ประโยคคำร้องขอชีวิตนี้ของเหอซานจิน มีการข่มขู่แฝงอยู่ด้วย
“ยอดฝีมือในรายการแห่งฟ้า?เหอะ”
หลินอิ่งกระตุกรอยยิ้มเย็นชาออกมาตรงมุมปาก พร้อมกับมองเหอซานจินอย่างเฉยชา
“คุณรู้หรือเปล่าว่าแขนข้างซ้ายของอาจารย์ของใครเป็นคนทำ?”
“อะไรนะ!คุณ คุณ!” สีหน้าของเหอซานจินเต็มไปด้วยความหวาดเกรงมองไปยังหลินอิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ในตอนนั้นท่านเฉินเฟิงใช้มือซ้ายของเขาในการตวาดดาบเพื่อสยบแวดวงลึกลับ แต่แล้วสุดท้ายกลับถูกใครบางคนตัดแขนที่ใช้จับดาบข้างซ้ายของเขาทิ้ง และหลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ตกลงมาจากบัลลังก์รายการแห่งฟ้า และตกต่ำมาได้ถึงขนาดนี้
เรื่องนี้มีเพียงแค่กลุ่มภายในของหุบเฉินเฟิงและคนสนิทของท่านเฉินเฟิงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
หลินอิ่งรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ?แล้วทำไมถึงได้พูดแบบนี้?
อีกอย่าง ในน้ำเสียงของหลินอิ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกรงกลัวอะไรในตัวอาจารย์ของเขาเลย ……
สีหน้าของเหอซานจินหวาดกลัวสุดขีด หลังจากที่ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา ……
“ผมจะถามคุณอีกอย่าง การที่คุณสมรู้ร่วมคิดกับคนต้าเหอ หุบเฉินเฟิงของพวกคุณไม่มีกฎเกณฑ์กันหรือยังไง ?” หลินอิ่งถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ท่านเฉินเฟิง ไม่เคยสอนคุณงั้นหรอ?”
การที่แวดวงลึกลับประเทศหลุง มีอายุมานับร้อยนับพันปีนั้น เหตุผลของการดำรงอยู่ก็คือการต่อต้านอำนาจมืดจากประเทศภายนอก ……
ไม่ว่าจะเป็นประเทศต้าเหอ หรือประเทศเกาหลีก็ตาม หรือแม้แต่โลกมืดทางตะวันออกด้วย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปรปักษ์กับแวดวงลึกลับของประเทศหลุงนั้น และดูเหมือนว่าจะไม่มีช่องว่างที่จะทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายขึ้นเลย
“อันนั้น……ผม ผม……” เหอซานจินพูดอย่างอ้อมแอ้ม “คุณชายอิ่ง กฎที่คุณพูดถึง?คือการไม่สามารถสมรู้ร่วมคิดกับอำนาจมืดจากประเทศภายนอกงั้นหรอ?กฎนั้น กฎนั้นไม่มีมาตั้งนานแล้ว……”
คึ้ก!
เสียงของเหอซานจินเพิ่งออกมา
หลินอิ่งก็เอื้อมมือออกไป บีบคอของเขาจนหักแล้ว
เหอซานจินล้มลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังที่คลางแคลงใจ
ใบหน้าของหลินอิ่งนิ่งเรียบ หันหลังไปอีกทาง พลางปาดฝุ่นในมือออก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก จากนั้นจึงค่อยๆ เดินจากอุโมงค์ไป
เขาจะไม่มีวันปล่อยกองกำลังที่สนับสนุนตระกูลสวีไปเลยสักคน
จะเป็นสำนักยุทธ์เชียน หรือหุบเฉินเฟิงก็ช่าง มาคนหนึ่งก็จะฆ่าคนหนึ่ง
แต่ว่า ในช่วงที่ตัวเขายังอยู่ในระยะวัฏจักร ก็คงควรที่จะต้องคำนึงถึงการกระทำให้มากขึ้น ……
วันนี้ต้องมาต่อกรกับพวกมุซาชิ จูโตะ ทำให้เขาเกือบจะพลาดโอกาสสำคัญไป
อีกอย่างบนร่างกายก็ยังมีรอยแผลฝากเอาไว้อีก
เงาร่างการจากไปของหลินอิ่ง ตกอยู่ในสายตาของชายชุดดำที่อยู่ห่างออกไปคนหนึ่ง ในมือของเขาถือกล้องส่องทางไกลเอาไว้ ยืนอยู่บนยอดเขาลึกลับแห่งหนึ่ง
“ท่านมังกรดํา หลินอิ่งไปแล้ว……คุณท่าน ท่านไม่คิดจะลงมือจริงๆ หรอครับ?นี่คือโอกาสที่หายากมากเลยนะครับ”
