บทที่ 60 เป็นเพื่อนกัน?
หลินอิ่งดื่มชาไปคำหนึ่ง แล้วส่ายหัว
“ทำไม? คุณคิดว่าหนึ่งล้านต่อปีมันน้อยไป?” หวางหงหลิงขมวดคิ้ว จากนั้นพูดขึ้นช้า ๆ “ขอแค่คุณมีความสามารถพอ คุณอยากได้เงินเท่าไหร่ไม่ใช่ปัญหา ฉันมีเงินมากมาย และดีกับทุกคนที่ทำงานให้ฉัน”
พูดไป สายตาเธอเชื่อมัน แล้วชี้ไปทางหูหมิงหยิน พูดว่า “หูหมิงหยินเมื่อหลายปีก่อนเคยเปิดร้านเล็ก ๆในตลาดนักสะสม ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด หลังได้รับการช่วยเหลือจากฉันแล้ว วันนี้ เขาเป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองชิงหยูน”
“ความช่วยเหลือของคุณหนูใหญ่ ผมจะไม่มีวันลืม” หูหมิงหยินพูดขึ้นอย่างจริงจัง
หลินอิ่งมองไปที่หูหมิงหยิน หูหมิงหยินอยู่ในวงการนักสะสมของโบราณประมาณห้าหกปีแล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า หวางหงหลิงก็อายุเพียง16 17ปี คนอายุเดียวกันยังเเรียนมัธยมต้น เธอก็มีความสามารถและฝีมือระดับนี้แล้ว?
“หลินอิ่ง คุณเรียนรู้การประเมินวัตถุโบราณได้ดีขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นคนมีหลักการคนหนึ่ง” หวางหงหลิงพูดขึ้นเสียงเรียบ “ฉันให้โอกาสและเวทีสำหรับการแสดงฝีมือของคุณ ไม่ถึงปี ฉันรับรองว่าคุณจะลบล้างชื่อไอ้ขยะของคุณได้ไปอย่างสิ้นเชิง ในตระกูลจางก็จะไม่มีใครกล้าดูถูกคุณอีก”
พูดจบ เธอก็ยิ้มแล้วหันไปมองหลินอิ่ง
ข้อเสนอที่เธอให้มา ถือว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้หลินอิ่งไปถึงเส้นชัยได้อย่างง่ายดาย ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน
“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่มีนิสัยในการช่วยคนอื่นทำงาน” หลินอิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ
หวางหงหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ หัวเราะอย่างร่าเริง
ลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนหนึ่งของตระกูลจางเห็นชัดว่าเกาะตระกูลจางกินอยู่ ตอนนี้ก็เป็นผู้ช่วยของเมียเกาะเมียกินเท่านั้น กลับมาบอกกับเธอว่าไม่มีนิสัยในการช่วยคนอื่นทำงาน?
“คิกคิก” หวางหงหลิงหัวเราะ “หลินอิ่ง ตอนนี้คุณก็เป็นผู้ช่วยให้เมียคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ? คุณไม่เห็นตระกูลหวางอยู่ในสายตา หรือไม่เชื่อความสามารถของฉัน?”
หลินอิ่งพูดขึ้น “ผมแค่สงสัยว่า ฐานะชื่อเสียงคุณในเมืองชิงหยูน ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือชื่อเสียง จะหาคนแบบไหนก็หาได้ ทำไมถึงเลือกผม?”
หวางหงหลิงพูดขึ้น “คุณพูดโดนจุดแล้ว ถ้าฉันอยากได้คนก็ไม่ยาก แต่ในเมืองชิงหยูนจะมีสักกี่คนที่กล้าทำให้หวางจื่อเหวินขายหน้าต่อหน้าผู้คน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยฉันได้”
“เฮ้อ” พูดถึงตรงนี้ หวางหงหลิงต้องถอนหายใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันเกิดมาเป็นผู้หญิง แค่ไอ้น่าโง่หวางจื่อเหวิน จะเอาอะไรมาแย่งตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของตระกูลหวางกับฉัน”
“หวางจื่อเหวินเป็นคู่แข่งของฉัน เขาจะลงมือกับคุณ ฉันก็จะปกป้องคุณ ก็แค่นี้” หวางหงหลิงยิ้มอย่างมีเชิง ท่าทางเอาแต่ใจที่สุด
“ผมไม่อยากสนใจและเข้าร่วมการแย่งชิงกันภายในของตระกูลหวาง” หลินอิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ฉันนับถือในความกล้าของคุณ” หวางหงหลิงพูดขึ้น “แต่ว่า ฉันไม่ชื่นชมคนไง่ ถ้าแม้แต่สถานการณ์ของคุณเองยังดูไม่ออก ก็เสียดายความรู้ความสามารถในเรื่องวัตถุโบราณของคุณแล้ว”
“อย่างนี้ละกัน คุณไปบริษัทคอลเลกชันหมิงหยินไปรับตำแหน่งรองประธาน รายได้ปีละห้าล้าน ถ้าคุณมีความสามารถพอ ในอนาคตจะอยู่เหนือหูหมิงหยิน ก็ไม่ใช่ปัญหา” หวางหงหลิงพูดขึ้นจริงจัง สีหน้าเหมือนคนมีเมตตา
หลินอิ่งยิ้มแล้วส่ายหน้า
“หลินอิ่ง คุณหนูใหญ่ให้เกียรติคุณ ก็อย่าปฏิเสธเลย” หูหมิงหยินพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่ดี “ไม่ใช่ใครก็มีโอกาสแบบนี้ได้ ดูชื่อเสียงของคุณในเมืองชิงหยูนด้วย คุณหนูใหญ่อุตส่าห์ช่วยเหลือ ไม่ขอบคุณไม่พอยังกล้าเสียมารยาทอีก?”
“ไม่ใช้? หลินอิ่ง คุณปัญญาอ่อนรึเปล่า?” หวางหงหลิงมองหน้าหลินอิ่งอย่างไม่อยากเชื่อ สายตาสงสัย
“ฉันได้ยินมาว่าคุณแต่งงานมาสองปีแล้ว เมียคุณก็ยังไม่ยอมร่วมห้องกับคุณ คุณจะยอมอยู่ที่ตระกูลจางให้เขาดูถูกแบบนี้เหรอ?” หวางหงหลิงถามขึ้น คิดไม่ตก “ตอนนี้ฉันให้โอกาสคุณ มีที่พึ่งอย่างฉัน คุณทำอะไรในเมืองชิงหยูนจะมีอะไรยาก? แก้วแหวนเงินทอง ผู้หญิงมีอะไรให้ห่วง? โลกกว้างขนาดนี้ จะไปจมอยู่ในตระกูลจางทำไม?”
หวางหงหลิงหยิ่งยโสจนเคยชิน ขอแค่เธอโบกมือ ก็มีคนเยอะแยะมากมายมาเลียแข้งเลียขา ตอนนี้ โดนหลินอิ่งปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เธอไม่พอใจมาก วันนี้ยังไงก็ต้องให้หลินอิ่งมาช่วยเธอให้ได้
“ผมความรู้ต่ำต้อย ไม่คู่ควรทำงานให้คุณหนูใหญ่หรอกครับ” หลินอิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ ลุกขึ้นทันที
“หยุด”
หวางหงหลิงลุกขึ้นจ้องหน้าหลินอิ่ง อย่างจริงจัง
“หลินอิ่ง คุณรู้แล้วว่าฉันวางแผนเล่นงานหวางจื่อเหวิน และยังรู้ว่าหูหมิงหยินเป็นคนของฉัน” หวางหงหลิงพูดเสียงเย็นชา “คุณไม่รู้สึกเหรอ ว่าคุณรู้เยอะไปหน่อย?”
“คุณไม่เคยได้ยินเหรอว่า? เป็นคนก็อย่าไปรู้เรื่องราวเยอะ ถ้ารู้แล้ว ก็ต้องเข้าร่วมด้วย”
“คุณพูดก็มีเหตุผล” หลินอิ่งพยักหน้า ดูสีหน้าที่กำลังเปลี่ยนไปของหวางหงหลิง “แต่ว่า เรื่องพวกนี้ ใช้กับผมไม่ได้”
“เหอะ พูดอย่างกับตัวคุณเป็นคนโบราณอย่างนั้นแหละ” หวางหงหลิงสบถเสียงเย็นชา “ในเมืองชิงหยูนไม่มีใครปฏิเสธฉันหวางหงหลิงได้”
หลินอิ่งหัวเราะ รู้สึกสนุกกับผู้หญิงคนนี้
“หรือว่า คุณจะฆ่าปิดปากผม?”
หวางหงหลิงสีหน้าที่ดูอ่อนโยนเริ่มมีอารมณ์โกรธ หรี่ตาลง พูดขึ้นอย่างมั่นใจ “คุณทายซิ?”
หลินอิ่งมองหน้าหวางหงหลิง
“หลินอิ่ง พูดดีไม่ชอบ อย่าทำให้ต้องบังคับกัน” หูหมิงหยินพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ “หรือว่าคุณไม่อยากได้ตำแหน่งเงินทอง ยินดีเป็นแค่ลูกเคยแต่งเข้าบ้านเขาเกาะเมียกินไปทั้งชาติ? ผมไม่อยากเชื่อ ว่าในโลกนี้ยังมีคนไม่ใฝ่สูงแบบนี้อยู่”
“คุณอยากได้ข้อเสนออะไร คุณพูดเองเลย อย่าทำให้คุณหนูใหญ่โมโห เดี๋ยวจะหมดโอกาสไป”
หลินอิ่งเหมือนอยากพูดแล้วหยุดไป เขาอยากพูดว่า ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลหวาง ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย
“คุณกลับไปคิดเองก่อน” หวางหงหลิงนั่งลง สีหน้าไม่ค่อยดี รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
“นี่คือเบอร์ส่วนตัวของฉัน คิดได้แล้วก็โทรมาหาฉัน” หวางหงหลิงโยนนามบัตรไป ท่าทางเหมือนคนมีเชิงกว่า พูดขึ้นเสียงเรียบ “ฉันยินดีให้เวลาคุณ ให้คุณกลับไปพิจารณาดู แต่กลัวว่าพี่รองฉัน คงอดใจรอไม่ไหวที่จะลงมือ ฉันไม่อยากรอจนศพคุณเย็นแล้ว ถึงคิดขึ้นได้ว่าจะโทรหาฉัน”
หลินอิ่งยิ้มเย็นชา ไม่แม้แต่จะมองนามบัตรที่อยู่บนโต๊ะ
“ทำไม? คุณจะไม่รับแม้แต่นามบัตร ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาใช่ไหม? หรือว่า แค่เป็นเพื่อนคุณยังไม่ยินดี?” หวางหงหลิงถามขึ้นด้วยความโมโห ใบหน้าที่สวยงามเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร โดยนิสัยเดิมของเธอแล้ว คงสั่งให้ลูกน้องซ้อมกลิ้งไปแล้ว กับคนที่ไม่รับน้ำใจเธอไว้แบบนี้
แต่กับหลินอิ่งยิ่งเขาไม่ไว้หน้าเธอ เธอกลับอยากพยายามทุกวิธีทำให้เขาเคารพเธอให้ได้
“เป็นเพื่อน?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา สีหน้าไร้อารมณ์มองไปที่หวางหงหลิง “คุณมีสิทธิ์? คู่ควรกับการเป็นเพื่อนของผม?”