรู้สึกว่า ตัวเอง บางทีอาจจะไม่คู่ควรกับหลินอิ่ง
ไม่รู้ว่า หลินอิ่งยังชอบเธออยู่ไหม……