ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 476 เรียกพี่สาวนายมา

“ฉินฝู้กุ้ย นี่มันเพื่อนเหี้ยที่แกไปรู้จักมาจากไหน? ยังกล้ามาอวดดีต่อหน้าฉันอีก?” จ้าวซานพูดด้วยสีหน้าดูถูก “แกไม่ได้บอกมันเหรอ ว่าฉันเป็นใคร?”

จ้าวซานหน้าตายโสโอหัง ท่าทางอวดดี

ฉินฝู้กุ้ยเหงื่อท่วมหัว ไม่กล้าพูดอะไรเลย

ดูท่าแล้ว จ้าวซานไม่รู้จักท่านหลิน

ดูแล้วเขายังไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ก็คือพี่เขยที่เขากำลังพูด คุณชายอิ่งแห่งตี้จิงผู้มีชื่อเสียง

“ฉินฝู้กุ้ย แกยังยืนซื่ออยู่ทำไม? ฉันบอกให้แกเอาเอกสารที่เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วส่งมา แกฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?” จ้าวซานพูดอย่างยโสโอหัง “อีกอย่าง ไอ้เพื่อนแกคนนี้ เรียกมันมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้บ้านนอกเมืองชิงหยูนคนเดียว กล้ามาอวดดีต่อหน้าฉัน รนหาที่ตายจริงๆ”

จ้าวซานท่าทางสีหน้าไม่พอใจ ออกคำสั่งกับฉินฝู้กุ้ย

เขาจ้าวซานถึงแม้ว่าอยู่ที่ตระกูลจ้าวเมืองตี้จิงจะเป็นแค่คนธรรมดา ช่วยพี่สาวจ้าวหลินเอ๋อร์ทำงาน แต่มาถึงบ้านนอกอย่างเมืองชิงหยูนแบบนี้ เอาชื่อของตระกูลจ้าวตี้จิงออกมา มีใครกล้าไม่ยอมบ้าง?

“นายบอกให้ฉันขอโทษนาย? ยังอยากจะเอาหุ้นส่วนของบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อไปอีก? นายมีสิทธิ์อะไรทำแบบนี้?” หลินอิ่งหันไปมองจ้าวซานด้วยความสนใจ

จ้าวซานเงยหน้าขึ้นสูง มองหน้าหลินอิ่งอย่างดูถูก พูดว่า “แกฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหม? ฉันบอกให้แกขอโทษฉันเดี๋ยวนี้”

“ยังมาถามอีกว่าฉันมีสิทธิ์อะไร? บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อเป็นกิจการของพี่เขยฉัน ฉันจะเอาสิทธิ์ผู้ถือหุ้นคืนแล้วยังไง? เกี่ยวอะไรกับแก แกมีสิทธิ์อะไรมาถาม?”​ จ้าวซานถามอย่างรำคาญ

“ฉินฝู้กุ้ย ไอ้ซื่อบื้อนี่ เป็นเพื่อนร่วมงานในธุรกิจแกเหรอ? แกยังไม่บอกเขาอีกว่าฐานะของฉันคืออะไร? บอกมัน ว่าพี่สาวฉันกับพี่เขยฉันเป็นคนระดับไหน สั่งสอนมันหน่อย?” จ้าวซานออกคำสั่ง ไม่ได้มีฉินฝู้กุ้ยกับหลินอิ่งอยู่ในสายตาเลย

เท่าที่จ้าวซานดูแล้ว ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายฉินฝู้กุ้ย น่าจะเป็นเพื่อนของฉินฝู้กุ้ยในเมืองชิงหยูน

คงคิดว่าตัวเองอยู่ในเมืองชิงหยูนมีหน้ามีตาหน่อย ความจริงก็เป็นแค่นายทุนน้อย

ดูอย่างฉินฝู้กุ้ย อยู่ในเมืองชิงหยูนก็พอมีหน้ามีตา เป็นหัวหน้าใหญ่ทั้งในธุรกิจทั้งสองด้าน

ปรากฏว่า ต่อหน้าพี่สาวเขาก็กลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าพูดจาเสียงดัง เชื่อฟังอย่างกับอะไร แม้แต่ต่อหน้าเขาที่ช่วยคนอื่นทำงาน ยังเชื่อฟังขนาดนี้

ดังนั้น ไอ้หนุ่มคนนี้ถึงจะมีความสามารถมากแค่ไหนที่เมืองชิงหยูนก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อเทียบกับตระกูลจ้าวอันใหญ่โตแห่งตี้จิงแล้ว ก็เป็นแค่แมลงเล็กๆตัวเดียว

“นี่…….”

