“นี่ นี่มันอะไรกัน? ไอ้แซ่หลินสามารถมีเงินหมุนเวียนได้ถึงพันล้านอย่างง่ายดาย? ดูยังไงก็ไม่เหมือน”
“คุณชายเฟิง มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า? กับคนแบบนี้เนี่ยนะ เอาเงินพันล้านออกมาได้?”
คนในงาน ต่างก็พากันตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน
โอ้พระเจ้า สั่งบอดี้การ์ดทุบทำลายรถหรูนาฬิกาหรูระดับโลกของซือหม่าเฟิงพังหมด ไม่ลังเลแม้แต่น้อยก็โยนการ์ดออกไปชดใช้เงิน?
ชายหนุ่มผู้ลึกลับแซ่หลินคนนี้ ตั้งแต่ต้นจนปลายไม่มีคำไหนไม่จริงเลย เหมือนในสายตาเขา ของสะสมที่ซือหม่าเฟิงภูมิใจนั้น ไม่มีค่าแม้แต่น้อย?
เพราะว่าชอบความรู้สึกสะใจในการทุบทำลาย อยู่ๆก็เอาของที่มีมูลค่าพันล้าน ของมีค่าที่หลายคนต้องพยายามทั้งชาติยังหาไม่ได้ ทุบทำลายจนหมด?
นี่มันช่างไร้ความเป็นมนุษย์จริงๆ
ตอนแรกพวกเขายังรู้สึกว่า เด็กหนุ่มแซ่หลินนี่ถึงมีอำนาจในต่างจังหวัดมากมายแค่ไหน ในตี้จิงแห่งนี้ก็สู้ซือหม่าเฟิงไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว สถานการณ์ก็ไม่แน่นอน
ราศีที่ชายหนุ่มผู้ลึกลับคนนี้แสดงออกมานั้น มันกดทับซือหม่าเฟิงไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่ พ้นห้าร้อยล้าน บอกว่าโอนก็โอน?”
ซือหม่าเฟิงมองข้อความเงินเข้าในมือถือของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ สมองว่างเปล่าไปทันที
แม่งเอ้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ตอนแรกคิดว่าผู้ชายแซ่หลินที่อยู่ข้างฉู่ฉู่คนนี้ เป็นแค่พนักงานเงินเดือนของสังคมระดับล่าง ไม่สามารถมาเทียบเคียงระดับกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย
ปรากฏว่า เขาไม่เพียงแค่ทุกทำลายรถหรูนาฬิกาหรูที่เขาภูมิใจ ยังโยนการ์ดชดใช้เงินพันห้าร้อยล้านแค่คำพูดเดียว?
คนคนหนึ่งต้องรวยแค่ไหน ถึงจะโยนเงินสดหมุนเวียนออกมาเล่นแบบนี้ได้ตามใจชอบ?
เหมือนดั่งที่หลินอิ่งพูด รถหรูนาฬิกาหรูพวกนี้ ในสายตาเขามันไร้ค่า?
โดยเฉพาะ ไอ้ขยะแซ่หลินนี่? มันมีการ์ดดำสุพรีมของธนาคารเสว่หลงหนึ่งใบ?
เป็นไปได้ยังไง?
ต้องรู้ว่า ตอนนั้นที่พ่อของซือหม่าเฟิงได้การ์ดใบนี้มา นั่นเป็นเพราะว่าได้รับการยอมรับจากตระกูลฉี ตระกูลซือหม่าทั้งตระกูลไม่รู้ว่าพยายามกันแค่ไหน ทุ่มเทไปมาแค่ไหน
เพราะว่า การ์ดใบนี้ไม่เพียงแค่มีอำนาจในการหมุนเวียนเงินสด ยิ่งไปกว่านั้นมันหมายถึงฐานะอันแข็งแกร่ง เสมือนกับบัตรผ่านในแวดวงไฮโซระดับสูงในตี้จิง
นี่คือบัตรปกป้องใบหนึ่งที่ตระกูลฉีออกให้
คนระดับนี้ใครจะไปกล้าสร้างความขุ่นเคือง นั่นก็เท่ากับว่ามีปัญหากับตระกูลฉีแห่งตี้จิง?
ต้องรู้ว่า ตระกูลซือหม่าในตี้จิง นั่นก็ต้องใช้ชีวิตโดยต้องดูสีหน้าตระกูลฉี
“แก แกเป็นใครกันแน่? แกมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลฉีแห่งตี้จิง?” ซือหม่าเฟิงสีหน้าตื่นเต้น จ้องหน้าหลินอิ่งแล้วถาม
ได้ยินแล้ว หลินอิ่งส่ายหน้า หัวเราะเย็นชา
“จนถึงขั้นนี้แล้ว ยังถามว่าผมเป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลฉี? ในสมองของนายมีแต่ขี้ใช่ไหม?” หลินอิ่งพูดและหัวเราะเย็นชา “คนที่ตระกูลซือหม่าอบรมสั่งสอนมา ตาไร้แววขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แก แกว่าใครสมองมีแต่ขี้? แม่งเอ้ย วันนี้ไม่ว่าแกเป็นใคร ไม่จัดการไอ้ขยะอย่างแก แกยังคิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหน?”
“ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร เอาตระกูลฉีมาอ้างก็ไม่มีประโยชน์”
ซื่อหม่าเฟิงตะโกนอย่างโมโห รู้สึกว่าตัวเองถูกเหยียบหยามอย่างรุนแรง ในสถานการณ์ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ถูกหลินอิ่งดูถูกเหยียดหยามแบบนี้
“จัดการมัน…….”
“ซือหม่าเฟิง ยืนไปฝั่งโน้น แกรนหาที่ตายใช่ไหม?”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากประตู เสียงอันน่าเกรงขามทำให้ซือหม่าเฟิงตัวสั่น
เห็นเพียง เห็นเพียงชายวัยกลางคนในชุดสูทสีมืดคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตู ข้างกายมีบอดี้การ์ดหนุ่มคนหนึ่ง
“หา? นี่ นี่มันซือหม่าเฟยวู่ ท่านประธานซือหม่า?”
“พ่อของคุณชายเฟิงมาแล้ว ……ประธานซือหม่าท่านนี้ เป็นถือหัวหน้าตระกูลซือหม่า เป็นผู้มีอำนาจที่แค่กระทืบเท้า ตี้จิงก็ต้องสะเทือนแล้ว”
“แต่ว่า ทำไมประธานซือหม่าถึงต่อว่าคุณชายเฟิงล่ะ? หรือว่า พ่อคุณชายเฟิงไม่ได้มาเพื่อช่วยเขา?”
จากที่ชายวัยกลางคนเข้ามา ผู้คนที่ดูอยู่ต่างก็พากันส่งเสียงตะลึง สีหน้าตกใจกันหมด
“พ่อ ทำไมพ่อถึงมาเร็วขนาดนี้?” ซือหม่าเฟิงมองซือหม่าเฟยวู่ด้วยความดีใจ
เพี๊ยะ
ซือหม่าเฟยวู่เดินเข้าไปก็ตบหน้าทันที ตอบไปที่หน้าของซือหม่าเฟิงอย่างแรง จนหน้าของเขามีรอยฝ่ามืออันชัดเจน
“หุบปากเดี๋ยวนี้ ยืนไปทางโน้น ที่นี่ยังไม่มีสิทธิ์ให้แกพูด” ซือหม่าเฟยวู่สีหน้าโมโหที่สั่งสอนลูกได้ไม่ดี จ้องหน้าซือหม่าเฟิงด้วยความโกรธ
“หา? พ่อ พ่อตบหน้าผมทำไม?” ซือหม่าเฟิงสีหน้าตกใจ ถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“ตบแก? ฉันไม่ตบแก แกอยากกลับไปรับโทษของตระกูลจากนายท่าน ลบชื่อออกจากวงศ์ตระกูลใช่ไหม?” ซือหม่าเฟยวู่ด่าซือหม่าเฟิงด้วยความโมโห
ซือหม่าเฟิงตกใจจนถอยหลังออกไปหลายก้าว ไม่กล้าเถียงพ่อของเขาแม้แต่น้อย
“ไอ้ลูกไม่รักดี ไอ้ตัวไม่มีตา คุณชายอิ่งเป็นคนที่แกหาเรื่องได้เหรอ? ยังกล้าต่อปากต่อคำกับคุณชายอิ่ง?” ซือหม่าเฟยวู่ดึงตัวซือหม่าเฟิงมาทั้งแตะทั้งถีบ ลงมือหนักมาก ทำเอาซือหม่าเฟิงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ
หลังจากซ้อมไปยกหนึ่งแล้ว ซือหม่าเฟิงก็เหงื่อเต็มหน้า มองไปที่หลินอิ่งด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก้มหน้าอย่างเคารพ
“คุณชายอิ่ง ขอโทษด้วย ผมสั่งสอนได้ไม่ดี ถึงสั่งสอนไอ้ลูกไม่รักดีแบบนี้ ไอ้หน้าโง่นี่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ทำให้ท่านขุ่นเคือง หวังว่าท่านจะให้อภัย ไม่ถือสากับไอ้ลูกโง่คนนี้” ซือหม่าเฟยวู่ท่าทางถ่อมตัว พูดด้วยน้ำเสียงเคารพ
ต่อหน้าหลินอิ่ง หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างมาก แรงจนขึ้นมาถึงลำคอแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับรายงานจากผู้จัดการโรงแรม บอกว่าลูกชายของเขามีเรื่องกับชายลึกลับที่ถือการ์ดดำสุพรีมของตระกูลฉี วันนี้คงต้องเกิดเรื่องใหญ่จนฟ้าทะลุแน่นอน
คุณชายอิ่งเป็นคนระดับไหน? นั่นมันเหมือนดังเทพแห่งมังกรที่บินเหินฟ้า เป็นคนในตำนานตี้จิงที่ไม่มีใครเทียบได้
แค่ระดับตระกูลซือหม่า เขาพูดคำเดียวก็ทำลายล้างได้ทันที
เขาซือหม่าเฟยวู่ ล้วนเป็นเพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหยูจื๋อเฉิง ถึงได้พิมตระกูลสูงศักดิ์อย่างตระกุลฉี มีโอกาสได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหลินอิ่ง
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย มองซือหม่าเฟยวู่ด้วยหน้าตาเรียบเฉย พูดว่า “คุณรู้จักผม?”
“คุณชายอิ่ง ผมคือซือหม่าเฟยวู่ของตระกูลซือหม่า เป็นเพื่อนของหยูจื๋อเฉิง ผมก็มีการร่วมงานกับกิจการในนามของคุณชายอิ่ง ฐานะของท่าน อาจจะไม่รู้จักคนเล็กๆอย่างผม” ซือหม่าเฟยวู่พูดอย่างประจบ “ผมก็โชคดีที่มีโอกาสเคยเห็นหน้าคุณชายอิ่ง ก็เลยรู้จัก”
“ออ? เพื่อนของหยูจื๋อเฉิง?” หลินอิ่งรู้สึกสนใจ จำได้แล้ว หยูจื๋อเฉิงช่วยเขาดูแลกิจการในตี้จิง เหมือนเคยร่วมงานอย่างสำคัญกับตระกูลซือหม่า
“พ่อ? ทำไมพ่อต้องเคารพไอ้เด็กนี่ขนาดนี้? มันทุบทำลายรถสะสมของผมตั้งมากมาย เหยียดหยามศักดิ์ศรีตระกูลซือหม่าของเราชัดๆ” ซือหม่าเฟิงสีหน้าไม่พอใจ พูดอย่างไม่เข้าใจ
เพี๊ยะเพี๊ยะ
ซือหม่าเฟยวู่ได้ยินคำพูดนี้ โมโหจนลุกเป็นไฟ เดินเข้าไปก็ตบหน้าของซือหม่าเฟิงสองครั้ง
“สัตว์เดรัจฉาน แกยังไม่รีบคุกเข่าให้คุณชายอิ่งอีก? กล้าพูดอะไรไปเลื่อยอีก วันนี้ฉันต้องฆ่าลูกเพื่อความถูกต้องแน่”