“คุณชายใหญ่ คุณพูดเรื่องราวใหญ่โตอะไร?” จ้าวหงหยังสีหน้าตื่นเต้น เวลาเดียวกันก็แดงเล็กน้อย
“นี่? นี่มันคุณชายใหญ่ตระกูลจ้าวมาแล้ว? แล้วก็คุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวด้วย? เรื่องอะไรถึงทำให้สองคนนี้ต้องมาด้วยตัวเอง?”
“ไม่รู้เหมือนกัน นี่ สองคนนี้เป็นถือหน้าตาของตระกูลจ้าวเลย……”
“หรือว่า? คนนั้นจะเป็นคุณชายอิ่งจริง?”
ทันใดนั้น คนในงานต่างก็ตกใจกัน รู้สึกว่าเหตุการณ์จะไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด
ส่วนจ้าวหงหยัง สีหน้าหดหู่สุดขีด ท่ามกลางผู้คนมากมาย ถูกหลานของตัวเองต่อว่า ทำให้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จ้าวเฉิงเฉียนฐานะสูงส่งภายในตระกูลจ้าว อยู่รองจากเพียงท่านปูและแม่เฒ่าตระกูลจ้าวเท่านั้น เทียบกับเขาแล้วมันคนละระดับกันเลย
ยังได้ยินว่า อำนาจข้างนอกของคุณชายจ้าวเอง ก็ไม่น้อยไปกว่าตระกูลจ้าว
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอาของจ้าวเฉิงเฉียน ก็ต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างระมัดระวัง
“อาหก อาเป็นผู้ใหญ่ อย่างอื่น ผมก็ไม่พูดมากแล้ว ที่นี่ให้ผมเป็นคนจัดการเอง อาถอยไปได้” จ้าวเฉิงเฉียนโบกมือ พูดด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
“นี่…….แต่ว่า ก็ได้” จ้าวหงหยังสีหน้าไม่ดี ยืนไปด้านข้างอย่างไม่เต็มใจ
ช่วยไม่ได้ เพราะว่าเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลจ้าว ฐานะตำแหน่งอยู่ตรงนั้น พอเข้ามา ราศีก็กดทับเขาไปเลย
จ้าวหงหยังในใจเริ่มรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกถึงเรื่องไม่ค่อยดีแล้ว
ต้องรู้ว่า ปกติจ้าวเฉิงเฉียนไปมาหาสู่กับอาหกคนนี้ ค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเป็นอาวุโส อยู่ด้วยกันอย่างเคารพ
คืนนี้เข้ามาก็แข็งแกร่งขนาดนี้ นี่…….
จ้าวหงหยังมองไปที่หลินอิ่ง ในใจสะดุ้ง ไม่กล้ามองต่อไปอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
เรื่องที่สามารถให้จ้าวเฉิงเฉียนออกหน้าด้วยตัวเอง แค่ธุรกิจของเขากับชีซิงกรุ๊ป ยังไม่มีสิทธิ์…….
