“เกี่ยวอะไรกับฉัน? เหอะเหอะ นายนี่มันกล้าพูดจังเลยนะ?” ซือหม่าเฟิงมองหลินอิ่งและพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“ในตี้จิงยังมีแค่ไม่กี่คนที่กล้าพูดอย่างนี้กับฉัน” ซือหม่าเฟิงจ้องหน้าหลินอิ่งด้วยความเหยียดหยาม “บอกฉันมา ว่านายทำงานบริษัทไหนในตี้จิง เชื่อหรือไม่ ฉันแค่โทรศัพท์นายก็ต้องตกงาน แล้วไสหัวออกจากตี้จิง”
“ใช่ คนระดับล่างที่แม้แต่แต่งตัวยังไม่เป็นเลย ยังกล้ามาแสดงตัว ท้าทายกับพี่เฟิง คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
“ตระกูลซือหม่าเจียงโจวเคยได้ยินไหม? พี่เฟิงของเราเป็นคุณชายตระกูลซือหม่า ฐานะอย่างนายมันเข้าไปในแวดวงไฮโซไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นไม่รู้ใช่ไหม?”
“เห้อ พวกเธอก็ไม่รู้จักดูคนไร้น้ำยาแบบนี้ จะไปรู้เรื่องอะไร? อย่างเก่งก็แค่หัวหน้าในบริษัทเล็กๆ สังคมระดับล่างเท่านั้น”
ชายหญิงที่ติดตามอยู่ข้างกายซือหม่าเฟิง ต่างก็พากันช่วยซือหม่าเฟิงพูด พูดจาเสียดสีหลินอิ่งอย่างไม่เกรงใจ
ใบหน้าของพวกเขาทุกคนต่างก็มีความรู้สึกเหนือกว่า สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ใช่แล้ว คนที่อยู่ข้างกายซือหม่าเฟิงหลายคน ถึงแม้จะเทียบกับฐานะตระกูลหมื่นล้านอย่างตระกูลซือหม่าเฟิงไม่ได้ แต่ว่า ฐานะแต่ละตระกูลก็ไม่ธรรมดา
อย่างน้อย หนุ่มสาวอายุน้อยอย่างพวกเขา ต่างก็ขับรถสปอร์ตราคาแพง
เมื่อเปรียบเทียบแล้ว หลินอิ่งดูแล้วก็เหมือนกับคนสังคมระดับล่างพนักงานเงินเดือนต่ำคนหนึ่งเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมาเปรียบเทียบกับพวกเขา? คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น
“เหอะ ตระกูลซือหม่าเจียงโจว?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจีบ แล้วส่ายหน้า
หลินอิ่งเคยได้ยินชื่อตระกูลซือหม่า ในตระกูลชั้นหนึ่งของตี้จิงถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง ห่างกับมหาตระกูลทั้งห้าแค่ก้าวเดียว รากฐานต่างกันอยู่นิดหน่อย
ตระกูลซือหม่าเป็นตระกูลที่อาศัยตระกูลจ้าว เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลจ้าว
ตี้จิงมีตระกูลมหาเศรษฐีมากมาย นอกจากห้าตระกูลใหญ่ที่อยู่จุดสูงสุด ยังมีตระกูลมหาเศรษฐีชั้นหนึ่งชั้นสองอีกมากมาย
ตระกูลเหล่านี้ถึงจะเทียบกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฉีตระกูลสวีไม่ได้ แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว นั่นก็เหมือนอยู่อย่างตำนาน
เหมือนดั่งตระกูลซือหม่า กิจการของตระกูลมีอยู่ทั่วประเทศ รวมกันแล้วต้องเกินระดับหมื่นล้านแน่นอน ชื่อเสียงโด่งดัง ในตระกูลชั้นหนึ่งแห่งตี้จิงก็ถือว่าโดดเด่นของสมควร
“ทำไม? นายไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลซือหม่าเหรอ? หรือว่านายคิดว่าตระกูลซือหม่าก็งั้นๆ?” ซือหม่าเฟิงมองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา “ดูท่าทางนายมั่นใจขนาดนี้ ใครเป็นคนให้ความมั่นใจกับนายแสดงท่าทางอวดดีได้ขนาดนี้?”
ซือหม่าเฟิงรู้สึกไม่พอใจกับท่าทางของหลินอิ่งมาก
หลังจากที่เขาแสดงฐานะว่าเป็นคุณชายตระกูลซือหม่าแล้ว กลับหัวเราะส่ายหน้าอย่างเย็นชา?
ตลกสิ้นดี ในตี้จิงอันกว้างขวางแห่งนี้ ขอแค่เขาบอกชื่อตระกูลซือหม่าออกไป มีใครบ้างที่ไม่ให้เกียรติเกรงใจ พูดจากอย่างเคารพบ้าง?
แค่ดู ไอ้แซ่หลินคนนี้ก็เป็นแค่เป็นที่ไม่เคยเข้าสังคม อย่างระดับของเขาคงไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อของตระกูลซือหม่า
คิดถึงจุดนี้ ในใจซือหม่าเฟิงสำหรับหลินอิ่งแล้ว ยิ่งดูถูกกว่าเดิมแล้ว
“คุณพูดถูก” หลินอิ่งมองไปที่ซือหม่าเฟิง พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในสายตาผม ไม่มีชื่อตระกูลซือหม่าอยู่จริง”
“อะไร? ในสายตานายไม่มีตระกูลซือหม่า? นายคิดว่านายเป็นใคร?” ซือหม่าเฟิงหัวเราะเย็นชา มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ฉันไม่รู้จริงๆว่าคนไร้ประโยชน์อย่างนาย ทำไมถึงกล้าพูดจาแบบนี้?”
“ฮาฮา ผู้ชายแบบนี้จะโง่เกินไปไหม? ไม่มีตระกูลซือหม่าอยู่ในสายตา? ฉันจะขำตายแล้ว”
“ไอ้ขยะสังคมแบบนี้ฉันเจอมาเยอะแล้ว ตัวเองไร้ความสามารถ ยังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ไม่มีใครในสายตา ความจริงแล้วก็เป็นแค่คนไร้น้ำยา”
จากคำพูดที่หลินอิ่งพูดออกมา พวกซือหม่าเฟิงต่างก็พากันหัวเราพูดจาเหยียดหยาม มองหลินอิ่งเหมือนกำลังมองตัวตลก
ช่างเป็นคำพูดที่ตลกจริงๆ ไม่มีตระกูลซือหม่าในสายตา? นี่เพราะไม่รู้ว่าตระกูลซือหม่าคืออะไรมากกว่ามั้ง? เขาคิดว่าตัวเองเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งตี้จิง?
คนคนหนึ่งจะโง่ได้ขนาดไหน ถึงได้พูดจาตลกได้ถึงเพียงนี้?
“พี่เฟิง ฉันว่าเรียกคนมาจัดการไอ้หน้าโง่นี้หน่อยดีกว่า กล้าไม่เคารพพี่ ต้องสั่งสอนมันสักหน่อย”
“ใช่แล้ว พี่เฟิง ฉันก็คิดแบบนี้ ดูท่าทางหน้าโง่อย่างมัน ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจ ไม่สั่งสอนมันสักหน่อย มันยังไม่รู้จักเจียมตัวว่าตัวเองเป็นใคร”
ผู้ชายร่างใหญ่สองคน พูดแนะนำอยู่ข้างกายซือหม่าเฟิง
“ซือหม่าเฟิง คุณไม่รู้สึกว่าพฤติกรรมของคุณไม่เกินไปแล้วเหรอ? เรื่องของเรา ไม่เกี่ยวกับคุณอยู่แล้ว” ฉู่ฉู่เปิดปากพูด สีหน้าไม่ค่อยพอใจ
สำหรับซือหม่าเฟิงเธอไม่ได้มีความประทับใจอะไรแต่แรกแล้ว แค่เห็นแก่ความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนนักเรียนเลยทักทาย คิดไม่ถึงว่าซือหม่าเฟิงยังฉวยโอกาสมาดูถูกคนอื่น
สมัยตอนอยู่มหาลัย ซือหม่าเฟิงเป็นคุณชายเจ้าสำราญขึ้นชื่อ ตามตื๊อเธอไม่เลิก
ได้ยินฉู่ฉู่พูดประโยคนี้ออกมา ซือหม่าเฟิงสีหน้าแดงก่ำ จ้องหน้าหลินอิ่งสายตาชั่วร้าย ในใจรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
เขารู้สึกว่าฉู่ฉู่กำลังปกป้องไอ้ไร้น้ำยาแซ่หลินคนนี้ เพราะอะไร? ไอ้ขยะคนหนึ่งที่ระดับต่ำต้อยกว่าเขาตั้งไม่รู้กี่เท่า แต่กลับรู้ใจเทพธิดาอย่างฉู่ฉู่ดีกว่าเขา?
“ฉู่ฉู่ เธออย่าโกรธ ฉันเห็นแก่หน้าเธอ ไม่ไปทำร้ายมันจริงๆหรอก คนแบบนี้ไม่คู่ควรที่ฉันจะไปถือสาหรอก ระดับมันต่ำเกินไป นี่ก็เพราะโมโหชั่วขณะ ทนคนไร้มารยาทไร้การศึกษาแบบนี้ไม่ได้ มันไม่รู้แม้แต่มารยาทพื้นฐาน” ซือหม่าเฟิงมองไปที่ฉู่ฉู่ พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพื่อประจบ
“ฉันรู้สึกเสียดายแทนเธอจริงๆ ถ้าหากคบกับผู้ชายไร้น้ำยาแบบ มันน่าเสียดายเกินไป……” ซือหม่าเฟิงพูดสีหน้าเอือมระอา ในแววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
ฉู่ฉู่สีหน้าแดงก่ำ ไม่ได้พูดอะไร ความจริงในใจก็อยากคบกับหลินอิ่ง เสียดายหลินอิ่งไม่ได้ตอบตกลง
“ฉู่ฉู่ ฉันว่า ไอ้ไร้น้ำยาไม่มีความสามารถคนนี้ อีกหน่อยเธอก็อย่างไปมาหาสู่เลย ทำลายฐานะตัวเองเปล่าๆ” ซือหม่าเฟิงพูดอย่างยโส “ฉู่ฉู่ อีกหน่อยเธอมาตี้จิง มีอะไรเดี๋ยวฉันดูแลเอง เรื่องทั่วไปฉันช่วยเธอจัดการได้ทุกอย่าง”
“นี่คือนามบัตรของฉัน ฉันรอเธอโทรมาเสมอ”
พูดไป ซือหม่าเฟิงสีหน้ายิ้มแย้ม ยื่นนามบัตรเหลี่ยมทองคำใบหนึ่งไปให้
ตำแหน่งบนนามบัตรของเขา เป็นประธานกรรมการบริษัทซือหม่าตี้จิง
บริษัทซือหม่าแห่งตี้จิง ลำดับในห้าร้อยของโลก เกี่ยวข้องกิจการต่างๆนานา เน้นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ชื่อเสียงโด่งดัง ฉู่ฉู่ น่าจะเคยได้ยิน
“เอาอย่างนี้ ฉู่ฉู่ พอดีฉันจัดงานปาร์ตี้ เธอจะไปร่วมงานกับฉันไหม? ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนนักเรียนเก่า พูดคุยกันหน่อย ฉันแนะนำธุรกิจในตี้จิงให้เธอหน่อย อีกหน่อยมีเวลาทุกคนก็ติดต่อกันบ่อยๆ” ซือหม่าเฟิงเชิญด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม