ภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ คนที่มีตำแหน่งฐานะสูงส่งหลายคนพากันนั่งอยู่ซ้ายขวา
ที่สูงสุดในห้องโถงใหญ่ จัดวางเก้าอี้ปรมาจารย์สามตัว มีผู้อาวุโสสามท่านที่ผมขาวนั่งอยู่ พูดคุยอะไรบางอย่างด้วยเสียงหัวเราะ
นอกจากคุณท่านและแม่เฒ่าตระกูลจ้าวแล้ว คุณท่านตระกูลฉี ฉีเวิ่นติ่งก็อยู่ในนี้อย่างน่าแปลกใจ
“คุณปู่ คุณย่า คุณชายอิ่งมาถึงวิลล่าแล้ว”
เวลานี้ จ้าวเฉิงเฉียนใส่ชุดจีนสีเหลืองอ่อน เดินเข้ามาห้องโถงจากด้านนอก รายงานอย่างเคารพ
“โอ้ ดีดีดี เฉียนเอ๋อ หลานให้เขาไปที่ห้องโถงรองรับรองเขาก่อน ย่ากับคุณท่านฉี ยังคุยธุระกันไม่เสร็จ” บนเก้าอี้ปรมาจารย์ หญิงชราผู้น่าเกรงขามท่านหนึ่งพูดสั่ง
“ครับ” จ้าวเฉิงเฉียนพยักหน้า แววตาเป็นประกายครู่หนึ่ง หมุนตัวออกจากห้องโถงใหญ่
“พี่หก หลานชายที่ภูมิใจของพี่ มาแล้ว” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวสีหน้ายิ้มแย้ม พูดด้วยความรู้สึกลึกๆ “เด็กคนนี้ ฉันได้ยินเรื่องราวของเขาในตี้จิงมาไม่น้อยเลย ต่างก็พูดกันว่าตระกูลฉีมีมังกรกันเลย”
ฉีเวิ่นติ่งหัวเราะ จีบน้ำชาคำหนึ่ง พูดว่า “น้องยิน พวกเราก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เด็กอิ่งเอ๋อคนนี้ทำอะไรย่อมมีความเห็นของตัวเอง ฉันก็บังคับอะไรเขาไม่ได้”
ฉีเวิ่นติ่งรักษาตัวในจื่อหลงซาน จากเดิมตั้งใจไว้ว่าจะไม่ออกไปข้างนอกอีก
แต่ว่า คนแก่แล้วทนไม่ไหว คิดถึงญาติมิตรสหายเก่า น้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนนี้มาเยี่ยมที่จื่อหลงซาน เชิญเขามาที่วิลล่าตระกูลจ้าว
พอดี ฉีเวิ่นติ่งก็อยากจัดการเรื่องสัญญาหมั้นหมายที่ทำไว้ให้หลินอิ่งให้มันเรียบร้อย ก็เลยมาด้วยตัวเองสักรอบ
“พี่หก ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว พวกเราสองคนก็นั่งอยู่ที่นี่ เจรจาเรื่องงานแต่ง ทำสัญญาหมั้นหมายให้กับอิ่งเอ๋อและหลินเอ๋อร์ นี่ก็เป็นที่รู้กันดีในองค์กรตระกูลใหญ่แห่งตี้จิง” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวค่อยๆพูด “หลังจากนั้นเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในตระกูลฉี อิ่งเอ๋อก็ออกจากบ้านไปแต่นานปี เรื่องนี้ก็ล่าช้ามาตลอด แต่ฉันเป็นคนรักษาสัญญารักคนเก่าแก่ สั่งสอนหลานสาวมาตลอด ให้เธอจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจตลอด”
“จนถึงวันนี้ ยายเด็กหลินเอ๋อร์คนนี้แม้แต่มือของผู้ชายก็ไม่เคยแตะต้อง ลูกชายตระกูลใหญ่ตั้งมากมายมาสู่ขอที่ตระกูลจ้าว ไม่ใช่ถูกฉันปฏิเสธไปแล้วเหรอ?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดเหมือนเจาะจงบางอย่าง “พี่หก วันนี้อิ่งเอ๋อจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายนี้ พี่ก็ไม่แสดงทัศนคติอะไรหน่อย จะใจร้ายเกินไปนะ”
ฟังคำพูดของน้องสาว ฉีเวิ่นติ่งยกน้ำชาขึ้นดื่ม เข้าสู่ห้วงแห่งความคิด
“เห้อ น้องยิน เรื่องของอิ่งเอ๋อ ฉันยุ่งไม่ได้จริงๆ วันนี้มาที่นี่ ก็เพื่ออยากจะคุยกันต่อหน้าให้ชัดเจนเลย ป้องกันไม่ให้สองตระกูลมีเรื่องข้องใจภายหลัง” ฉีเวิ่นติ่งพูดอย่างจริงจัง “พี่นั้น เคารพความหมายของอิ่งเอ๋อ เรื่องของคนหนุ่มสาว ให้พวกเขาไปตัดสินเอง”
“คำพูดนี้ไม่ถูกแล้ว พี่หก เราทั้งสองตระกูลเป็นตระกูลใหญ่ทั่วไปอะไรเหรอ? งานแต่งนี้สามารถยกเลิกได้ง่ายๆเหรอ? ถ้างั้นจากนี้ ตระกูลจ้าวยังมีเกียรติไหม? ยายเด็กหลินเอ๋อร์ยังสามารถแต่งออกไปได้ไหม?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างไม่พอใจ
“เรื่องของหนุ่มสาว ยายเด็กคนนี้ตอนนี้ห้ามไม่ฟัง ถูกใจแค่อิ่งเอ๋อเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ตาเฒ่าอย่างเราสองคน ยังหน้าด้านไปเชิญพี่หกมาเหรอ?”
ฉีเวิ่นติ่งดื่มน้ำชา พูดอะไรมากไม่ได้
เรื่องการแต่งงานของหลินอิ่ง พูดไปแล้วก็คือตระกูลฉีที่ทำได้ไม่ดี
มีเรื่องบิดเบือนมาเกินไปแล้ว หลินอิ่งจากบ้านไปแต่เด็ก สำหรับตระกูลฉีแล้วไม่มีความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ
ฉีเวิ่นติ่งรู้ตัว ก็ไม่กล้าหน้าด้านไปบังคับหลินอิ่งในเรื่องแต่งงาน
แต่เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่เขาพยักหน้าในปีนั้น ทำสัญญาไว้ด้วยตัวเอง
“พี่หก พวกเราแก่แล้ว ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร หวังแค่ว่าคนรุ่นหลังทำสามารถราบรื่นหน่อยเท่านั้น” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวค่อยๆพูด “พี่คงจะไม่ทำให้ฉันก่อนตายแล้วยังต้องมองดูหลายสาวสุดที่รักอยู่เหมือนแม่หม้ายหรอกนะ?”
“นี่ คำพูดนี้หนักไปแล้ว” ฉีเวิ่นติ่งพูดอย่างลำบากใจ “น้องยิน เรื่องนี้มัน……”
“หรือว่า เจ้าเด็กหลินอิ่งนี่ มีอำนาจใหญ่โตในตี้จิง แม้แต่รั้วประตูบ้านของตระกูลจ้าวก็ไม่อยู่ในสายตาแล้ว? แม้แต่คำพูดของปู่คนนี้ ก็ฟังไม่เข้าหูแล้ว?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันได้ยินมาแล้ว เด็กหนุ่มนี่เจ้าสำราญเจ้าชู้ไม่น้อย แต่กลับไม่มีหลินเอ๋อร์อยู่ในสาย นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ?”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ อิ่งเอ๋ออยู่ข้างนอกมีภรรยาแล้ว เรื่องนี้มันจัดการยาก” ฉีเวิ่นติ่งพูดปัด อยากดื่มน้ำชาเพื่อบรรเทาความอึดอัด พบว่าน้ำชาหมดแก้วเหรอ
“หลินเอ๋อร์ เติมน้ำชาให้คุณปู่” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวสั่ง
“อืม”
จ้าวหลินเอ๋อร์ยกกาน้ำชาขึ้น เดินเข้าไป เติมน้ำชาให้ฉีเวิ่นติ่งอย่างเคารพ
ฉีเวิ่นติ่งมองจ้าวหลินเอ๋อร์ไปทีหนึ่ง ยกน้ำชาขึ้นดื่มคำหนึ่ง ในใจก็รู้สึกอึดอัด
ดูจากประสบการณ์ของเขาแล้ว ยายเด็กจ้าวหลินเอ๋อร์คนนี้ ท่าทาง บุคลิก ล้วนไร้ที่ติ
ทุกๆด้าน ไม่มีอะไรให้ติจริงๆ
เขาเองก็รู้สึกพอใจ เพียงแค่ อิ่งเอ๋อกลับมองไม่เห็นในสายตาเลย
“พี่หก พี่ก็เห็นยายหนูหลินเอ๋อร์แล้ว พูดตามตรง หลายสาวสุดที่รักของฉันคนนี้แย่ตรงไหน? พี่อยู่ในตี้จิงนี้มาตั้งหลายสิบปี เคยเห็นคนที่สวยงามกว่ายายหนูนี้ไหม?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูด “พี่หก ฉันไม่เคยขอร้องอะไรพี่เลย ครั้งนี้ ฉันอายุขนาดนี้แล้ว ก็ต้องขอร้องพี่ชายอย่างพี่แล้ว ช่วยฉันพูดกับอิ่งเอ๋อร์หน่อย”
“เหล่าฉี เราสองคนก็ถือว่าเป็นเพื่อนเก่าแก่กันแล้ว” คุณท่านตระกูลจ้าว จ้าวเทียนสงก็เปิดปากพูดแล้ว สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก “เราสองคนอายุยาวนาน ก็เอาใจยายหนูนี่ คุณก็รู้ หลังจากกลับมาครั้งที่แล้ว ยายหนูก็หลบอยู่ในห้องร้องไห้อย่างเสียใจขนาดไหน? เราสองคนดูแล้วก็อึดอัดใจ”
“เรื่องนี้ คุณต้องเกลี้ยกล่อมดีๆ”
“พี่หก ฉันก็ได้ยินแล้ว ทุกวันนี้อิ่งเอ๋อกำลังต่อสู้กับตระกูลสวีใช่ไหม? พี่วางใจ ครั้งนี้ ตระกูลจ้าวของเราจะใช้อำนาจทั้งหมดยืนอยู่ฝั่งตระกูลฉีโดยไม่เหลือช่องว่างใดๆ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างหนักแน่น “ครั้งที่แล้วตระกูลฉีเกิดเรื่อง แค่ชั่วค่ำคืน ฉันไม่ทันได้รับมืออะไรเลย เห้อ”
ฉีเวิ่นติ่งถอนหายใจเบาๆ พยักหน้า พูดอย่างจริงจัง “ฉันเกลี้ยกล่อมอิ่งเอ๋อดูละกัน”
คำพูดก็พูดถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็รู้สึกขอโทษเหมือนกัน ก็ลองเกลี้ยกล่อมหลินอิ่งสักครั้งละกัน
ไม่ว่ายังไง ทุกวันนี้เปิดศึกกับตระกูลสวี ถ้าหากตระกูลจ้าวยินดีช่วยเหลือ ทำไมจะไม่ใช่เรื่องดีเรื่องหนึ่ง
“ได้” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวสีหน้าดีใจ มองคนของตระกูลจ้าวที่นั่งอยู่ที่นั่งด้านล่างห้องโถง “ไปเชิญหลินอิ่งมา”
ไม่นาน
หลินอิ่งเดินเข้ามาในห้องโถง สีหน้าเรียบเฉย มองเห็นคุณท่านบ้านตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ปรมาจารย์ พยักหน้า เปิดปากพูดว่า “สวัสดีท่านยายจ้าวและท่านปู”
พอหลินอิ่งเดินเข้าประตูตระกูลจ้าว จ้าวเฉิงเฉียนเข้ามาบอกว่าเชิญเขาเข้าไปรอที่ห้องโถงรอง ตอนนั้นก็อยากทำอะไรแล้ว
แต่ได้ยิน คุณปู่ตัวเองกำลังคุยธุระผู้อาวุโสตระกูลจ้าวทั้งสอง
จึงได้นั่งลงมาดื่มน้ำชารอ
เห็นได้ชัดว่า ตระกูลจ้าวไปเชิญคุณปู่ตระกูลตัวเองเพื่อมากดดันเขา
ตอนแรก หลินอิ่งคิดไว้ว่าพูดให้ชัดเจนแล้วก็ไปเลย ฉีกสัญญาหมั้นทิ้งโดยตรง คนตระกูลจ้าวจะตกลงหรือไม่ตกลง ตระกูลจ้าวใครก็ขวางไม่ได้
แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ จะเอาคุณปู่ตระกูลตัวเองออกมาด้วย
“เสี่ยวอิ่ง ได้ยินว่า เราอยู่ที่ตี้จิงอำนาจใหญ่โต? ไม่ได้มีตระกูลจ้าวอยู่ในสายตาแล้ว?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวเหล่ตามองหลินอิ่ง ถามด้วยท่าทางน่าเกรงขาม