ฉินฝู้กุ้ยฟังแล้วอึ้งอยู่กับที่ จ้าวซานคนนี้อวดดีต่อหน้าเทวดาแล้ว รีบหันไปมองหลินอิ่ง ขอคำแนะนำ

“ท่านหลิน ท่าน……”

หลินอิ่งหัวเราะ พูดว่า “ฉันยังไม่รู้จริงๆ นายลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยซิ ว่าพี่สาวกับพี่เขยนายเป็นคนระดับไหนกัน?”

“อะไรนะ? แม้แต่ตระกูลจ้าวแห่งตี้จิงแกยังไม่รู้จัก?” จ้าวซานมองหลินอิ่งอย่างดูถูก “เป็นไอ้บ้านนอกที่ไม่เคยเข้าสังคมจริงๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันเล่าให้แกฟังยังรู้สึกขายหน้า”

“ฉันบอกแกละกัน ตระกูลจ้าวแห่งตี้จิง ห้าตระกูลใหญ่แห่งตี้จิง ทางที่ดีแกควรไปถามเพื่อนในตี้จิงหน่อยนะ ว่าแกไปมีเรื่องด้วยได้ไหม” จ้าวซานพูดอย่างเย็นชา “กับท่าทางยากจนอย่างแก ทรัพย์สินมากสุดแค่หลักล้าน หลักสิบล้านแค่นั้นมั้ง?”

“คิดว่าเจริญก้าวหน้ามีหน้ามีตาในบ้านนอกอย่างเมืองชิงหยูนแค่นี้ ก็อวดดีแล้ว? พูดไม่น่าฟังหน่อย อย่างแกถ้าไปอยู่ที่เมืองตี้จิง ตัวอะไรก็ไม่ใช่ กบในกะลาจริงๆ” จ้าวซานส่ายหัว ดูถูกอย่างอวดดี

“ห้าตระกูลใหญ่แห่งตี้จิง ทรัพย์สินอย่างน้อยก็แสนล้าน อำนาจเกินกว่าที่แกจะคิดได้” จ้าวซานพูดด้วยสีหน้าอวดดี “เมืองชิงหยูนของพวกแกเมื่อก่อนมีตระกูลนิ่งตุงไห่ที่เก่งมากไม่ใช่เหรอ? ระดับนั้นเอาไปไว้ที่ตี้จิง ก็เป็นแค่กิจการเล็กๆเท่านั้น”

จ้าวซานพูดด้วยความภาคภูมิใจ แสดงสีหน้าอยู่เหนือกว่าคนอื่น

เขายิ่งพูดยิ่งสะใจ รู้สึกว่าอยู่ในสถานที่เล็กๆอย่างเมืองชิงหยูนแบบนี้ เปิดเผยฐานะตัวเอง แล้วรู้สึกภาคภูมิใจ

“ออ? ใช่เหรอ? ตระกูลจ้าวตี้จิงเก่งกาจขนาดนั้นเลย?” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ ยกน้ำชาขึ้นดื่ม “ตระกูลจ้าวแห่งตี้จิงที่คุณพูด ผมก็พอรู้บ้าง สำหรับคุณแล้ว ตระกูลจ้าวอาจจะแข็งแกร่งมาก แต่สำหรับผมแล้ว มันก็แค่นั้น”​

“ปากดีจริงๆ ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” จ้าวซานหัวเราะเย็นชา มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าดูถูก “ยังพูดอะไรว่าตระกูลจ้าวก็แค่นั้น? แกเสแสร้งเข้าไป คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”

“ผมเป็นใครไม่สำคัญ” หลินอิ่งพูดอย่างใจเย็น “แล้วคุณเป็นใครละ?”

