ตี้จิง เขตเสิ่นหนง
โรงแรมเสิ่นหนง
เย่เฮยจอดรถในลานจอดรถ พวกหลินอิ่ง ขึ้นไปถึงห้องสูทหรูในโรงแรม
มาถึงห้องรับแขก หลินอิ่งเข้าไปนั่งข้างโต๊ะ เย่เฮยและหวงชิงซานยืนอยู่สองข้าง
ส่วนหวงเสี่ยวเหมย ถูกจัดให้พักผ่อนในห้องด้านข้าง
หลินอิ่งถือแก้วน้ำชา เติมน้ำชาให้ทั้งสองคนอย่างใจเย็น
“ท่านปู่หวง คนนี้คือเย่เฮย” หลินอิ่งแนะนำอย่างจริงจัง “ท่านปู่หวงเป็นผู้อาวุโสในวงการแล้ว เย่เฮย ต่อไปทำงานร่วมกัน ก็ต้องเชื่อฟังหน่อย”
“ครับ” เย่เฮยรับน้ำชามา พยักหน้าอย่างเคารพ
“คุณชายอิ่งพูดเกรงใจเกินไป ความสามารถของคุณเย่ไม่ได้อยู่รองจากผม อายุยังน้อยขนาดนี้” หวงชิงซานรับน้ำชามา พูดอย่างถ่อมตัว “ผมไม่ได้เข้าสู่วงการนานแล้ว เกรงว่าจะไม่กล้าชี้แนะคุณเย่”
ดื่มน้ำชาไปแก้วหนึ่ง หวงชิงซานมองไปที่หลินอิ่ง ถามอย่างจริงจัง “คุณชายอิ่ง ไม่ทราบว่าคุณเชิญผมออกมา มีเรื่องอะไรที่สามารถให้ผมทำได้?”
หลินอิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง พูดว่า “พูดตามตรง ท่านปู่หวง ผมต้องการให้คุณกับเย่เฮยร่วมมือกัน จับตาคนต้าเหอพวกนั้นในตี้จิงไว้ ค้นหาคนต้าเหอที่ชื่อกงจิ่วออกมา”
“กงจิ่วคนนี้ ความสามารถในการต่อสู้ไม่แน่ใจ แต่ว่าก็ไม่เลว จากข่าวกรองที่รู้มา คนคนนี้ มาจากสำนักยุทธ์เชียนของต้าเหอ น่าจะเป็นผู้นำของสำนักยุทธ์เชียนในตี้จิง และเป็นไปได้ ที่คนนี้ก็คือผู้นำสูงสุดของสำนักยุทธ์เชียนในประเทศหลุง”
พูดจบ หลินอิ่งมองไปที่หวงชิงซาน อยากดูว่าเขามีผลตอบรับยังไง
ความสามารถของกงจิ่วไม่ต้องสงสัย ถึงแม้จะไม่เคยพบหน้ากับเขา แต่เขาคิดแผนการชั่วร้ายแบบนี้ออกมา เห็นได้ว่าเป็นคนที่จัดการยากพอสมควร
โดยเฉพาะ กงจิ้วเกือบควบคุมตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงทั้งตระกูลในที่ลับได้สำเร็จ ควบคุมอำนาจแลทรัพย์สินอันแข็งแกร่งในประเทศหลุง เห็นได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักยุทธ์เชียนของต้าเหอในประเทศหลุง ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“สำนักยุทธ์เชียน? กงจิ่ว?”
หวงชิงซานขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังคิดอะไรอยู่
“ท่านปู่หวง คุณรู้อะไรเกี่ยวกับสำนักยุทธ์หรือไม่?” หลินอิ่งถาม
“คุณชายอิ่ง สมัยหนุ่มผมเดินทางไปทั่วทุกแห่ง เคยพบเจอกับอำนาจมือของประเทศต้าเหอมาก่อน” หวงชิงซานพูดอย่างจริงจัง “ผมยังเคยฆ่าผู้นำระดับสูงของกลุ่มงูแปดมาก่อน จนวันนี้ยังมีคนของกลุ่มงูแปดคอยตามฆ่า”
“สำหรับสำนักยุทธ์เชียน ผมได้มีการติดต่อมากกว่า” หวงชิงซานค่อยๆพูด “เท่าที่ผมรู้ สำนักยุทธ์ลึกลับถ่อมตัว แม้แต่คนต้าเหอเองก็รู้กันน้อยมาก”
“ผู้นำระดับสูงของสำนักยุทธ์เชียนล้วนใช้หมายเลขเป็นรหัสแทนตัว หมายเลขยิ่งสูง ตำแหน่งภายในก็ยิ่งสูง”
“ผมสามารถตัดสินได้ว่า กงจิ่วก็คือรหัสระดับสูงในสำนักยุทธ์เชียน”
หวงชิงซานค่อยๆพูดวิเคราะห์
“ท่านอยากให้ผมค้นตัวกงจิ่วที่ซ่อนตัวออกมา มีเบาะแสอะไรหรือไม่?”
หลินอิ่งพยักหน้า หวงชิงซานไม่เสียที่เป็นคนเก่าแก่ในวงการ ประสบการณ์มากมาย
“ผมรู้จุดนัดหมายของคนต้าเหอในตี้จิงหลายจุดแล้ว” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “ท่านปู่หวง สิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบก็คือจับตามองคนพวกนี้ให้ดี รอพวกเขาไปพบผู้นำของพวกเขากงจิ่ว มีความเคลื่อนไหวอะไร ก็ลงมือได้”
พูดไป หลินอิ่งยื่นกล่องสีดำไปให้หวงชิงซาน ด้านในมือข้อมูลอย่างละเอียด
“คุณชายอิ่ง ข้อนี้ท่านวางใจได้ จับตามองคนต้าเหอ ผมทำได้” หวงชิงซานพูดอย่างจริงจัง “สำหรับกงจิ่วที่ท่านพูดถึง ใช้เวลาหน่อย ก็สามารถหาสืบรู้เบื้องหลังได้”
“อืม” หลินอิ่งพยักหน้า มองไปที่เย่เฮย แล้วพูดต่อ “เย่เฮย ท่านปู่หวงออกจากซอยหยกมณี สร้างความเคลื่อนไหว คนที่ตามล่าเขาก่อนหน้านี้ อาจจะได้รับข่าวสาร”
“คุณพาคนไปจับตาดูในที่ลับด้วยตัวเอง มีความผิดปกติอะไร รีบสะกดรอยตาม”
หวงชิงซานเคยเข้าร่วมการสู้รบระหว่างตระกูลฉีและตระกูลเหวิน การออกมาครั้งนี้ อาจจะสร้างความเคลื่อนไหวให้กับอำนาจของท่านมังกรดำในตี้จิง หรืออาจจะถูกองครักษ์มังกรเขียวจับตา
ให้เย่เฮยกลับไปจับตา บางทีอาจจะไต่เต้าไปถึงต้นตอเจอเบาะแสอะไรก็ได้
เพราะว่า เรื่องขององครักษ์มังกรเขียวในตี้จิง อัดอั้นอยู่ในใจของหลินอิ่ง เหมือนดั่งก้างปลาติดคอ
องครักษ์มังกรดำอย่างน้อยก็ออกมาให้เห็นบ้าง ส่วนองครักษ์มังกรเขียวนั้นไม่เคยออกมาให้เห็นเลย ตอนนั้นที่เขาอยู่ในสำนักใหญ่องครักษ์มังกรเขียว ก็เห็นเพียงทั้งสองโกรธเคืองกัน นานขนาดนี้แล้ว องครักษ์มังกรเขียวไม่เคยมีความเคลื่อนไหวอะไรอีก นี่เป็นสถานการณ์ที่ประหลาด
ทั่วไป สถานที่ยิ่งไม่มีความเคลื่อนไหว ก็ที่สถานที่น่ากลัวที่สุด
“ครับ” เย่เฮยก็พยักหน้าอย่างเคารพ
“เรียบร้อยแล้ว ท่านปู่หวง ช่วงนี้ผมยังมีธุระต้องทำ คุณก็คุยกับเย่เฮย” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “แล้วก็ ทางด้านหลานสาวของคุณหวงเสี่ยวเหมย คุณปักหลักก่อน ในตี้จิงมีความต้องการอะไร บอกเย่เฮยได้เลย”
“รับคำสั่งคุณชายอิ่ง” หวงชิงซานพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เรื่องงานสั่งการชัดเจนแล้ว หลินอิ่งก็ไม่ได้พูดอะไร กลับไปห้องส่วนตัวด้านข้าง นอนอย่างสงบสักตื่น
……..