ทำให้จ้าวหงหยังถอยออกไปแล้ว จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าเคร่งเครียด มองเผียวเจียงลี่อย่างเย็นชา จากนั้น ก็มองไปที่นั่งของหลินอิ่ง
ส่วนจ้าวหลินเอ๋อร์ข้างกายเขา ท่าทางโมโหโกรธเคืองแล้ว สายตาโหดเหี้ยมจ้องอยู่ตำแหน่งที่หลินอิ่งอยู่ ยิ่งเต็มไปด้วยความอิจฉาต่อกงซุนชิวอวี่และฉู่ฉู่
“คุณชายอิ่ง…….ผมมาวันนี้ ตอนแรกมีธุระจะคุยกับคุณ ได้ยินว่าวันนี้คุณปรากฏตัวที่เมืองเทียนหลง จึงตั้งใจมา” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง
หลังจากที่ต่อสู้กับหลินอิ่งที่เมืองก่างแล้ว เขายอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ
ต่อหน้าหลินอิ่ง จ้าวเฉิงเฉียนไม่กล้าแสดงท่าทางยโสโอหัง ราศีที่ไม่มีใครเทียบได้
“หาผมมีธุระ?” หลินอิ่งมองจ้าวเฉินเฉียนอย่างเรียบเฉย “คุยธุระ ก็แสดงความจริงใจของคุณออกมาก่อน”
“ชีซิงกรุ๊ปเจรจาธุรกิจในถิ่นของตระกูลจ้าวของพวกคุณ คืนนี้ คุณจ้าวเฉิงเฉียนถ้าจัดการไม่ได้ ผมจะจัดการด้วยตัวเอง”
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“คุณชายอิ่ง ผมเข้าใจความหมายของคุณ เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดของผมเอง ส่งข่าวมาให้ทางด้านอาหกของผมไม่ทัน” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างเคร่งขรึม
เขาเข้าใจความหมายในคำพูดของหลินอิ่ง
ระหว่างชีซิงกรุ๊ปกับหลินอิ่งมีความแค้นต่อกัน เขาก็รู้รายละเอียด
คืนนี้ เห็นได้ชัดว่าหลินอิ่งจะตัดขาดหนทางธุรกิจในเมืองเทียนหลงของชีซิงกรุ๊ป ส่วนอาหกของตระกูลตัวเองก็ไม่มีสายตา ไม่เข้าใจสถานการณ์เอาเสียเลย
ยังถือว่าดี ที่หลินอิ่งไม่ได้โมโหร้าย แต่ให้เขามาจัดการเรื่องนี้ให้ดี มิเช่นนั้น สถานการณ์ก็ยากที่จะควบคุม
“คุณชายอิ่ง? นี่ นี่ คุณชายจ้าวเรียกเขาว่าคุณชายอิ่ง?”
“สามารถทำให้คนระดับจ้าวเฉิงเฉียนปฏิบัติต่ออย่างสงบ ดูเหมือน ในตี้จิงจะมีไม่กี่คน…….”
“ถ้าอย่างนั้นก็คือ? เมื่อกี้เขาไม่ได้ปลอมตัว เขา เขาคือคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงจริง?”
คนภายในงาน ต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึง มองดูจ้าวเฉิงเฉียนพูดกับหลินอิ่ง
ภาพนี้ ทำให้ทุกคนต่างตะลึงออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ต่างสูดหายใจเข้าอย่างตกใจ
ทำให้คุณชายอันดับหนึ่งแห่งตี้จิงอย่างจ้าวเฉิงเฉียนที่ไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน พูดด้วยท่าทางจริงใจ
ถ้าเช่นนั้น ฐานะของหลินอิ่ง ก็แสดงออกมาแล้ว
สถานการณ์ตอนนี้ ช่างทำให้น่าตกใจเหลือเกิน
ชายหนุ่มสองคนที่มีอำนาจที่สุดในตี้จิง ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างนี้
พูดได้อย่างไม่เกินจริง คุณชายสองท่านนี้ แค่หายใจเบาๆ ก็สามารถทำให้ตี้จิงสะเทือนได้
“นี่ นี่มันสถานการณ์อะไร พี่หลินเอ๋อร์ เขา เขาเป็นใครกันแน่?” จ้าวหลันเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างตะลึงตาค้างไปแล้ว ตกใจจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
พี่ชายคนโตจ้าวเฉิงเฉียน จ้าวหลินเอ๋อร์พี่สาวคนโตในคนรุ่นที่สามของตระกูลจ้าว กลับมาในงานพร้อมกันหมด?
สองคนนี้ เป็นถึงคนที่เธอทั้งเคารพนับถือ แม้แต่พ่อของเธอยังต้องพึ่งพาอำนาจของพี่ใหญ่จ้าวเฉิงเฉียน
จ้าวหลันเอ๋อร์ไม่ได้โง่ ดูสถานการณ์ออกแล้ว แต่ว่าในใจยังไม่อยากเชื่อ
เธอตัวสั่นไปทั้งร่าง แม้แต่ขยับตัวยังไม่กล้า
คิดถึงคำพูดที่พูดเสียดสีหลินอิ่งเมื่อกี้ ก็อยากตบหน้าตัวเองสองครั้ง ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้
“เขาเป็นพี่เขยเธอ”
จ้าวหลินเอ๋อร์กัดฟันพูด สายตาจ้องอยู่บนตัวกงซุนชิวอวี่และฉู่ฉู่อย่างโกรธแค้น
ตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามา สายตาของเธอไม่ได้ออกห่างจากตัวของผู้หญิงสองคนนี้เลย
“อ้าก” จ้าวหลันเอ๋อร์ตกใจทันที คิดถึงเรื่องสัญญาหมั้นหมายของคุณชายอิ่งกับพี่สาวตระกูลตัวเอง
คุณชายอิ่งท่านนี้ เป็นคนที่เธอนับถืออยู่ในใจมาตลอด แต่ว่าไม่กล้าเชื่อเลย วันนี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า กลับถูกตัวเองพูดจาดูถูกเหยียดหยามแบบนี้?
“คุณจ้าวไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว? ท่านนี้ คุณคือคุณจ้าวเฉิงเฉียนของตระกูลจ้าว? ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณแล้ว” เผียวเจียงลี่พูดอย่างจริงจัง “คุณจ้าวเฉิงเฉียน ชีซิงกรุ๊ปของเรามีความจริงใจที่อยากร่วมงานกับตระกูลจ้าวของพวกคุณ ถ้าหากคุณหงหยังไม่ดูแลเรื่องนี้แล้ว ถ้าเช่นนั้น หวังว่าคุณจะร่วมงานกับบริษัทเรา”
จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าเย็นชา มองเผียวเจียงลี่อย่างเย็นตา
“เผยหวูหมิง ไปซ้อมคนเกาหลีนั่นให้มันคุกเข่าลง”
จ้าวเฉิงเฉียนออกคำสั่งอย่างเย็นชา ไม่ได้ให้โอกาสเผียวเจียงลี่พูด
“ครับ”
เผยหวูหมิงสีหน้าเรียบเฉย เสียงชิ้ว ร่างกายเคลื่อนไหว ขึ้นไปบนเวทีเหมือนดั่งสายลม
ปัง ปัง ปัง
เสียงดังกึงก้องสามเสียง หมัดของเผยหวูหมิงเหมือนดั่งค้อน ทุบไปบนตัวของเผียวเจียงลี่อย่างรุนแรง ทุบจนเขากระเด็นไปไกลสิบเมตร กระอักเลือดออกจากปาก
“เอื้อก อ้าก”
เผียวเจียงลี่กลิ้งอยู่บนพื้น สีหน้าเจ็บปวดทนมาร เลือดเต็มตัว ปากก็ร้องอย่างเจ็บปวดเหมือนหมูถูกเชือด ยังพูดภาษาเกาหลีไม่หยุด
เสียงดังคั๊กคั๊กสองครั้ง
เผยหวูหมิงเดินเข้าไปอีก ถีบที่กระดูกหัวเข่าสองครั้ง ทำให้เผียวเจียงลี่คุกเข่าอยู่บนเวที ร่างกายอ่อนแรงหมอบอยู่บนพื้นเหมือนหมา
“ว้าก นี่มัน”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ท่ามกลางสายตาผู้คน ประธานผู้มีอำนาจของชีซิงกรุ๊ปตระกูลเผียว ถูกซ้อมจนคุกเข่าอยู่บนพื้น?
ความสะเทือนและผลกระทบที่เกิดขึ้นในนี้ ช่างทำให้ทุกคนในงานรู้สึกถึงความหวาดกลัวตกใจ สถานการณ์แบบนี้ เป็นเรื่องใหญ่ที่สะเทือนตี้จิงได้แน่นอน
“คุณชายอิ่ง ตอนนี้ผมจ้าวเฉิงเฉียนขอรับรองกับคุณว่า สิทธิ์การพัฒนาตลาดการค้าในเมืองเทียนหลง เป็นของคุณหมด ธุรกิจทั้งหมดในคืนนี้ ก็เป็นของคุณทั้งหมด”
“แบบนี้ พอไหม?”
จ้าวเฉิงเฉียนมองไปที่หลินอิ่ง พูดอย่างจริงจัง