“คุณชายอิ่งแห่งตี้จิงที่คุณพูด ผมก็พอรู้จักบ้าง แต่ว่า ทำไมผมไม่เคยได้ยินว่าเขามีน้องเมียอย่างคุณ? และไม่เคยได้ยินเลย ว่าภรรยาของคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงคือจ้าวหลินเอ๋อร์” หลินอิ่งพูดเรียบเฉย มองไปที่จ้าวซาน

“อะไรนะ? หรือแกยังรู้จักคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงอีก?” จ้าวซานมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าตะลึง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหน้าโมโห

“แกคิดว่าแกเป็นใคร? มหาเศรษฐีของที่นี่?” จ้าวซานพูดอย่างโมโห “ยังกล้ามาพูดเรื่องความสัมพันธ์ของพี่สาวฉันกับคุณชายอิ่งไปเรื่อย? แกจะไปรู้อะไร?”

“ฉินฝู้กุ้ย ฉันว่าเพื่อนแกคนนี้สมองจะมีปัญหานะ รนหาที่ตายชัดๆ” จ้าวซานมองไปที่ฉินฝู้กุ้ย พูดอย่างเย็นชา “แม้แต่พี่สาวฉันมันยังกล้าว่า แกยังไม่ให้คนจัดการมันอีก?”

ฉินฝู้กุ้ยยิ่งฟังยิ่งตกใจ หน้าผากเหงื่อไหลไม่หยุด

“เรียกพี่สาวคุณมา ไปถามเขาว่า กล้าจัดการผมไหม” หลินอิ่งมองจ้าวซานด้วยสีหน้าเย็นชา

“ใช่แล้ว อีกอย่างคุณย้ำตลอดว่า พี่เขยคือคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา “เอาอย่างนี้ คุณโทรหาพี่เขยคุณให้เขามาที่นี่”

“แก อะไรนะ?”

จ้าวซานสีหน้าตกใจ ถูกคำพูดของหลินอิ่งทำให้พูดอะไรไม่ออก

เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าหลินอิ่งจะใจกล้าขนาดนี้ ท่าทางเหมือนไม่มีตระกูลจ้าวแห่งตี้จิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

อีกอย่าง ยังเรียกทั้งชื่อสกุล บอกให้เขาเรียกพี่สาวจ้าวหลินเอ๋อร์ออกมา ยังให้โทรหาคุณชายอิ่งตี้จิงมาด้วย?

ไอ้บ้านนอกเมืองชิงหยูนคนหนึ่ง เอาความกล้าความอวดดีขนาดนี้มาจากไหน?

“ทำไม? ไม่กล้าเรียก? หรือว่าที่พูดมานั้นไม่ใช่เรื่องจริง?” หลินอิ่งชิมน้ำชา พูดอย่างเรียบเฉย

“ฉันว่าแกนี่มันรนหาที่ตาย”

จ้าวซานโมโหขึ้นมาทันที ทนพฤติกรรมของหลินอิ่งไม่ได้

แต่ว่า เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจ

เพราะว่า เขาไม่รู้จักคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง แม้แต่หน้าก็ไม่เคยเจอ จะเอาเบอร์ที่ไหนมาโทรเรียกเขามา?

เรียกเขาเองว่าเป็นพี่เขย นั่นมันแค่เรื่องหลอกลวง

ชื่อเสียงคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงโด่งดังมากในตี้จิง เขาใช้ชีวิตในสังคมตี้จิง ยังเอาไปข่มขู่คนได้ไม่น้อย

“ก็ได้ ฉินฝู้กุ้ย เพื่อนแกอวดดีขนาดนี้ แกยังไม่สั่งสอนมันอีก ต้องให้ฉันเรียกพี่สาวฉันมาใช่ไหม?” จ้าวซานพูดอย่างโมโห “ฉันจะโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ แกรอตายได้เลย”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset