“ผู้อาวุโส คำสั่งของท่านทุกอย่าง ขอให้ท่านสั่ง ผมจะทำสุดความสามารถทุกอย่าง” นิ่งซวนไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอบอย่างจริงจัง
นิ่งซวนเอาชีวิตเดิมพันไว้บนตัวหลินอิ่งตั้งนานแล้ว สำหรับเขาแล้ว คำพูดของหลินอิ่ง สำคัญยิ่งกว่าคำพูดของพระเจ้าอีก
ต้องรู้ว่า ถ้าหากไม่ใช่หลินอิ่งเป็นคนค้ำชูเขา เขานิ่งซวนยังเป็นแค่ประธานบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งในมณฑลตงไห่เท่านั้น แต่ไม่ได้เหมือนกับตอนนี้ ที่เป็นถึงผู้มีอำนาจสูงส่งในตี้จิง
เห็นนิ่งซวนตอบรับอย่างไม่ลังเล หลินอิ่งพยักหน้า
ดูแล้ว หลังจากระยะเวลาที่นิ่งซวนควบคุมอำนาจในตระกูลนิ่งแล้ว ผ่านการฝึกฝนมา ได้มีบุคลิกในการเป็นผู้นำที่มีอำนาจแล้ว
“นิ่งซวน ผมแค่มีขอให้ทำสองเรื่องต่อคุณ ข้อที่หนึ่ง ทุ่มทุนทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ต้องคำนึงถึงความเสียหาย ถีบตระกูลสวีและชีซิงกรุ๊ปออกไป ข้อที่สอง เอาส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดจากเมืองเทียนหลงแห่งนี้มาให้ได้” หลินอิ่งพูดอย่างใจเย็น
“ด้านเงินทุน ทางตระกูลนิ่งคุณหมุนเวียนได้เต็มที่ อีกอย่าง ผมจะให้ทีมงานธุรกิจประสานงานกับคุณ เงินทุนของตระกูลฉีก็มอบอำนาจให้คุณจัดการทั้งหมด” หลินอิ่งมองนิ่งซวนอย่างนิ่งเฉย พูดอย่างจริงจัง
เส้นทางเงินทุนของเขา ครั้งที่แล้วที่เมืองก่างระดมไปใช้มากเกินไป บวกกับทางด้านตี้จิงที่ต้องแข่งขันกับทุกกิจการของชีซิงกรุ๊ป หมุนเวียนได้ยาก จึงต้องหมุนเวียนมาจากเมืองก่างและตงไห่
ได้ยินแล้ว นิ่งซวนสีหน้าเคร่งเครียด อารมณ์ความรู้สึกตื่นเต้น พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ผู้อาวุโส ท่านวางใจ ผมจะจัดการทุกอย่างให้อย่างดี ไม่ให้ท่านผิดหวังที่เชื่อใจ” นิ่งซวนพยักงานจริงจัง
เมื่อได้ยินว่าหลินอิ่งมอบอำนาจทรัพย์สินทุกอย่างให้กับเขา ในใจนิ่งซวนก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
ต้องรู้ว่า ทรัพย์สมบัติของประธานหลิน นั่นมันเป็นทรัพย์สินที่เทียบเคียงกับประเทศได้เลย ลำพังในตี้จิงก็มีตระกูลฉีกับตระกูลนิ่ง บวกกับประธานหลินยังมีอาณาจักรธุรกิจของหลินซื่อในเมืองก่าง
ทั้งหมดรวมกันแล้ว เงินสดหมุนเวียนนั้นไม่อาจคำนวณได้
หน้าที่อันใหญ่หลวงเช่นนี้ ประธานกลับเชื่อใจที่จะมอบหมายให้เขารับผิดชอบทั้งหมด
นิ่งซวนมีความรู้สึกซาบซึ้งปลาบปลื้ม บนโลกนี้ ไม่ได้มีกี่คนนักที่จะมีความเด็ดขาดอย่างประธานหลิน
“ได้ กลับไปแล้วคุณก็จัดคนของตระกูลนิ่งเข้ามาในเมืองเทียนหลงทันทีเลย ย้ายมาที่อาคารสำนักงานของเมืองเทียนหลง” หลินอิ่งพูด “เรื่องในด้านธุรกิจมอบหมายให้คุณทั้งหมด อีกไม่กี่วันสมาคมธุรกิจตี้จิงจะจัดการประชุมเมืองเทียนหลง ผมจะไปประชุมด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น คุณต้องจัดเตรียมให้ผมเรียบร้อยทุกอย่าง”
