หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ นั่งลงบนโซฟา ยกกาน้ำชาเทน้ำชาสองแก้ว โบกมือให้เย่เฮยนั่งลง
“เย่เฮย นั่งลงค่อยพูด” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
เย่เฮยรับน้ำชามาหนึ่งแก้ว นั่งลงบนโซฟาอย่างเคารพ
“ก่อนมา สถานการณ์ในเมืองก่างเป็นอย่างไรบ้าง?” หลินอิ่งมองไปทางเย่เฮย ดื่มน้ำชาไปคำหนึ่ง แล้วถาม
เย่เฮยพูด “ท่านประมุข เมืองก่างไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ท่านมังกรดำเหมือนหายตัวไปเลย ไม่มีปฏิบัติการแก้แค้นอะไรเลย”
“กิจการในเมืองก่างของท่าน คริสก็จัดการดูแลอย่างจงรักภักดี มีการพบปะคนในวงการไฮโซเมืองก่างทุกวัน” เย่เฮยพูดอย่างจริงจัง
หลินอิ่งพยักหน้า เย่เฮยทำงานทำให้เขาวางใจมาก
ทางด้านเมืองก่าง มีคริสคอยดูแลกิจการของบริษัทหลินซื่อ และมีเย่เฮยคอยจับตาดูอยู่ที่ลับ เขาก็ไม่ต้องเป็นห่วง
ท่านมังกรดำในระยะสั้น คาดว่าคงไม่ออกมาให้เห็นแน่นอน นอกจากเขาแล้ว ในเมืองก่างก็ไม่มีใครสะเทือนอาณาจักรธุรกิจอันใหญ่โตของหลินซื่อได้แล้ว
“เพียงแค่ ท่านประมุข คุณหนูของตระกูลโครเมียร์คนนั้น โครเมียร์ แอนนา ไปถามเรื่องของท่านกับคริสที่อาคารสุ่ยจินหลายครั้ง” เย่เฮยพูดอย่างจริงจัง “ถึงแม้ว่าคริสจะบอกว่าท่านไปตี้จิงแล้ว เธอก็ยังไปที่อาคารสุ่ยจินทุกวัน”
“และผู้หญิงคนนี้ยังพูดกับคริสว่า รอเธอจัดการเรื่องทุกอย่างในเมืองก่างให้มั่นคงแล้ว ก็จะบินมาหาท่านที่ตี้จิง”
“โครเมียร์ แอนนา?” หลินอิ่งดื่มน้ำชาอย่างใจเย็น “ผู้หญิงคนนี้มีเบื้องหลังโลกแห่งความมืดแห่งตะวันตก มีความสัมพันธ์กับเธอมากไปไม่ได้”
หลินอิ่งคิดภาพของแอนนา สาวผมทองคนนี้ไม่ธรรมดา ต้องไม่ได้น่ารักไร้เดียงสาอย่างที่แสดงออกมาแน่
เย่เฮยพูดอย่างจริงจัง “ท่านประมุข ท่านพูดถูก ผมเคยติดตามโครเมียร์ แอนนาในที่ลับ พบว่ามียอดฝีมือคอยปกป้องเธออยู่ข้างกาย ยอดฝีมือท่านนั้นถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยประลองฝีมือกับเขา แต่สามารถตัดสินได้ว่าอยู่เหนือผม”
“เท่าที่ผมดูแล้ว มียอดฝีมือระดับนี้ซ่อนตัวอยู่ในเมืองก่างคนหนึ่ง เป็นเรื่องค่อนข้างอันตราย”
“ผมเคยเจอยอดฝีมือที่อยู่ข้างกายเธอมาแล้ว” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “ผมได้เตือนเขาคนนั้นแล้ว ถ้าหากผมเดาไม่ผิด ยอดฝีมือคนนั้นแค่ได้รับคำสั่งให้ปกป้องแอนนาเท่านั้น กับตระกูลโครเมียร์ ตอนนี้ยังอยู่ในสถานะการณ์ร่วมงานกัน เพราะฉะนั้น ต่างคนต่างอยู่ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เขาไม่กล้าทำอะไรหรอก”
ยอดฝีมือที่เย่เฮยพูดถึง น่าจะเป็นผู้ปกป้องโครเมียร์แอนนาในที่ลับ มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาจริง
แต่ว่า ตัวเองเปิดหนทางให้ตระกูลโครเมียร์ที่เมืองก่าง ถือว่าเป็นความสัมพันธ์การร่วมงานกัน ไม่จำเป็นต้องกังวล
“ผมเข้าใจแล้วครับ” เย่เฮยพยักหน้าอย่างเคารพ
“เย่เฮย ผมเรียกคุณมาที่ตี้จิงครั้งนี้ มีเรื่องใหญ่ต้องไปจัดการ” หลินอิ่งมองเย่เฮย พูดอย่างจริงจัง
“คุณไปสืบให้ชัดเจน อำนาจมืดของประเทศต้าเหอ อำนาจฝ่ายไหนที่อยู่ในตี้จิงประเทศหลุง ระยะนี้มีปฏิบัติการอะไรหรือไม่” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “อีกอย่าง คุณซ่อนตัวในตี้จิง สืบเรื่องคนต้าเหอที่มีพฤติกรรมผิดปกติในตี้จิงทั้งหมดให้ชัดเจน”
“ต้องรีบหาคนต้าเหอที่ชื่อกงจิ่วให้เจออย่างเร็วที่สุด”
“ต้าเหอ?” เย่เฮยสีหน้าลังเล แล้วพูดว่า “ท่านประมุข ผมเคยไปต้าเหอครั้งหนึ่ง เท่าที่ผมรู้ ต้าเหอมีอำนาจมืดอยู่สามตระกูล สืบทอดกันมาร้อยกว่าปี แบ่งออกเป็น สำนักยุทธ์เชียน กลุ่มงูเป็ด องค์ต้าหยัง อำนาจแข็งแกร่งมาก”
“ออ? คุณเคยไปต้าเหอ?” หลินอิ่งรู้สึกสนใจ “ถ้าเช่นนั้นก็ดีมาก เย่เฮย พยายามไปจัดการเรื่องนี้ให้ดี ต้องหาคนต้าเหอกงจิ่วให้เจอ สามารถลงมือจากคนที่ติดต่อกับตระกูลสวี นี่คือเบาะแสข่าวกรองที่เกี่ยวข้อง เก็บไว้ให้ดี”
“ครับ ท่านประมุข ผมต้องจัดการให้ดีแน่นอนครับ” เย่เฮยพยักหน้าอย่างเคารพ รับกล่องสีดำมาจากบนโต๊ะอย่างเคารพ
หลินอิ่งพยักหน้าอย่างเรียบเฉย “ไปเถอะ”
จากนั้น ร่างเย่เฮยดุจสายลม หายไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
หลินอิ่งแววตาเฉียบคม ดื่มน้ำชาไปคำหนึ่ง มองเวลาจากนาฬิกาบนผนัง
จากนั้น เขาก็กดเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรออก
ไม่นาน หยูจื๋อเฉิงก็เดินเข้ามา หรงหยังก็พาลูกน้องหนุ่มฝีมือดีกลุ่มหนึ่ง เดินมาถึงหน้าประตู สั่งให้ลูกน้องรออยู่หน้าประตู
“หยูจื๋อเฉิง หรงหยัง พวกคุณสองคนเคยเจอกันแล้วที่เมืองก่าง” หลินอิ่งมองไปที่ทั้งสองคนที่เดินเข้ามา พูดอย่างใจเย็น “ผมก็ไม่ทำการแนะนำอะไรมากแล้ว คืนนี้ คุณสองคนเดินทางไปที่เขตหัวหยาง พาถังฮุยกลับมา”
หยูจื๋อเฉิงและหรงหยังมองตากัน พยักหน้าให้กันอย่างเคารพ
“รับคำสั่งท่านอิ่งครับ”
ทั้งสองตอบเป็นเสียงเดียวกัน
หรงหยังถอนตัวออกจากแก๊งหยางเหมินแล้ว เป็นอิสระแล้ว กลายเป็นหัวหน้าแก๊งในเมืองก่างให้หลินอิ่ง เป็นนักสู้มือทองเบอร์หนึ่ง
เพราะฉะนั้น หลินอิ่งแค่โทรไป เขาก็พาลูกน้องบินมาตี้จิงอย่างไม่ต้องคำนึง
“นั่งลงดื่มชา” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย ถือกาน้ำชาไว้ เทน้ำชาสามแก้ว
“ประธานหยู จากนี้ในตี้จิง เราสองคนก็ร่วมงานกันอย่างดี” หรงหยังยกน้ำชาอย่างเคารพ ในใจเขารู้ดี หยูจื๋อเฉิงทำงานให้หลินอิ่งนานแล้ว เป็นลูกน้องคนสนิทอย่างแน่นอน
เห็นได้จาก ตั้งแต่จี้ฉงซานกับตัวหยูจื๋อเฉิงไป มีจุดจบที่อนาถขนาดไหน
“น้องหรงเกรงใจแล้ว” หยูจื๋อเฉิงสีหน้ายิ้มแย้ม พูดอย่างถ่อมตัว “เรื่องหลายอย่าง ก็ต้องพึ่งคนของคุณเหมือนกัน”
ทั้งสองทักทายกันอย่างเกรงใจ แล้วยกน้ำชาดื่มเคารพหลินอิ่ง
หลังจากที่หลินอิ่งสั่งงานเรียบร้อย หรงหยังและหยูจื๋อเฉิงก็พากันออกไป ลงไปเตรียมคนให้พร้อม เพื่อไปทำธุระที่เขตหัวหยาง
ติ๊ดติ๊ด
เวลาเดียวกัน มือถือหลินอิ่งมีข้อความเข้า
เขาเอามาดูอย่างสนใจ เป็นข้อความจากฉู่ฉู่ลูกสาวของฉู่สงซาน พวกเขาจัดโต๊ะจีนที่โรงแรมสากลกวงหุย ถามเขาว่ามีเวลาหรือไม่
คนตระกูลฉู่ยังคงเกรงใจมาก หลินอิ่งตอบข้อความ สั่งฮาเดสไปจัดรถ
ครั้งที่แล้วงานเลี้ยงต้อนรับมีเรื่องให้ไม่พอใจกัน หลินอิ่งคิดอยู่ว่าจะเลี้ยงคนตระกูลฉู่ ดีๆสักครั้ง ไปครั้งนี้ก็พอดีเลย
ยี่สิบนาทีผ่านไป
เขตจงเทียน โรงแรมสากลกวงหุย
ที่นี่เป็นโรงแรมสไตล์ตะวันตก เต็มไปด้วยบรรยากาศธุรกิจ ทั่วไปแล้วจะเป็นบุคคลในแวดวงไฮโซตี้จิงที่เข้าออกในนี้
ภายในร้านอาหารตะวันตกชั้นแปด แสงไฟสว่างไสว ภายในห้องอาหารที่ตกแต่งอย่างประณีต ปูด้วยพรมแดง มีทั้งชายหญิงเป็นคู่ๆ
หลินอิ่งพาฮาเดสเข้ามาในร้านอาหาร ขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าตระกูลฉู่จะเลือกกินข้าวที่นี่ ดูเหมือนจะเป็นร้านอาหารสำหรับคู่รัก
หลินอิ่งสั่งให้ฮาเดสไปหาที่กินข้าวเอง แล้วเดินไปตำแหน่งที่นั่งของฉู่ฉู่
“พ่อและลุงของคุณล่ะ?” หลินอิ่งนั่งลงไปอย่างสง่า มองไปที่ฉู่ฉู่ ถามอย่างจริงจัง
วันนี้ฉู่ฉู่ใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำ ให้ความรู้สึกทันสมัยสวยสง่างาม บุคลิกอ่อนโยน
“คุณหลิน คุณมาแล้ว” ฉู่ฉู่มองหลินอิ่งนั่งลงด้วยสีหน้าดีใจ “ออ พ่อและลุงของฉัน พวกเขากลับเตียนหนานไปแล้ว”
“กลับไปแล้ว?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว ถามอย่างสงสัย “นี่มันเรื่องอะไรกัน? คุณอยู่ที่ตี้จิงคนเดียวเหรอ?”