ชายชุดดำหันหลังกลับมา โน้มตัวลงต่อหน้าชายหนุ่มลึกลับที่สวมเสื้อคลุมยาวสีดำคนหนึ่ง แล้วกล่าวรายงานอย่างเคารพ
“อย่าไม่ต้องรีบร้อน” ท่านมังกรดําเปล่งเสียงที่ทุ้มต่ำและแหบแห้งออกมา ดวงตาที่มืดมนภายใต้หน้ากากกำลังทอดไกลออกไป
“ช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอของหลินอิ่งมาถึงแล้ว……แต่ นี่ยังไม่ใช่ช่วงที่เขาอ่อนแอที่สุด” ท่านมังกรดําพูดอย่างเอื่อยเฉย “การจะต่อกรกับหลินอิ่งมีเพียงแค่โอกาสครั้งเดียวเท่านั้น และจะต้องมั่นใจร้อนเปอร์เซ็นต์ว่าจะเอาเขาอยู่ได้ในครั้งเดียว อย่างนี้ถึงจะได้ไม่เกิดหายนะขึ้นในภายหลัง”
“คุณท่าน เมื่อสักครู่นี้ที่หลินอิ่งต่อสู้กับพวก มุซาชิ จูโตะไม่กี่คน ยังถูกรั้งเอาไว้เป็นเวลานานขนาดนั้น ท่านเองก็เห็นแล้วว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าเมื่อก่อน” ชายชุดดำกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เมื่อสักครู่นี้ผมได้บันทึกวิดีโอทุกกระบวนท่าในการต่อสู้ของเขาเอาไว้แล้ว แบบนี้สามารถยุติทุกอย่างได้แล้ว”
“หลินอิ่ง ตอนนี้อย่างมากคือมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับรายการแห่งฟ้าเท่านั้น เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของท่านแล้ว สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายเลยครับ” ชายชุดดำพูดชื่นชมอย่างเอาใจ
ท่านมังกรดําหัวเราะอย่างชั่วร้าย พร้อมตอบกลับ:”นั่นเป็นเพียงภาพภายนอกเท่านั้น นายยังสังเกตได้ไม่ละเอียดมากพอ”
“ผิวเผินพลังการต่อสู้หลินอิ่งอาจจะดูใกล้เคียงกับรายการแห่งฟ้า และถึงตอนนี้สภาพพลังของเขาจะมีความแปรปรวน แต่ต่อให้ผมออกมือเข้าไปต่อสู้ในตอนนี้ ก็ยังไม่มีทางที่จะกำราบเขาได้”
“สิ่งที่ผมต้องการ ไม่ใช่ให้หลินอิ่งตาย แต่คือเคล็ดลับของแก๊งมังกรในร่างของหลินอิ่ง ……”
“เป็นผมที่บกพร่องในกันสังเกตเองครับ ยังคงเป็นคุณท่านที่วิเคราะห์ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และมองการณ์ไกล” ชายชุดดำก้มลงพูดอย่างประจบสอพลอ
“ระยะวัฏจักรของหลินอิ่งคงจะเพิ่งเริ่มได้ไม่กี่วันมานี้ สภาพพลังเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และเขาสามารถงัดพลังการต่อสู้ออกมาได้มากแค่ไหนก็ยังไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ ฉะนั้นรออีกสักหน่อย ให้ถึงช่วงเวลาที่อ่อนแออย่างที่สุดของระยะวัฏจักร ถึงจะลงมือได้” ท่านมังกรดําพูดอย่างใจเย็น
นิ่งไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง:”ทางด้านมังกรเขียว มีข่าวอะไรหรือเปล่า?”
ชายชุดดำตอบกลับ:”คุณท่าน ท่านมังกรเขียวถูกเบนความสนใจจากผม ตอนนี้ได้เริ่มเตรียมดำเนินการแล้วครับ และอีกไม่กี่วันก็คงจะลงมือกับจ้าวเฉิงเฉียนของตระกูลจ้าว”
“อีกอย่าง ท่านมังกรเขียวเหมือนจะกำลังจะจับดูโครงการเมืองเทียนหลงของตี้จิง และมีความสนใจด้านนี้อย่างมากด้วย” ชายชุดดำพูดน้ำเสียงที่กังวลออกมา “จากการคาดเดาของผม สิ่งนี้จะเป็นตัวนำให้ท่านมังกรเขียวได้ติดต่อกับหลินอิ่ง แล้วเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาหรือเปล่าครับ?”
“ฮือ?มังกรเขียวก็มีความสนใจเรื่องเมืองเทียนหลงด้วยงั้นหรอ?” ท่านมังกรดําเปล่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ “ไม่ได้!จะปล่อยให้มังกรเขียวกับหลินอิ่งไปพบหน้าติดต่อกันไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นศัตรูคู่แข่งหรือการความร่วมมือทางธุรกิจ สิ่งนี้อาจจะทำให้มีความลับของเราบางอย่างรั่วไหลออกไปได้”
“สายตาของมังกรเขียวไม่ได้กว่าผมมากนัก”
ชายชุดดำกล่าวถามด้วยความเคารพ:”คุณท่าน อย่างนั้นต่อจากนี้ไป ผมควรจะทำอย่างไร ?”
“คุณจงไปสร้างเรื่องบางอย่างที่ แก๊งหยางเหมิน เพื่อทำให้มังกรเขียวไม่สามารถปันความสนใจเรื่องของเมืองเทียนหลงได้อีก โดยการไปชักจูงให้เกิดความบาดหมางระหว่างเขากับแก๊งหยางเหมิน” ท่านมังกรดําพูดอย่างพิถีพิถัน
“รับทราบ!ขอน้อมรับคำสั่งครับ” ชายชุดดำพยักหน้ารับอย่างเคารพ
ท่านมังกรดําพยักหน้าตอบเล็กน้อยพร้อมพูดต่อ:”เรื่องนี้สั่งให้ลูกน้องของคุณเป็นคนไปจัดการก็พอ ส่วนคุณ หลังจากที่กลับไปแล้วให้รีบเดินทางไปยังมณฑลตุงไห่ แล้วทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี”
“ไปมณฑลตุงไห่?ความหมายของท่านคือ?” ชายชุดดำถาม
“ในโลกนี้มีอยู่สองคนที่หลินอิ่งให้ความใส่ใจมากที่สุด คนหนึ่งก็คือคุณปู่ของเขา ส่วนอีกคนหนึ่งคือภรรยาเพียงคนเดียวของเขาจางฉีโม่” ท่านมังกรดําค่อยๆ พูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “ฉีเวิ่นติ่งอยู่บนจื่อหลงซาน คงจะยากที่จะไปต่อกรกับเขา แต่ว่าจางฉีโม่มีเพียงพวกผู้ช่วยอ่อนแอกลุ่มหนุ่มคอยปกป้องอย่างลับๆ เท่านั้น สามารถจัดการได้ง่าย”
“แล้วใช้จางฉีโม่มาบังคับหลินอิ่ง ให้เขามาตกหลุมพรางเอง”
“พ่ายใบนี้ ผมเองก็เก็บเอาไว้ในมือมานานมากแล้ว ตอนนี้ควรที่จะใช้ได้แล้ว ……”
“คุณท่านปราดเปรื่องยิ่งนัก!” ชายชุดดำพยักหน้ารับ “ผมกลับไปจะรีบจัดการทันที การจัดการกับผู้หญิงคนนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่ายอย่างมาก!”
ตั้งแต่ในตอนที่หลินอิ่งกลับมาทรงอำนาจในตี้จิง ท่านมังกรดําก็ได้จับตามองดูทุกการกระทำทุกย่างก้าวของหลินอิ่ง และก็รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของจางฉีโม่แห่งมณฑลตุงไห่มานานแล้วด้วย
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่คอยเสาะหาข้อบกพร่องของหลินอิ่ง ความมั่นใจที่ไม่เต็มร้อย จึงทำให้เขาไม่กล้าใช้จางฉีโม่มาข่มขู่หลินอิ่งตามอำเภอใจ
เพื่อหลีกเลี่ยงการพังทลายของแผนการทั้งหมด
แต่วันนี้ เมื่อมั่นใจแล้วว่าหลินอิ่งได้เข้าสู่ระยะวัฏจักรแล้ว อย่างนั้นก็สามารถนำสิ่งนี้มาใช้ประโยชน์ได้แล้ว
“และในอีกไม่นาน แผนการของผมก็จะสำเร็จแล้ว” ท่านมังกรดําพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น
“ผมขอแสดงความยินดีกับคุณท่านเป็นการล่วงหน้า ให้ท่านสามารถครอบครองเคล็ดลับของแก๊งมังกรสมใจ” ชายชุดดำพูดอย่างนอบน้อม “อนาคตการกุมแวดวงลึกลับ จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว……”