ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 559 ตระกูลจ้าวยอมถอย

หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย พูดอย่างเย็นชา “ท่านยายจ้าวพูดเล่นแล้ว จะไปมีอำนาจหรือไม่อำนาจที่ไหนกัน”

ก่อนมา เขาก็รู้มาจากปากของจ้าวเฉิงเฉียนแล้ว ว่าคนตระกูลจ้าวมีความเห็นยังไง

อยากใช้การช่วยเหลือตัวเองต่อสู้กับตระกูลสวี เพื่อเป็นเดิมพัน

แล้วเชิญคุณปู่ตัวเองเพื่อมาเกลี้ยกล่อม

จำเป็นต้องเอาเขามาผูกมัดกับตระกูลจ้าวให้ได้เลยหรือ

“เจ้าเด็กนี่ ถ่อมตัวเหมือนกันนะ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวหัวเราะ หรี่ตาคู่งามนั้น สังเกตมองหลินอิ่งอย่างละเอียด

“ทุกวันนี้ ในตี้จิงจะมีใครบ้างที่ไม่รู้จักคุณชายอิ่งล่ะ ชื่อเสียงโด่งดังกว่าใคร” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวมองหลินอิ่ง พูดอย่างใจเย็น

เธอสังเกตหลินอิ่งรอบหนึ่ง ยิ่งดู ในใจก็ยิ่งดูยิ่งพอใจ

ในใจคิดยายหนูหลินเอ๋อร์ไม่ได้เลือกคนผิด

จากประสบการณ์ชีวิตหลายสิบปีของเธอ สถานการณ์ใหญ่โตที่เคยพบเห็น ก็ต้องดูความแตกต่างของหลินอิ่งออกเป็นธรรมดา

เพียงแค่หลินอิ่งยืนตรงนั้น ก็มีราศีอันยับยั้งที่ทำให้ผู้คนเคารพนับถือที่แปร่งประกายออกมาเอง

ถึงแม้ว่า หลินอิ่งจะแสดงออกมาอย่างยังยั้งที่สุดแล้ว

“ก่อนหน้านี้ ฉันได้ยินยายหนูหลินเอ๋อร์พูดว่า เจ้าหนุ่มอย่างเราไม่ไว้หน้าเด็กผู้หญิงอย่างเธอเลยแม้แต่น้อย” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวมองหลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อีกอย่างเราอยู่ข้างนอกก็ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่น มีผู้หญิงข้างกายมากมาย คนตี้จิงต่างก็ลือกันว่าเราเจ้าชู้มาก แต่ไม่ว่ายังไง เราก็ยังไม่สนใจยายหนูหลินเอ๋อร์ เอาผู้หญิงของเราที่อยู่มณฑลตงไห่มาเป็นข้ออ้างแบบเป็นพิธี นี่เพื่ออะไรหรือ?”

ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าตระกูลจ้าวได้ยินจ้าวหลินเอ๋อร์มาระบายร้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของหลินอิ่ง และให้คนไปสืบจากข้างนอกมาแล้ว ข้างกายหลินอิ่งมีผู้หญิงอยู่ไม่น้อยจริง

เรื่องนี้ ทำให้ในใจเธอก็โมโหอย่างมาก

ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไข่มุกในกำมือของตระกูลจ้าว กลายเป็นของราคาถูกแบบนี้? ถูกคนไม่แยแสแม้แต่น้อย?

สีหน้าหลินอิ่งไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย พูดว่า “ท่านยายจ้าว ผมแต่งงานหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้น ผมไม่อยากมีความเกี่ยวข้องอะไรกับจ้าวหลินเอ๋อร์ สำหรับข่าวลือข้างนอก เชื่อไม่ได้”

“เหอะเหอะ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวทำเสียงเย็นชา ส่ายหน้า ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของหลินอิ่งนัก “เราไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว ฉันก็อายุปูนนี้แล้ว จะไม่เคยเห็นผู้ชายมีชู้หรือ โดยเฉพาะเรายังหนุ่มยังแน่น”

“พูดเถอะ เรามาตระกูลจ้าวครั้งนี้ แน่ใจว่าจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายให้ได้?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวถามอย่างจริงจัง “ไม่มีช่องว่างให้เจรจาแม้แต่น้อย?”

พูดถึงเรื่องนี้ คนของตระกูลจ้าวในเหตุการณ์ สายตาต่างก็มองไปบนตัวของหลินอิ่ง

จ้าวหลินเอ๋อร์สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย ในใจไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ สายตาจ้องอยู่ที่หลินอิ่ง

“ใช่ ผมมาเพื่อจัดการเรื่องสัญญาหมั้นหมายในอดีต พูดทุกอย่างให้ชัดเจนต่อหน้าคนของตระกูลจ้าว” หลินอิ่งไม่ลังเลแม้แต่น้อย พูดอย่างเด็ดขาด “ผมก็ไม่หวังว่า ต่อจากนี้ตระกูลจ้าวจะเอาเรื่องสัญญาหมั้นหมายมาพูดอีก”

ได้ยินแล้ว แม่เฒ่าตระกูลจ้าวหรี่ตาเล็กน้อย จ้องหลินอิ่ง

“แคกแคก” จ้าวเทียนสงไอแห้งสองครั้ง มองไปที่ฉีเวิ่นติ่ง สีหน้าก็ไม่ค่อยดี

คำพูดของหลินอิ่งตรงเกินไป ไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย

นี่อยู่ในห้องโถงใหญ่ตระกูลจ้าว ไม่ได้ให้ทางลงกับตระกูลจ้าวเลยแม้แต่น้อย

ฉีเวิ่นติ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่ง พูดว่า “อิ่งเอ๋อ เรื่องนี้ความจริงปู่ไม่ควรเกลี้ยกล่อมหลาน แต่ว่า ปู่ก็ยังอยากจะพูดสองคำ”

“เรื่องระหว่างหลานกับยายหนูที่มณฑลตงไห่ พวกเราต่างก็รู้แล้ว ได้ยินว่าครอบครัวเขาพยายามจะให้หลานหย่าร้าง ในเมื่อแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก”

“ยายหนูหลินเอ๋อร์เหรอ เมื่อก่อนตอนที่หลานยังไม่ได้กลับมาตี้จิง ก็เข้ามาเยี่ยมที่ตระกูลฉีบ่อยครั้ง เพื่อถามถ่ายข่าวคราวของหลาน เป็นคนที่ใช้ได้” ฉีเวิ่นติ่งค่อยๆพูด “เท่าที่ปู่ดู หลานสามารถพิจารณาใหม่ได้ อย่าตัดสินเร่งด่วนแบบนี้”

หลินอิ่งเข้าสู่ความเงียบ ไม่ได้ไปคัดค้านคุณปู่ตระกูลตัวเอง

เรื่องอื่นๆ ขอแค่คุณปู่เปิดปาก ล้วนมีช่องว่างให้เจรจา

แต่ว่า หลินอิ่งยอมรับเมียเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจางฉีโม่

ก่อนออกมาเข้าสู่โลก ในใจเขาก็ตัดสินแล้ว จะไม่มีวันทำให้ฉีโม่ผิดหวังเด็ดขาด

ทุกวันนี้ ถึงแม้จะมีเรื่องเข้าใจผิดกับฉีโม่ มีความบาดหมาง แต่เขาก็ไม่ยอม

ดั่งคำกล่าวที่ว่า เสียคำพูดต่อสตรี จะครองแผ่นดินได้อย่างไร?

“อิ่งเอ๋อ ปู่ไม่ได้จะบังคับให้เราตอบตกลงทันที หรือว่าจัดงานเพื่อแต่งจ้าวหลินเอ๋อร์” ฉีเวิ่นติ่งพูดอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้เราก็ปฏิเสธคนอื่นเขาอย่างเย็นชาตลอด หรือไม่ ทั้งสองคนลองรู้จักคบหากันก่อน ต่างคนต่างทำความเข้าใจพูดคุยกันก่อน”

“อย่างน้อยก็รอให้เรารู้ใจของยายหนูหลินเอ๋อร์ก่อน รู้นิสัยของเขาก่อน ค่อยตัดสินใจก็ไม่สาย แต่ไม่ใช่ ตัดสินใจยกเลิกสัญญาอย่างเด็ดขาดแบบนี้”

ฉีเวิ่นติ่งก็คิดอย่างรอบคอบแล้ว ถึงพูดคำพูดพวกนี้ออกมา

เขาก็คำนึงเพื่อหลินอิ่ง

ไม่ว่ายังไง คนตระกูลจ้าวก็ต้องเอาหน้าเหมือนกัน จะไม่เหลือทางลงให้ตระกูลจ้าวเลยไม่ได้

อีกอย่าง ยายหนูจ้าวหลินเอ๋อร์สำหรับเขา มองแล้วก็ถูกใจอย่างใจ คู่ควรกับหลานชายของตัวเอง

และเป็นเวลาสำคัญที่หลินอิ่งสู้รบกับตระกูลสวีพอดี ถ้าหากมีตระกูลจ้าวยืนออกมาให้ความช่วยเหลือ สามารถมีประโยชน์อย่างมาก

“อืม หลินอิ่ง ปู่ของเราก็พูดแล้ว สิ่งที่พูดก็ไม่ผิด” จ้าวเทียนสงเปิดปากพูด “ฉันได้ยินว่า เราไม่ยอมยายหนูหลินเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย อะไรนิดอะไรหน่อยก็ข่มขู่ตักเตือนเขา? นี่มันทำอะไรกัน? เรารังเกียจหลานสาวสุดที่รักของฉันขนาดนี้เลยหรือ?”

“ถ้าคนหนุ่มสาวอย่างเราสองคนก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ไม่ยินยอมกันจริงๆ ค่อยยกเลิกสัญญาหมั้นหมายนี้ ถึงเวลา ตระกูลจ้าวของเราก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” จ้าวเทียนสงพูดอย่างจริงจัง

แม่เฒ่าตระกูลจ้าวก็พยักหน้า พูดว่า “ถูกต้อง ผู้ใหญ่อย่างพวกเรานั้น เจรจากันแล้วก็มีความหมายตามนี้ สัญญาหมั้นจะยกเลิกไปง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ พวกเราผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ทำสัญญาหมั้นหมายไว้ยังอยู่นะ เราทำแบบนี้ นั่นมันผิดคุณธรรม”

“เสี่ยวอิ่ง เราก็ลองคบหากับยายหนูหลินเอ๋อร์ดูก่อน ทางด้านตระกูลสวี ฉันจะช่วยกดดันพวกเขาแทน หัวใจของเธอที่มีต่อเรานั้นไม่มีอะไรให้พูด ถ้าหากคบหากันได้ดี ก็เลือกวันมงคลเพื่อจัดงานเลย ถ้าหาเรามีตรงไหนที่ไม่พอใจเธอ ก็มาพูดกับฉันได้ ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นยายเธอ”

“ส่วนเรา ก็ไม่ต้องเล่นความคิดอะไรพวกนั้นแล้ว อย่ามาพูดกับฉันว่าอะไรยังคิดถึงผู้หญิงมณฑลตงไห่คนนั้น เรื่องราวความเจ้าชู้ของเราที่ทำข้างนอกยังน้อยเหรอ? ฉันก็ไม่ถือสากับเราแล้ว ไม่ต้องมาใช้วิธีกลยุทธ์แสร้งอะไร มาทำกับยายหนูหลินเอ๋อร์อีก”

แม่เฒ่าตระกูลจ้าวค่อยๆพูด หรี่ตามองหลินอิ่ง

เท่าที่เธอดูแล้ว หลานสาวสุดที่รักของตระกูลเขา นั่นก็เพราะตกหลุมพรางของหลินอิ่ง

คุณชายอิ่งที่มีผู้หญิงโอบล้อมมากมายขนาดนั้น จะไม่มีใจให้จ้าวหลินเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย? นี่มันการแผนการชัดๆ

ถ้าหากไม่ใช่มีสัญญาหมั้นหมายอยู่ หลายสาวสุดที่รักของบ้านตัวเองก็ชอบหลินอิ่งขนาดนั้น

บวกกับ หลินอิ่งไม่ธรรมดาจริงๆ คนรุ่นเดียวกันหาที่ดีหว่าไม่ได้แล้ว เข้าสู่สายตาของเธอแล้ว

มิเช่นนั้น ด้วยความสามารถของตระกูลจ้าว ทำไมถึงต้องมาเจรจาดีๆอย่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งแบบนี้?

หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย เงียบไม่พูดอะไร

“เป็นยังไง? ตระกูลจ้าวของเราถอยให้แล้ว เสี่ยวอิ่ง นี่เป็นวิธีที่ประนีประนอมอย่างหนึ่ง” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างจริงจัง “ถ้าเราตกลงแล้ว ทางด้านตระกูลจ้าวก็ต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่นอน จากนี้ไป ฉันจะให้ยายหนูหลินเอ๋อร์ติดตามอยู่ข้างกายเรา พวกเราสองคนก็สานสัมพันธ์กันดีๆ อยู่กันนานแล้ว ก็มีความรักต่อกันเอง”

พูดถึงตรงนี้ จ้าวหลินเอ๋อร์แก้มแดงก่ำ แววตาเลื่อนลอยมองหลินอิ่ง

เธอคิดอยู่ ตระกูลจ้าวยอมถอยขนาดนี้แล้ว หลินอิ่งน่าจะยินยอมมั้ง?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset