“กงจิ่ว? อะไรกงจิ่ว?” ถังฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อย สังเกตมองผู้ชายต้าเหอที่ปรากฏตัวกะทันหันคนนี้ แววตาแปลกใจ
“ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นกงจิ่วหรือว่ากงปา เรื่องของคนประเทศหลุง ไม่ใช่เรื่องที่คนต้าเหอจะเข้ามายุ่งเกี่ยว” ถังฮุยพูดอย่างเย็นชา มองไปที่เหยียนหลงอย่างเย็นชา “เหยียนหลง แกกำลังเล่นอะไรของแก? เรียกคนต้าเหอมา อยากจะขู่ฉัน?”
ถังฮุยไม่เข้าใจว่าเหยียนหลงคิดจะทำบ้าอะไร
ตี้จิงแห่งประเทศหลุงชัดๆ ภายใต้ดินแดนแห่งจักรพรรดิ คนต่างชาติจะไปมีอำนาจใหญ่โตแค่ไหน?
หรือว่าเหยียนหลงจะเรียกคนต้าเหอคนหนึ่ง ก็จะมาท้าทายกับท่านอิ่ง?
“ถังฮุย ผมกงจิ่วเป็นใคร ทางที่ดีคุณควรไปถามลูกพี่คุณหลินอิ่งสักหน่อย” กงจิ่วไม่ได้โกรธ พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณรู้จักท่านอิ่ง?” ถังฮุยสีหน้าแปลกใจ มองกงจิ่วด้วยสีหน้าระมัดระวัง
กงจิ่วอะไรนี่รู้จักท่านอิ่ง ยังมีความมั่นใจขนาดนี้ แสดงท่าทางยโสโอหังขนาดนี้
ดูแล้ว นี่คงไม่ใช่คนธรรมดาอะไร
“เหยียนหลง ฉันไม่สนใจว่าวันนี้แกเชินเทพเทวดามาจากไหน แกไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของท่านอิ่งในเขตหัวหยาง วันนี้ฉันต้องจัดการแกแน่” ถังฮุยพูดอย่างเย็นชา
“แกอย่าคิดว่า คนในตึกนี้ ล้วนฟังคำสั่งของแกหมด”
“เข้ามา จับตัวเหยียนหลงไว้”
ถังฮุยออกคำสั่งไป แล้วโบกมือ
เสียงฮวั้ก บอดี้การ์ดชุดสูทร่างใหญ่ก็พุ่งเข้ามาเป็นแถว มือของทุกคนวางอยู่ในกระเป๋าเสื้อ เตรียมพร้อมลงมือตลอดเวลา
ถังฮุยเป็นคนทำงานเคร่งครัด เขากล้ามาตามนัดของเหยียนหลง ก็จัดเตรียมทุกอย่างร่วงหน้าแล้ว
ลูกน้องที่เหยียนหลงจัดเตรียมไว้ในอาคาร ถูกเขารับซื้อไว้หมดแล้ว
ต้องรู้ว่า ระยะนี้เหยียนหลง ยึดเอาบ่อนไปในเขตหัวหยางไปตั้งสิบกว่าแห่ง ยังพาคนไปทุบทำลายกิจการสถานบันเทิงหลายแห่ง
ถังฮุยวางแผนมานาน จัดเตรียมลูกน้องแทรกซึมเข้าไป
สิ่งที่รอ ก็คือจัดการคืนนี้
ถ้าหากไม่ได้มีกงจิ่วผู้ลึกลับนี้ปรากฏตัวกะทันหัน เรื่องจัดการเหยียนหลงก็เป็นเรื่องง่ายในกำมือแล้ว
“เหอะเหอะ ถังฮุย ฝีมือแกใช้ได้ แต่ว่าแกไม่รู้เลยว่าคุณกงจิ่วตรงหน้าแกคนนี้ เป็นคนระดับไป” เหยียนหลงพูดอย่างหัวเราะเย็นชา มุมปากยิ้มอย่างดูถูก
พูดไป เหยียนหลงก็ลุกขึ้นอย่างเคารพ ไปยืนข้างกงจิ่ว
“คุณกงจิ่ว สถานการณ์ต่อจากนี้ ก็ให้คุณจัดการเลย…….” เหยียนหลงน้ำเสียงถ่อมตัว พูดอย่างเคารพ
กงจิ่วพยักหน้าเล็กน้อย มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเหยียดหยาม
“เล่นไม้เล่นมือ จัดการให้หมด” ถังฮุยพูดอย่างโมโห ถูกท่าทางของเหยียนหลงกับกงจิ่วยั่วโมโห
ภายในอาคารมีชายฉกรรจ์ยอดฝีมืออยู่หลายสิบคน อาวุธจริงอยู่ในมือหลายสิบเล่ม ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี เหยียนหลงกลับยังกล้าท้าทาย?
ชิ้ว
วินาทีที่ถังฮุยออกคำสั่ง ร่างผอมเตี้ยของกงจิ่ว ก็พุ่งเข้าเหมือนดั่งพายุ พุ่งไปอยู่ข้างหน้าถังฮุยในพริบตา
เพร้งพร้าง
เสียงลมกระแทกดัง เห็นเพียงระหว่างที่กงจิ่งโบกมือ เร็วยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ เพียงไม่กี่ครั้ง ก็จัดการมือปืนข้างกายถังฮุยล้มจนหมด
“เอื้อก”
“อ้าก”
บอดี้การ์ดชุดสูทแต่ละคนนอนกระตุกเหมือนไฟช็อตอยู่บนพื้น น้ำลายฟูมปาก ร้องโอดโอยไม่หยุด
พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสในการชักปืนออกมา ชั่วพริบตา ก็ถูกกงจิ่วล้มหมดทุกคน
ถังฮุยสีหน้าเปลี่ยนแล้ว รู้สึกได้ถึง คนต้าเหอตรงหน้า ไม่ใช่คนธรรมดา นี่เป็นเหมือนคนในตำนาน
กงจิ่วคนนี้ ในมือเหมือนดั่งมีเวทมนตร์ แค่แตะต้องเบาๆ โดนใครคนนั้นก็เหมือนไฟช็อตกระอักเลือด นี่หมายความว่า มีพลังกำลังภายในอันแข็งแกร่ง
ถังฮุยอยู่มาจนถึงระดับนี้ เคยได้ยิน ว่ามียอดฝีมือลึกลับอยู่ สามารถยึดปืนมือเปล่า
เหมือนดั่งท่านอิ่ง เขาเคยเห็นฝีมืออันแกร่งกล้าขั้นเทพของท่านอิ่งมาแล้ว
แต่คิดไม่ถึง ตระกูลสวีก็เชิญยอดฝีมือระดับออกมาได้
ปัง
กงจิ่วออกหมัดกะทันหัน ทุบเข้าที่กลางอกถังฮุย คนทั้งคนลอยขึ้นกลางอากาศ ลอยไปไกลสิบกว่าเมตร กระอักเลือดอยู่บนพื้น
“เคกเคก……” ถังฮุยสีหน้าเคร่งเครียด คิดในใจครั้งนี้ตายแน่…..
ชะล่าใจแล้ว ตอนนี้โดนจับไว้ แม้แต่โอกาสที่จะแจ้งท่านอิ่งก็ไม่มีแล้ว
“คุณกง อย่าทำให้ถังฮุยตาย พวกเรายังต้องการข่าวสารจากปากของเขา ถามดูว่าหลินอิ่งช่วงนี้ออกจากตี้จิงไปทำอะไรบ้าง”
ตอนนี้ น้ำเสียงอันเข้มขรึมก็ดังขึ้น
เห็นเพียง ห้องโถงด้านข้างของห้องรับรอง มีบอดี้การ์ดสองนายเข็นรถเข็นออกมา
บนรถเข็น มีชายวัยกลางคนหน้าดุคนหนึ่ง สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“สวี สวีไป๋เห้อ?” ถังฮุยสีหน้าประหลาดใจ จำผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นได้
คนที่มา ก็คือผู้นำตระกูลสวี ครั้งที่แล้วที่เขตตี้เจียงถูกหลินอิ่งบีบจนคุกเข่า ยังถูกทำจนหาหัก สวีไป๋เห้อ
“น้องไป๋เห้อ ข่าวกรองของตระกูลสวีของพวกคุณนี่ขยะจริงๆ” กงจิ่วส่ายหน้า พูดอย่างเชื่องช้า “ผมรู้ตั้งนานแล้วว่าหลินอิ่งออกจากตี้จิงไปทำอะไรบ้าง ถังฮุยคนนี้ ไม่ได้มีคุณค่าด้านข่าวสารเลย เขาไม่รู้เรื่องความลับของหลินอิ่งแน่ คุณเอาไปสอบเรื่องกิจการที่เขาช่วยหลินอิ่งดูแลอยู่ ถามเรื่องความลับทางธุรกิจก็พอแล้ว อย่าทำจนตาย เก็บไว้บางทีอาจจะใช้ล่อให้หลินอิ่งอกมาได้”
“ออ?” สวีไป๋เห้อสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เต็มไปด้วยความรีบร้อน “คุณกง คุณรู้เรื่องข่าวสารของหลินอิ่ง? ต้องขอคำแนะนำจากคุณกงแล้ว”
สวีไป๋เห้อทนรอที่จะแก้แค้นหลินอิ่งไม่ได้แล้ว ความอับอายที่หลินอิ่งให้เขา เป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตนี้
กงจิ่วมุมปากยิ้มขึ้นอย่างลึกลับ “น้องไป๋เห้อ นัดคุณมาวันนี้ ไม่ได้ให้คุณมาดูผมจัดการถุงฮุย ผมยังเชิญเพื่อนอีกคนหนึ่งมา”
กงจิ่วกำลังจะพูด เหยียนหลงก็พาบอดี้การ์ดหลายนายมา จัดการเก็บกวาดสถานที่อย่างรู้หน้าที่ ลากตัวถังฮุยขึ้นไปชั้นบน
“คุณสวีไป๋เห้อ ไม่เจอกันตั้งนาน”
เสียงคนพูดภาษาประเทศหลุงด้วยสำเนียงประหลาดดังขึ้น
เห็นเพียง ชายวัยกลางคนไว้หนวดคนหนึ่ง ใบหน้าเคร่งขรึมมีอำนาจ เดินเข้ามาในห้องรับรองจากชั้นบนพร้อมบอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูทสีหน้าดุดัน
ใบหน้าชายวันกลางคน ที่มีลักษณะใบหน้าของคนเกาหลีอย่างเด่นชัด สวมเสื้อสูทสั่งตัด ยังติดเข็มกลัดของชีซิงกรุ๊ปอย่างโดดเด่น
“นี่คือ ประธานเผียวจินฮุน? คุณมาได้ยังไง?” สวีไป๋เห้อพูดอย่างประหลาดใจ
เขาก็คิดไม่ถึง คนที่กงจิ่วเชิญมา จะเป็นเผียวจินฮุน นี่มันประธานบริษัทชีซิงกรุ๊ปแห่งเกาหลี ผู้บริหารของบริษัทระดับโลก