เที่ยงวันที่สอง
รถเบนท์ลี่ย์สีดำคันหนึ่งขับออกจากลานจอดรถโรงแรมเสิ่นหนง ขับไปที่เขตท่องเที่ยวภูเขาชาของเขตเสิ่นหนง
ที่นั่งคนขับรถคือฮาเดส หลินอิ่งนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ด้านหลัง
เย่เฮยและหวงชิงซานช่วยเขาทำงานอยู่ในที่ลับ
ทางด้านหยูจื๋อเฉิงกับหรงหยังก็จัดการงานทุกอย่างอยู่ในเขตหัวหยาง
ข้างกายเขา ก็มีแค่ฮาเดสที่เป็นบอดี้การ์ดและคนขับรถ ที่สามารถมาติดตามอยู่ข้างกายได้
ติ๊ดติ๊ด
ตอนนี้ มือถือหลินอิ่งดังขึ้น
“ฮัลโหล คุณชายอิ่ง คุณยุ่งอยู่ไหม? ผมคือจ้าวเฉิงเฉียน” ในโทรศัพท์ เป็นเสียงอันหนักแน่นของผู้ชายคนหนึ่ง “ทางตระกูลจ้าวของเราเตรียมพร้อมแล้ว รอแค่คุณชายอิ่งมาถึง”
“ผมอยู่ระหว่างทางแล้ว ถึงภายในครึ่งชั่วโมง” หลินอิ่งพูด
“ได้ คุณชายอิ่ง คำพูดบางอย่างผมก็ไม่รู้ควรหรือไม่ควรพูด” จ้าวเฉิงเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
หลินอิ่งพูด “พูด”
“คุณชายอิ่ง ผมรู้ว่าคุณไม่มีความรู้สึกกับน้องสาวผม เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้ขออะไร แต่ว่า ทางด้านท่านปู่ท่านย่าที่บ้าน ไม่ได้คิดเหมือนผม” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง “เพราะฉะนั้น ผมหวังว่า คุณชายอิ่งมาตระกูลจ้าว ถึงแม้จะตกลงกันไม่ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉีและตระกูลจ้าวยังคงอยู่”
“ผมสามารถบอกคุณได้ ความหมายของท่านย่าคือ หวังว่าคุณจะตอบรับเรื่องงานแต่งนี้ จากนั้นก็ใช้อำนาจทั้งหมดของตระกูลจ้าว เพื่อช่วยคุณต่อสู้กับตระกูลสวี”
“ออ?” หลินอิ่งรู้สึกสนใจ “เรื่องของตระกูลจ้าวคุณตัดสินไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นความหมายของคุณคือ?”
เขาฟังออกว่าคำพูดของจ้าวเฉิงเฉียนมีความหมายอื่น
จ้าวเฉิงเฉียนคนนี้มองง่ายๆไม่ได้ คนนี้ไม่ได้เป็นแค่คุณชายของตระกูลจ้าว ยังเป็นเจ้าสำนักน้อยของแก๊งหยางเหมิน
เมื่อเทียบกันแล้ว ฐานะนายน้อยแห่งแก๊งหยางเหมิน นั้นหนักกว่าตำแหน่งทายาทของตระกูลจ้าว
“คุณชายอิ่ง ในตระกูลจ้าวผมยังตัดสินอะไรคนเดียวไม่ได้ แต่ว่า ผมใช้นามของตัวเอง อยากคุยเรื่องการร่วมงานในเมืองเทียนหลงกับคุณ” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง