“ผู้ใหญ่ตระกูลจาง?”
หลินอิ่งส่ายหน้า มุมปากยิ้มอย่างเย็นชา
“จางหงจูน จางหงซวน คุณสองคน มีความเป็นผู้ใหญ่แม้แต่นิดเดียวไหม?” หลินอิ่งพูด “ตั้งแต่ครอบครัวของฉีโม่เริ่มทรุดโทรม ครั้งไหนบ้างที่พวกคุณไม่ได้ซ้ำเติม? จนถึงครอบครัวฉีโม่เริ่มดีขึ้น พวกคุณก็ใช้ทุกวิถีทาง คิดหาวิธีทุกอย่างเพื่อทำลาย?”
“ยังกล้าแทนตัวเองว่าผู้ใหญ่ต่อหน้าผม? คุณสองคนคู่ควรเหรอ?”
“คุกเข่าลง”
หลินอิ่งพูดเสียงเย็นชา
“แก แกมันไอ้เนรคุณ ถ้าหากนายท่านยังมีชีวิตอยู่ เห็นท่าทางอวดดีไร้มารยาทแบบนี้ ต้องโมโหจนไล่แกออกจากตระกูลจางแน่”
“หลินอิ่ง แกมันไอ้ลูกเขยไร้น้ำยา กล้าชี้นิ้วด่าพวกเรา สั่งสอนเรา? แกคิดว่าแกเป็นใคร? ไอ้ไร้น้ำยาคนหนึ่ง”
“ยังกล้าให้พวกเราคุกเข่า? ฉันว่าแกมันไม่รู้จักความเคารพเลยแม้แต่น้อย ไอ้หน้าโง่”
จางหงจูนและจางหงซวนถูกคำพูดของหลินอิ่งทำให้โมโหอย่างหนัก ชี้หน้าด่าหลินอิ่ง
ทั้งสองคนรู้สึกโกรธมาก
ตั้งแต่ไหนแต่ไรตระกูลจางในเมืองชิงหยูน พวกเขาสองคน มีอำนาจเด็ดขาดภายในตระกูลจาง พูดคำไหนคำนั้น
ส่วนหลินอิ่ง ตำแหน่งในตระกูลจางแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนหนึ่ง ต่ำต้อยแม้แต่แมลงตัวเดียวก็เทียบไม่ได้ แม้แต่คนใช้ของตระกูลจางก็ไม่ใช่
ตอนนี้ กลับกล้ามาชี้หน้าออกคำสั่งต่อหน้าพวกเขา ยังกล้าให้พวกเขาสองคนคุกเข่าลง? ตลกสิ้นดี
“ท่านหลินให้แกสองคนคุกเข่าลง พวกแกหูหนวกใช่ไหม?”
หลินจุนตะคอกเสียงดัง ทำให้จางหงจูนสองคนตกใจตัวสั่น
เพี๊ยะเพี๊ยะ หลิวจุนตบไปที่หน้าของจางหงจูนทั้งสองคนอีกสองครั้งอย่างแรง จากนั้นก็ฟาดเท้าลงไปสองครั้ง ถีบเอาทั้งสองคนกลิ้งลงไปกับพื้น เลือดพุ่งออกจากปาก
ส่วนบอดี้การ์ดที่จางหงจูนพามายังอย่างพุ่งเข้าไปช่วย หลิวจุนหันมาทั้งต่อยทั้งถีบ ทำเอาบอดี้การ์ดร่างใหญ่หลายคนล้มลงกับพื้น รับหมัดรับขาของเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
“อู๊ว”
“อ้าก หลินอิ่ง แกจนแน่ แกกล้าเรียกคนทำร้ายเราสองคนถึงขนาดนี้? ฉันไม่เพียงแค่จะให้แกเสียชื่อไม่มีจุดยืนในเมืองชิงหยูน ฉันยังจะหาคนของตระกูลโจ ทำแกพิการแน่”
จางหงจูนและจางหงซวนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แหกปากด่าหลินอิ่ง
ใบหน้าของทั้งสองแดงก่ำ ถูกหลิวจุนทำร้ายจนข้อกระดูกหัก ล้มคุกเข่าบนพื้น รู้สึกว่าตัวเองต้องขายหน้าต่อหน้าผู้บริหารระดับสูงในบริษัท อับอายขายหน้าจนไม่เหลือชิ้นดี
“ทำผมพิการ? เหอะ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ลงมือเลย” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา
“บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ เป็นของขวัญที่ผมสร้างให้กับฉีโม่อย่างตั้งใจ คุณสองคนกลับมาสร้างความวุ่นวายในบริษัท ทำลายความสงบของที่นี่” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“หลิวจุน ทำลายมือข้างหนึ่งของพวกเขาทุกคน ให้บทเรียนที่ลืมไม่ได้ตลอดชีวิตกับพวกเขา”
หลินอิ่งพูดประโยคนี้ด้วยเสียงเรียบเฉย แต่ทำให้พวกจางหงจูนรู้สึกกดกันอย่างรุนแรง รู้สึกถึงความเย็นชา เหงื่อท่วมหน้าผาก
“ครับ ประธานหลิน” หลิวจุนพยักหน้าอย่างเคารพ บิดข้อมือไปมา เผยสีหน้าอันโหดเหี้ยม
“ไม่ หลินอิ่ง แกทำแบบนี้ไม่ได้”
“พวกเราเป็นผู้อาวุโสของแก ถึงแกจะไม่ไว้หน้าพวกเรา ก็ต้องไว้หน้าตระกูลโจบ้าง?”
จางหงจูนและจางหงซวนมองดูหลิวจุนที่กำลังขยับตัว สีหน้าเปลี่ยนทันที ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
คักคักคัก
หลิวจุนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา ทำตามคำสั่งของหลินอิ่ง เข้าไปดึงมือซ้ายของจาหงจูนทั้งสองคนไว้ ดึงไปข้างหน้ากะทันหัน เสียงกระดูกมือหักดังขึ้นทันที
ต่อจากนั้น หลิวจุนก็เข้าไปจับตัวจางเถียนไห่ จับข้อมือของเขาแล้วหมุน เสียงกระดูกหักดังคักคัก
“อ้ากอ้ากอ้าก”
ทันใดนั้น ทั้งสามคนถูกหักมือไปข้างหนึ่ง ร้องโอดโอยเสียงดังด้วยความเจ็บปวด ล้มตัวกระตุกอยู่บนพื้นอย่างหน้าซีด
ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่เห็นภาพนี้ ต่างก็รู้สึกขนหัวลุก เหงื่อไหลท่วมตัว
ทุกคน ต่างก็ใช้สายตาที่หวาดกลัวอย่างสุดขีดมองไปที่หลินอิ่ง
พวกเขาต่างก็เคยได้ยินชื่อของหลินอิ่ง เป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านของตระกูลจางเท่านั้น ไร้ประโยชน์มาก
เพราะฉะนั้น ตอนที่หลินอิ่งเข้ามา สายตาของทุกคนต่างก็มองอย่างดูถูก
แต่วินาทีนี้ อำนาจความสามารถที่หลินอิ่งแสดงออกมา และราศีแบบนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวถึงที่สุด
หลินอิ่ง ดูมีอำนาจแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่ลูกเขยไร้น้ำยาอย่างที่ข้างนอกเขาลือกันแม้แต่น้อย
แม้แต่ผู้นำตระกูลทั้งสองของตระกูลจางอย่างจางหงจูนและจางหงซวน หลินอิ่งบอกจัดการก็จัดการเลย
อำนาจที่สามารถควบคุมความเป็นความตายแบบนี้ มีเพียงคนที่อยู่ในระดับสูงมานานแล้วถึงจะทำได้
เห็นได้ชัดว่า หลินอิ่งก็คือคนใหญ่คนโตที่ควบคุมอำนาจมานานแล้ว
นั่นหมายความว่า ทุกคนในเมืองชิงหยูน เมื่อก่อนต่างก็ดูถูกหลินอิ่งเกินไปแล้ว
“หลินอิ่ง แกทำเรื่องถึงขั้นนี้? พวกเราสองครอบครัว เอาเป็นเอาตายกับแกแน่ ฉันกลับไป ต้องขอให้คนของตระกูลโจออกหน้า มาจัดการแกอย่างหนักแน่”
จางหงซวนสีหน้าโหดเหี้ยม ตะโกนด้วยเสียงแหบ
“เอาเป็นเอาตาย? พวกคุณมีความสามารถนี้เหรอ?” หลินอิ่งส่ายหัว พูดอย่างเรียบเฉย “พวกคุณเห็นตระกูลโจเป็นผู้ช่วยชีวิต? ผมจะให้พวกคุณได้เห็น ตระกูลใหญ่ในสายตาพวกคุณ ต่อหน้าผม มันเปราะบางแค่ไหน”
“อีกอย่าง บริษัทฉีซื่อ พวกคุณกล้าก้าวก่ายอีก ตายไร้ที่ฝังแน่”
คำพูดอันเย็นชาจบลง หลินอิ่งก็ไขว้มือหมุนตัว เดินออกจากออฟฟิศผู้บริหารระดับสูง
หลิวจุนสีหน้าโหดเหี้ยม ติดตามอยู่ข้างหลังหลินอิ่ง
ทิ้งพวกจางหงจูนไว้บนพื้น สีหน้าซีดไร้สี มองร่างที่จากไปของหลินอิ่งด้วยแววตาโกรธแค้น
ส่วนผู้บริหารระดับสูงในห้องทำงาน ขณะนี้ต่างก็สีหน้าหวาดกลัวและตกตะลึง
ข่าวเรื่องหลินอิ่งหักแขนของจางหงซวนและจางหงจูนในบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ สร้างความสะเทือนในแวดวงไฮโซเมืองชิงหยูน
…….
เมืองชิงหยูน เขตตะวันออก โจซื่อกรุ๊ป
สำนักงานใหญ่ของตระกูลโจ ตั้งอยู่ในวิลล่าโจซื่อ มองจากไกลๆ ก็เห็นตึกสูงตระหง่านอันสวยงามอยู่ตรงเนินเขา
หลินอิ่งพาหลิวจุน นั่งรถเบนท์ลี่ย์สีดำ มาถึงวิลล่าตระกูลโจ
ขณะนี้ ห้องรับรองในวิลล่าตระกูลโจที่ใช้รับแขกนั้น ครึกครื้นมาก นั่งเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญฐานะไม่ธรรมดาในเมืองชิงหยูน
วันนี้ ทายาทตระกูลโจ คุณชายโจผิงเรียนเชิญคนทั้งแวดวงไฮโซ ทุกสายกิจการ ผู้นำแต่ละด้าน ต่างก็นั่งอยู่ในห้องรับรองนี้
เพราะว่า สำหรับตระกูลโจแล้ว นี่เป็นวันสำคัญมาก
นั่นก็คือวันที่คุณชายโจผิง ฤกษ์ดีในการหมั้นหมาย คู่หมั้นก็คือ สาวงามผู้มีชื่อเสียงแห่งเมืองชิงหยูน จางฉีโม่แห่งตระกูลจาง
โจผิงจึงประกาศเรื่องนี้ต่อภายนอก และแวดวงไฮโซได้รับรู้โดยเฉพาะ