ส่วนฉู่ฉู่ที่อยู่ด้านข้าง ก็เบ้ปาก สายตาก็เปลี่ยนเป็นน้อยใจ
แม้แต่จ้าวเฉิงเฉียนที่อยู่ด้านหลังหลินอิ่ง ก็ตกใจ สำรวจมองแอนนา พึมพำในใจเอง คิดว่าน้องสาวของเขาจ้าวหลินเอ๋อร์ กับสาวฝรั่งคนนี้ต่างกันตรงไหน?
จากรูปร่างหน้าตา โครเมียร์ แอนนาถึงว่าเป็นสตรีผู้สวยหยาดเยิ้ม สไตล์ต่างประเทศ
แต่หลินเอ๋อร์ก็ไม่เลวนี่?
หรือว่า หลินอิ่งชอบสไตล์แบบนี้?
หลินอิ่งมองแอนนาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“คุณไม่ต้องทำเรื่องโอ่อ่าอะไรแบบนี้”
พฤติกรรมใจกล้าของผู้หญิงคนนี้ เขาเคยเห็นที่เมืองก่างมาแล้ว
แอนนาหัวเราะอย่างมีเสน่ห์ พูดอย่างหลอกล้อ “หลินที่รัก นี่จะเป็นอะไรไปล่ะ ยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว”
พูดไป เธอยังเหล่ตามองกงซุนชิวอวี่ ขยับคิ้วตา ดูเหมือนกับกำลังท้าทาย
“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” กงซุนชิวอวี่หน้าดำเคร่งเครียด ยืนไปข้างกายหลินอิ่ง “พี่ พี่กับนางฝรั่งคนนี้มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเธอถึงได้อวดดีกำเริบเสิบสานขนาดนี้?”
นี่มันดูคลุมเครือเกินไปแล้ว ดูแล้ว ความสัมพันธ์กับพี่ชายดูเหมือนจะลึกซึ้งมาก
ท่ามกลางผู้คนกลางสาธารณะแบบนี้ การจูบก็ธรรมชาติง่ายดายขนาดนี้? นี่ยังไม่ใช่ครั้งแรกด้วย?
ทำให้กงซุนชิวอวี่อดมองหลินอิ่งไม่ได้ รู้สึกว่า พี่ชายหลินอิ่งที่เป็นคนเย็นชาขนาดนี้ ซ่อนได้ลึกมาก
“คนที่ร่วมงานในธุรกิจคนหนึ่งเท่านั้น” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย ไม่ได้อธิบายมาก
เรื่องบางอย่าง ไม่สามารถอธิบายกับผู้หญิงได้
ท่าทางง่ายๆอย่างเดียว คำพูดประโยคเดียว ทั่วไปแล้วในใจพวกเธอก็ต้องคิดไปครึ่งวัน
“เฮ้อ” กงซุนชิวอวี่ทำเสียงเย็นชา จ้องหน้าแอนนา ท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
“หลินที่รัก นี่เป็นน้องสาวของคุณเหรอ? เธออวดดีมากเลย” แอนนาพูดอย่างออดอ้อน “เมื่อกี้เธอยังเรียกบอดี้การ์ดตบน้องชายของฉันเลย เขาอุตส่าห์มาจากเมืองก่างเพื่อหาคุณโดยเฉพาะ น้องสาวของคุณทำเกินไปแล้ว”
หลินอิ่งมองไปที่แอนนา พูดอย่างเฉยเมย “คุณหาผมเรื่องอะไร?”
ตาสวยของแอนนาหมุนไปมา พูดอยากหยอกล้อ “หลินที่รัก ก็ต้องคิดถึงคุณซิ คุณจากเมืองก่างมานานขนาดนี้ แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่โทรหาเขาสักครั้ง”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รับคำ มองไปที่กงซุนชิวอวี่ พูดว่า “ชิวอวี่ เมื่อกี้เราเกิดเรื่องขัดแย้งกับพวกเขา มันเรื่องอะไรกัน? ใครรังแกเรากับฉู่ฉ่า?”
“เฮ้อ” กงซุนชิวอวี่ทำเสียงเย็นชา ท่าทางไม่พอใจอย่างมาก “พี่ ตอนนี้พี่เพิ่งนึกขึ้นได้มาถามว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ หนูยังคิดว่าพี่จะพานางฝรั่งคนนี้ไปรื้อฟื้นอดีตกันในคฤหาสน์แล้วเสียอีก”
“พูดเรื่องจริงจัง” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
ชะงักนิดหน่อย กงซุนชิวอวี่หน้าดำเคร่งเครียด พูดต่อ “เมื่อกี้ น้องชายของแอนนานี่ พูดจาแทะโลมฉู่ฉู่ ยังจะจูบมือของฉู่ฉู่ ฉู่ฉู่ตบหน้าเขา จากนั้น บอดี้การ์ดของพวกเขาก็ล้อมเข้ามาอยากจะลงมือ หนูก็เลยให้คนปะทะกับเขาเลย แล้วก็รอพี่มาจัดการ”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย สายตามองไปที่ฉู่ฉู่อย่างเรียบเฉย
“คุณหลิน เรื่องมันเป็นแบบนี้…….” ฉู่ฉู่เล่าเรื่องราวความเป็นมาที่เกิดขึ้นอย่างระวัง
“ผมรู้แล้ว”
หลังจากฟังการเล่าเรื่องของทั้งสองคนแล้ว เขาก็รู้เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดแล้ว
ก็คือน้องชายที่แอนนาพามา ยโสโอหัง พูดจาแทะโลมฉู่ฉู่ ยังคิดอยากแตะเนื้อต้องตัว
นี่คิดว่าตี้จิงเป็นบ้านของเขาแล้ว?
“คือคุณที่อยากแตะเนื้อต้องตัวฉู่ฉู่เมื่อครู่ คุณชื่ออะไร?”
หลินอิ่งมองไปที่โครเมียร์ ควินสันด้วยสายตาเย็นชา
“ผม ผมชื่อโครเมียร์ ควินสัน” ควินสันตะลึงอึ้งไป พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “คุณคือหลินอิ่งซินะ? คุณหลิน ผมหวังว่าคุณจะพูดจาระวังหน่อย ผมไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนนั้น กลับกันคือเธอ กลับกล้าตบหน้าผม”
“ถ้าไม่ตบหน้าคุณ คุณก็จะแตะเนื้อต้องตัวแล้วใช่ไหม?” หลินอิ่งถามอย่างเรียบเฉย
ควินสันสีหน้าไม่ค่อยพอใจ พูดว่า “คุณหลิน ผมคิดว่าคุณต้องให้คำอธิบายกับผม ผมกับพี่แอนนามาหาคุณ เป็นแขกพิเศษของคุณ เข้ามาก็โดนคนตบหน้าแล้ว คุณยังมาบีบคำผมอีก?”
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “ผมขอถามคุณอีก คุณพูดจาแทะโลมผู้หญิงคนนี้หรือไม่?”
“ผม ผมพูดแล้ว หรือว่าแค่พูดจาสองคำก็ไม่ได้เหรอ จะเอาเนื้อเธอไปก้อนหนึ่งหรือไง?” ควินสันพูดด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
“คุณหลิน ที่นี่เป็นถิ่นของคุณ ผมให้เกียรติคุณอย่างเต็มที่แล้ว” ควินสันพูดอย่างเคร่งขรึม “ถ้าอยู่ต่างประเทศ ผู้หญิงสองคนนี้จะกล้าอวดดีต่อหน้าผม ผมก็…….”
“ก็จะทำไม?”
หลินอิ่งพูดตัดเขา จ้องหน้าควินสันด้วยสายตาเย็นชา
ควินสันปะทุความโกรธขึ้นมาทันที อยากเปิดปากด่า แต่ว่า ท่ามกลางน้ำเสียงอันเรียบเฉยของหลินอิ่ง มีราศีที่สะเทือนสยบใจคน
“ไม่มีอะไร” ควินสันฝืนใจพูด “คุณหลิน คุณใช้ทัศนคติแบบนี้ มาปฏิบัติต่อเพื่อนที่เคยช่วยเหลือคุณเหรอ?”
“หลินที่รัก คุณอย่าดุน้องชายของฉันขนาดนี้ได้ไหม?” แอนนาพูดด้วยท่าทางสายตาน่าสงสาร “คือพวกเธอที่ลงมือก่อน ยังตบหน้าน้องชายของฉัน นี่มันไม่เคารพพวกเราแม้แต่น้อย”
“น้องชายของฉันก็เป็นคนมีฐานะ เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ถือสากับผู้หญิง ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชายที่ลงมือละก็ ถูกเขาซ้อมจนตายไปแล้ว” แอนนาพูดอย่างน่าสงสาร ท่าทางเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง “นี่ก็เพราะให้เกียรติคุณ รอคุณช่วยพวกเราจัดการ ทำไมถึงบีบถามน้องชายฉันแบบนี้ล่ะ?”
หลินอิ่งไม่ได้สนใจแอนนา จ้องมองควินสันอย่างเฉียบคม
“คุณ ขอโทษเธอเดี๋ยวนี้”
คำพูดอันเย็นชาพูดออกมา มีความน่าเกรงขามที่ไม่อาจต้านทานได้
หลินอิ่งไม่ได้อธิบาย และไม่ได้ใช้ช่องว่างในการอธิบายแก่ควินสัน
วินาทีนี้ กงซุนชิวอวี่และฉู่ฉู่มองไปที่หลินอิ่ง ในสายตานั้นกะพริบแวววาว
“มีสิทธิ์อะไร เธอก็แค่ผู้หญิงไม่เห็นคุณค่าคนอื่น ตบหน้าผมไปทีหนึ่ง ผมยังต้องขอโทษเธอ?” ควินสันพูดอย่างโมโห อดกลั้นความโมโหในใจไม่ได้
“คุณหลิน คุณคิดให้ดีนะ ตระกูลโครเมียร์ของเราอยู่ในระดับไหน ครั้งที่แล้วก็ให้ความช่วยเหลือคุณครั้งใหญ่ที่เมืองก่าง ตามคำพูดของประเทศหลุงของพวกคุณ คุณจะไม่มีสัจจะใช่ไหม? ไม่รู้จักบุญคุณ?”
ควินสันสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก มองหน้าหลินอิ่ง
เท่าที่เขาดูแล้ว เป็นถึงคุณชายตระกูลโครเมียร์ รัฐบาลต่างประเทศแต่ละประเทศยังต้องให้ความเคารพพอสมควร หน่วยรักษาความปลอดภัยออกขบวนมาต้อนรับ
มาหาหลินอิ่งที่ตี้จิงครั้งนี้ กลับได้รับการต้อนรับแบบนี้?
หลินอิ่งไม่เพียงไม่ให้เกียรติพวกเขา ยังจะให้เขาขอโทษผู้หญิงประเทศหลุงคนหนึ่งที่ฐานะไม่ชัดเจน?
“บุญคุณ? คุณคิดว่าผมต้องสำนึกบุญคุณตระกูลโครเมียร์ของพวกคุณเหรอ?” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามอย่างเย็นชา
“หรือว่าไม่ใช่?” ควินสันพูดอย่างเคร่งขรึม “ครั้งที่แล้วที่เมืองก่าง คุณบีบจนจี้ฉงซานตาย ชำระล้างอำนาจของตระกูลพอร์ตเล็ต ถ้าไม่ใช่ตระกูลของเราออกหน้า ตระกูลพอร์ตเล็ตจะปล่อยคุณออกจากเมืองก่างง่ายๆ?”
“ผมจะบอกคุณนะ หลินอิ่ง ครั้งที่แล้วตระกูลพอร์ตเล็ตได้ส่งคนมาถึงทะเลหลวงแล้ว เป็นผมเองที่ไปจัดการพวกเศษสวะพวกนั้นด้วยตัวเอง” ควินสันพูดอย่างทะนงตัว “ผมเป็นผู้มีพระคุณของคุณ คุณใช้ทัศนคติแบบนี้ต่อผมเหรอ?”