“ฮัลโหล? พี่ชาย หนูคือชิวอวี่ ช่วงนี้อยู่ที่ตี้จิง”
ทางโทรศัพท์ เป็นเสียงหวานของกงซุนชิวอวี่ที่ดังมา
“ออ? เรื่องของพ่อเธอทางโน้นจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“ต้องขอบคุณที่พี่ช่วยเหลือครั้งที่แล้ว รักษานายท่านให้หาย ตอนนี้ เรื่องภายในตระกูลกงซุนก็จัดการได้พอประมาณแล้ว” กงซุนชิวอวี่พูด “เพราะฉะนั้น หนูถูกพ่อส่งมาที่ตี้จิง”
“ใช่แล้ว พี่ หนูได้รับข่าวที่มณฑลเกาหยาง ได้ยินว่าพี่กับตระกูลสวีในตี้จิงกำลังแข่งขันกัน หนูยังได้ยินข่าวเรื่องคุณตาป่วยหนัก ข่าวลือข้างนอกฟังน่าตกใจ ครั้งที่แล้วหนูอยากไปเยี่ยมคุณตาที่จื่อหลงซาน ถูกขวางไว้ข้างนอก ตอนนี้อาการของคุณตาเป็นยังไงบ้าง?” กงซุนชิวอวี่พูดอย่างกังวล
“ไม่เป็นไร เรื่องพวกนี้เธอไม่ต้องห่วง ตอนนี้ร่างกายนายท่านมีมาก” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“ออ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่มีเวลาว่างไหม ครั้งหน้าพี่พาหนูไปเยี่ยมคุณตาที่จื่อหลงซานนะ หนูคนเดียวไม่มีสิทธิ์เข้าไปในสถานพยาบาลทหาร” กงซุนชิวอวี่พูด
“อืม เดี๋ยวพี่จะหาเวลาแล้วโทรหาเธอละกัน” หลินอิ่งรับปาก
“ได้ค่ะ” พูดถึงตรงนี้ กงซุนชิวอวี่ก็เปลี่ยนเรื่อง “ถ้าอย่างนั้น พี่ชาย หนูไปหาพี่ที่เมืองเทียนหลงตอนนี้ได้ไหม? หนูมีเรื่องจะให้พี่ช่วย”
หลินอิ่งยกน้ำชาขึ้นดื่ม คนที่เห็นว่ากงซุนชิวอวี่โทรมา เขาก็เดาออกแล้วว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับกงซุนชิวอวี่แน่นอน
คาดว่าคงเพราะตระกูลกงซุนแบกรับแรงกดดันนี้ไม่ไหว ถึงให้กงซุนชิวอวี่มาพูดกับเขา
“ชิวอวี่ มีเรื่องอะไรก็พูดตามตรง” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“คืออย่างนี้ พี่ ทางด้านนายท่านบ้านหนูมีคำพูดให้หนูมาบอกกับพี่ บอกว่าพี่ปล่อยตัวกงซุนสือได้ไหม ไว้ชีวิตให้เขาครบสามสิบสองส่วน” กงซุนชิวอวี่พูดอย่างระมัดระวัง
“ให้ครบสามสิบสอง?” หลินอิ่งหัวเราะ คำพูดที่นายท่านตระกูลกงซุนฝากมา
ตระกูลกงซุนยังถือว่ารู้ตัว ไม่ได้ขออะไรมากเกินไป หวังแค่เขาอย่างทำกงซุนสือพิการ
“พี่ชายไว้หน้ากันสักครั้งได้ไหม?” กงซุนชิวอวี่น้ำเสียงอ่อนโยน พูดอย่างอ้อนวอน
“พี่ กงซุนสือเขาไม่รู้ฐานะของพี่ ก็เลยยโสโอหัง หนูรู้นิสัยพี่ชายคนนี้ดี ความจริงเขาขี้ขลาดมาก ครั้งนี้รู้ว่าพี่เก่งแค่ไหนแล้ว จากนี้ไปต้องไม่กล้าไปหาเรื่องพี่อีกแน่นอน” กงซุนชิวอวี่พูดขอร้อง
“เรื่องของกงซุนสือ พี่จะจัดการเอง” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
หลินอิ่งก็ไม่ได้คิดจะไปเอาความกับคนอย่างกงซุนสือ
เขาก็อยากดูว่าพวกผู้ใหญ่ของตระกูลกงซุน กงซุนเฟยหงพ่อของกงซุนสือว่าจะมีทัศนคติอะไร
ครั้งที่แล้วส่งคนมาฆ่าเขาถึงมณฑลตงไห่ เขาหักขาของกงซุนเฟยเจี้ยนไป บัญชีนี้ยังไม่ทันได้ชำระ
กงซุนสือเป็นแค่คุณชายเจ้าสำราญที่ไม่มีอะไรสำคัญเลย ตอนนี้ สั่งสอนเขาเสร็จ ปล่อยตัวก็ไม่เป็นไร
“ได้ค่ะ พี่ พี่รอหนูสักครู่ รถของหนูใกล้ถึงเมืองเทียนหลงแล้ว เจอกันอีกสิบนาที” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยเสียงหวาน
วางสายแล้ว หลินอิ่งวางโทรศัพท์ กินข้างต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉู่นั่งมองหลินอิ่งอยู่ด้านข้าง ก้มหน้ากินข้าว คิดอะไรในใจ
“คุณหลิน เมื่อกี้น้องสาวคุณโทรมาเหรอคะ?” ฉู่ฉู่ถามอย่างระมัดระวัง
หลินอิ่งมองฉู่ฉู่ทีหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย “ใช่”
“ออ รู้แล้ว คุณหลิน ถ้าอย่างนั้นน้องสาวคุณคงน่ารักมาก ฟังเสียงแล้วดูเหมือนยังเด็กมาก” ฉู่ฉู่เริ่มบทสนทนา ตามต่อ
“ก็ไม่หรอก เธอกับคุณอายุน่าจะใกล้เคียงกัน” หลินอิ่งตอบเสียงเรียบ “เดี๋ยวเธอก็มาถึง พวกคุณอายุไล่เลี่ยกัน รู้จักกันไว้ได้”
“อืม” ฉู่ฉู่พยักหน้า สายตาเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
เท่าที่เขาดูแล้ว ปกติคุณหลินเป็นคนเย็นชา ข้างกายแทบไม่มีเพศตรงห้ามอยู่เลย
แต่ดูแล้ว คุณหลินกับน้องสาวคนนี้ดูเหมือนความสัมพันธ์จะดีพอสมควร คุยกันอย่างเป็นกันเอง
โดยเฉพาะ น้องสาวกงซุนคนนี้รู้จักคุณหลินก่อนเธอ ในใจฉู่ฉู่ต้องอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้
สิบนาทีผ่านไป
รถไมบัคคันหนึ่งจอดอยู่หน้าร้านอาหาร คนขับรถสาวเปิดประตูรถ กงซุนชิวอวี่ลงจากรถ เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม
เธอใส่กระโปรงยาวสีครีมดูบุคลิกสง่างาม ใส่แว่นตาขอบทอง ดูแล้วสวยหรูดูสง่า เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความงาม
“พี่ชาย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่มากเลย” หลังจากกงซุนชิวอวี่เดินเข้ามา เดินเข้าไปทักทายหลินอิ่งสีหน้ายิ้มแย้ม “ช่วงนี้สบายดีไหม?”
หลินอิ่งพยักหน้า พูดว่า “สบายดี”
“ชิวอวี่ เธอมาแล้วเหรอ พี่ถูกเขาแขวนตัวซ้อมตี รีบช่วยพี่พูดขอร้องหน่อย”
ขณะที่ทั้งสองทักทายกัน กงซุนสือก็ตะโกนเสียงดัง เหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิตมาถึง
กงซุนชิวอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไป เห็นแค่กงซุนสือและเจิ้งหยวนเป่าถูกมัดแขนไว้ แขวนไว้กลางอากาศ รอบด้านยืนเต็มไปด้วยชายหนุ่มชุดสูทสีหน้าเคร่งขรึม
พวกเขาสองคน เต็มไปด้วยรอบบอบช้ำ หน้าก็ถูกตบจนบวม ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูโทรมไปหมด
ถ้าหากไม่ได้ใส่เสื้อยี่ห้อทั้งตัว ใส่นาฬิกาหรูราคาระดับสิบล้าน ทั้งสองคนก็เหมือนกับขอทานข้างถนนไม่มีผิด
“พี่ นี่พี่ทำอะไรกันเนี่ย?” กงซุนชิวอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตารังเกียจ
เป็นพี่ชายเหมือนกัน อายุก็ไล่เลี่ยกัน ต่างก็เกิดในห้าวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งตี้จิงเหมือนกัน
ทำไม ระหว่างพี่ชายกงซุนสือกับพี่ชายหลินอิ่ง ถึงได้แตกต่างกันมากขนาดนี้?
แล้วก็เจิ้งหยวนเป่าคนนั้น เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกกับกงซุนสือไปวันๆ คุณชายเจ้าสำราญตัวจริง ตอนนั้นคนในตระกูลยังจะจับคู่เธอให้แต่งงานกับเจิ้งหยวนเป่า?
ยังดีที่มีพี่ชาย ตอนนั้นไปที่มณฑลเกาหยางรอบหนึ่ง ซ้อมเจิ้งหยวนเป่าจนเกือบตาย ถึงทำให้เรื่องงานแต่งนี้จนวุ่นวาย
“พี่ทำยังไงเหรอ? เห้อ ชิวอวี่ นี่ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น เธอ เธอต้องช่วยพี่ขอร้องหน่อยนะ พี่ทำผิดไปแล้ว” กงซุนสือพูดขอร้อง ถูกแขวนอยู่กลางอากาศ พูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ
เรื่องนี้เขารนหาที่เอง ไปพูดจาเสียดสีหลินอิ่งเองก่อน ปรากฏว่าถูกซ้อมจนต้องให้น้องสาวมาช่วยพูดขอร้อง ยังต้องขอโทษ
อับอายขายหน้าไปหมดแล้ว
แต่โชคดี แม่ของกงซุนชิวอวี่เป็นลูกบุญธรรมของนายท่านตระกูลฉี น้องสาวกับหลินอิ่งก็มีความสัมพันธ์เป็นญาติกัน ยังสามารถพูดจากันได้ ไม่อย่างนั้น วันนี้คงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่
“หนูช่วยพี่พูดดูละกัน ว่าทางพี่หนูเขาจะอภัยให้ไหม ยังต้องดูพฤติกรรมยอมรับผิดของพี่ด้วย” กงซุนชิวอวี่ขมวดคิ้วพูด ยิ่งดูยิ่งรู้สึกกงซุนสือไม่เอาไหน ทำให้ตระกูลกงซุนต้องอับอายขายหน้า
“อันนั้น ชิวอวี่ คุณช่วยผมขอร้องหน่อยนะ ช่วยพูดกับคุณชายอิ่งหน่อย…….” เจิ้งหยวนเป่าสีหน้าประจบพูดจาขอร้อง
ก่อนหน้านี้เจิ้งหยวนเป่ายังไม่ยอมหลินอิ่ง แต่พอรู้ว่าเขาเป็นคุณชายอิ่งแล้ว ก็ตกใจจนขี้ขลาดหมดแล้ว ในใจไม่มีความกล้าที่จะไปท้าทายกับหลินอิ่งแล้ว ขอแค่ให้ผ่านด่านนี้ไปก่อน ศักดิ์ศรีอะไรก็ปล่อยไปก่อน