ระยะนี้ งานประชุมสุดเมืองเทียนหลงของสมาคมธุรกิจตี้จิง ก็คือเวลาสุดท้ายที่ทุกคนจะเอาสิ่งที่ตัวเองมีมาประลองกันแล้ว
ถึงเวลาประชุม ในมือก็ต้องมีแต้มพอเพียงที่จะเอาออกมาโชว์
“ผู้อาวุโส ท่านวางใจ ธุรกิจเมืองเทียนหลงจะไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆแน่นอน” นิ่งซวนพูดอย่างหนักแน่น
หลินอิ่งพยักหน้า สั่งงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลุกเดินออกไป นิ่งซวนก็เดินตามไป
เดินออกจากห้องรับรอง ภายในร้านอาหาร กงซุนชิวอวี่กับฉู่ฉู่ผู้หญิงสองคนคุยกันอย่างสนุก พูดไปหัวเราะไป เหมือนคุยกันถูกคอ
“พี่ พี่คุยธุระเสร็จแล้วเหรอ?” กงซุนชิวอวี่มองไปที่หลินอิ่ง ถามอย่างยิ้มแย้ม
หลินอิ่งพยักหน้า เอียงหน้าไปส่งสายตาให้นิ่งซวน นิ่งซวนโบกมือเรียกบอดี้การ์ดตระกูลนิ่งทั้งทีม เดินออกจากร้านอาหาร ไปทำงานสำคัญแล้ว
“คุณหลิน เมื่อกี้ฉันฟังชิวอวี่บอกว่า ในเมืองเทียนหลงมีงานประมูลแวดวงไฮโซที่น่าสนุก ฉันว่าจะไปดูกับชิวอวี่หน่อย คุณมีเวลาไปด้วยกันไหม?” ฉู่ฉู่ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“งานประมูลแวดวงไฮโซ?” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่กงซุนชิวอวี่ ไม่รู้ว่านางเด็กนี่คิดจะทำอะไรอีก
กงซุนชิวอวี่ยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “พี่ เป็นงานประมูลแวดวงไฮโซที่จัดในอาคารประมูลเลคอาร์ตใกล้ๆนี้ ถือว่าเป็นงานเลี้ยงเพื่อการกุศล มีเหล่าไฮโซในตี้จิงมากมายเข้าร่วมงาน เมื่อกี้เพื่อนสนิทของหนูคนหนึ่งส่งคำเชิญมา”
“พี่ งานประมูลนี้จัดขึ้นในเมืองเทียนหลง ทุกคนต่างก็ทำการกุศล ก็เพื่อเอาเงินสร้างชื่อเสียงที่ดี” กงซุนชิวอวี่พูดอย่างจริงจัง “สร้างชื่อเสียงที่ดี บริจาคให้กับองค์กรการกุศลในเมืองเทียนหลง มันจะเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการทำธุรกิจในเมืองเทียนหลงในอนาคตนะ”
“อีกอย่าง หนูได้ยินว่าคนของชีซิงกรุ๊ป ช่วงนี้ซื้อใจคนในเมืองเทียนหลงตลอดเลย เข้าร่วมงานการกุศลต่างๆนานา ใช้เงินไปไม่น้อย ชื่อเสียงพื้นฐานค่อนข้างดี” กงซุนชิวอวี่ตั้งใจบอกข่าวนี้
หลินอิ่งสนใจ พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปสักรอบ ทำการกุศลตอบแทนสังคมก็เป็นเรื่องที่ดี”
คำพูดของกงซุนชิวอวี่ก็ถือว่าทำให้หลินอิ่งตื่น
ในตี้จิง ชื่อเสียงของคุณชายอิ่ง ล้วนทำให้ผู้คนที่ได้ยินสะพรึงกลัว
ทำธุรกิจ ลำพังแค่ความน่าเกรงขาม ทำให้คนหวาดกลัว นั่นมันก็ไม่ได้
มีเวลาว่างพอดี ก็ไปเดินดูในงานเลี้ยงการกุศลสักหน่อย
“ได้เลย”
กงซุนชิวอวี่พูดอย่างพอใจ กอดแขนฉู่ฉู่เดินออกจากร้านอาหาร
…….
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ฮาเดสขับรถมาถึงหน้าอาคารที่ตกแต่งในแบบโบราณ
หลังลงจากรถ หลินอิ่งก็เดินนำเข้าไปในอาคาร ฮาเดสเดินตามอย่างเคารพ กงซุนชิวอวี่และผู้หญิงสองคนเดินตามกันเคียงข้างกัน
หลินอิ่งมองกงซุนชิวอวี่อย่างสนใจ
เขาพบว่า เด็กคนรู้เข้าหาคนเก่งจริงๆ เวลาไม่นานก็ตีสนิทกับฉู่ฉู่แล้ว
นี่อาจจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงด้วยกันมีเรื่องให้พูดมากมายกระมัง
“ทุกท่าน ในอาคารของเรามีการจัดงานเลี้ยง กรุณาแสดงบัตรเชิญของพวกท่านด้วย”
เมื่อหลินอิ่งเดินไปถึงหน้าประตู ก็มีพนักงานต้อนรับหญิงเสื้อสูทสองคน ขวางพวกเขาไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ออ? ต้องมีบัตรเชิญด้วยเหรอ? เอาอย่างนี้ พวกคุณรอก่อน ฉันโทรเรียกเพื่อนของฉันมา” กงซุนชิวอวี่ลังเลอยู่สักพัก พูดกับพนักงานต้อนรับอย่างจริงจัง
พูดไปด้วย กงซุนชิวอวี่ก็กดเบอร์โทรออก
“พี่ ขอโทษด้วย พวกเราคงต้องรอที่นี่สักพัก เพื่อนของหนูไม่รับโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร งานเลี้ยงการกุศลครั้งนี้ตระกูลเขาเป็นคนจัดขึ้นมา” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยสีหน้าขอโทษ
“ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรอยู่ ในมือหนูมีบัตรเชิญแค่ใบเดียว ต้องรอเธอออกมา พี่รอสักสองนาทีนะ” กงซุนชิวอวี่พูดอย่างระมัดระวัง
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย “รอสองนาทีไม่เป็นไร”
ตุ๊ดตุ๊ดตุ๊ด
เวลาเดียวกัน รถLamborghiniคันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าประตู บอดี้การ์ดชุดสูทเปิดประตูรถ ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดคนหนึ่งเดินลงมา ใส่เสื้อเชิ้ตลวดลายฉูดฉาด เดินเข้ามาอย่างมั่นใจ
“คุณชายสวุ่ มาแล้วเหรอคะ?”
“คุณชายสวุ่ คุณเป็นแขกคนสำคัญของงานเลี้ยงวันนี้เลย เชิญทางนี้ค่ะ”
พอชายหนุ่มลงจากรถ พนักงานหญิงสองคนก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม
“เชิญด้านใน? พวกคุณทำงานกันยังไง? งานสำคัญแบบนี้ ยังให้คนยืนขวางอยู่ที่หน้าประตู? ทำงานกันยังไง? มองแล้วก็ขวางหูขวางตา” ชายหนุ่มพูดอย่างรำคาญ จ้องหลินอิ่งด้วยสายตาไม่พอใจ