“หลินอิ่ง นี่คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?” สวีจิ่วหลิงถามด้วยเสียงที่สั่นเครือ
เขาแทบจะแบกรับแรงกดดันแบบนี้ไม่ไหวจนอกสั่นขวัญแขวนไปหมดแล้ว และมีความรู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
มุมปากของหลินอิ่งปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา พลางชำเลืองมอง สวีจิ่วหลิง
“สวีจิ่วหลิง เดิมทีผมเองก็คิดอยากจะให้ตระกูลสวีของพวกคุณเหลือศักดิ์ศรีเอาไว้บ้าง” หลินอิ่งทอดสายตาอันลุ่มลึกออกไป ก่อนจะพูดอย่างเน้นเสียง “คุณรอรับโทษที่ตัวเองก่อได้เลย”
“สวีไป๋เห้อ เผียวจินฮุน และคนที่เกี่ยวข้อง เอาตัวไปให้หมด”
หลินอิ่งอออกคำสั่งอย่างเฉยชา
ซู่ ซ่า!
ทันใดนั้น กัปตันและเหล่าสุดยอดกองพิเศษเว่ยอันก็เริ่มลงมืออย่างรวดเร็ว
โดยการจับสวีไป๋เห้อและเผียวจินฮุนกดลงไปกับพื้น พร้อมล็อกมือเอาไว้ด้านหลังจนไม่สามารถขยับได้
“คุณ!พวกคุณกำลังทำอะไร?ไม่มีเหตุผลแล้วจะมาจับคนได้ยังไง?”
“ผมเป็นคนประเทศเกาหลี องค์กรของประหลุงของพวกคุณ มีสิทธิ์อะไรมาจับผม ?มีหลักฐานอะไร?หากผมได้กลับไปผมจะไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อฟ้องพวกคุณ!” เผียวจินฮุนพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังพลางคำรามออกมาด้วยใบหน้าโกรธเคือง
หลินอิ่งหัวเราะเยาะ พร้อมดึงเก้าอี้ไท่ซือออกมาแล้วนั่งลงข้างโต๊ะเจรจาอย่างผ่าเผย
“บอกพวกเขาว่าทำผิดอะไร”
หลินอิ่งออกคำสั่งอย่างเฉยชาอีกครั้ง
กัปตันพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองพวกเขากลุ่มนั้นอย่างเย็นชา
เขาจงใจกดเสียงให้ต่ำลง พลางพูดด้วยเสียงเรียบ:”สวีไป๋เห้อคุณถูกสงสัยว่าเป็นกบฏ!เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่?”
“ไม่!ไม่!” สวีไป๋เห้อตื่นตระหนกจนเหงื่อไหลท่วมหน้า ใจก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา “พวกคุณพูดจาเหลวไหล”
กัปตันหันไปมองเผียวจินฮุนพร้อมประกาศ:”คนเกาหลี เผียวจินฮุน คุณมีส่วนร่วมในการลอบสังหารนักการเมืองที่เกษียณอายุของประเทศหลุง ในคดีของท่านฉีเวิ่นติ่ง และคดีที่ถูกไต่สวนโดยฝ่ายทหาร ไม่ว่าเกาหลีของคุณจะออกหน้าอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์”
เผียวจินฮุนสีหน้าเขียวปั๊ด คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ได้
เดิมทีเขายังคิดจะใช้ประโยชน์จากสถานะของตัวเองในเกาหลีด้วยซ้ำ เพราะถึงแม่ว่าประเทศหลุงจะเป็นหน่วยงานรัฐ แต่กลับมีความเข้มงวดอย่างมาก
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเลย เขาก็ถูกดัดทางเอาไว้หมดแล้ว
ต่อให้จะเป็นเจ้าสำนักขององค์กรธุรกิจต่างประเทศของเขา ก็คงจะไม่สามารถเอาชนะข้อหานี้ได้ ……
“นี่ นี่คือการใส่ร้าย นี่คือเรื่องเข้าใจผิด……” เผียวจินฮุนสมองโล่งไปหมด เขาพร่ำเพ้อไม่ได้ความ พร้อมพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “ไม่มีทางเด็ดขาด พวกคุณต้องเข้าใจผิดแน่นอน !”
เมื่อต้องถูกนำตัวไปยังกองพิเศษเว่ยอันของประเทศหลุง เผียวจินฮุนถึงต่อให้มีความหลักแหลมที่ไม่ธรรมดาแต่ก็ต้องจบเห่ลง
ตอนนี้เขารู้สึกเสียดายจนไม่รู้จะเสียดายอย่างไรแล้ว
ตอนแรกคิดว่าการมาประเทศหลุงเพื่อต่อกรกับหลินอิ่งอย่างมากก็แค่สูญเสียทรัพย์สินบางส่วนไป หรือไม่อย่างมากถ้าไม่สำเร็จก็แค่ถอนตัวออกไปเท่านั้น
แต่ในสถานการณ์ตอนนี้หลินอิ่งกลับกำลังจะผลักทั้งชีซิงกรุ๊ปของพวกเขาลงสู่เหวลึก !
ความสามารถของชายคนนี้มาถึงจุดที่ไม่สามารถคาดเดาได้แล้ว
“เรื่องทุกอย่างต้องมีหลักฐาน พวกคุณไม่มีหลักฐานจะออกมาพูดตามอำเภอใจแบบนี้ได้ยังไง ?” ในใจของสวีจิ่วหลิงคิดว่ายังพอมีทางรอด ดังนั้นจึงถามออกไปอย่างแคลงใจ
กัปตันมองสวีจิ่วหลิงด้วยสายตาเย็นชาพร้อมตอบด้วยเสียงทุ้มหนัก:”คดีที่ไต่สวนโดยฝ่ายทหาร คุณคิดว่าจะไม่มีหลักฐานเท็จจริงงั้นหรอครับ ?”
“กลุ่มคนคนต้าเหอที่วางยาคุณท่านฉี ตอนนี้ได้ถูกรวบตัวไว้หมดแล้ว ได้มีการส่งมอบเทปเสียงบันทึก และยอมรับสารภาพหมดแล้วว่า พวกคุณตระกูลสวีได้มีการอำพราง ปกปิดและสมรู้ร่วมคิด !”
“นอกจากนี้ สวีไป๋เห้อลูกชายของคุณ และคนต้าเหอกับคนเกาหลี ได้มีส่วนร่วมกันในการก่อเหตุผิดกฎหมายที่สำคัญหลายครั้ง แต่ผมจะไม่ขอบอกถึงรายละเอียดของแต่ละเรื่องแล้วกัน”
“ท่านสวีจิ่วหลิงถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าคุณเคยเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของรัฐ และไม่ต้องคำนึงถึงเกียรติและศักดิ์ศรี คุณ ก็สมควรที่จะถูกกดลงไปเช่นกัน”
หลังจากที่กัปตันพูดประโยคนี้จบลง ดวงตาของสวีจิ่วหลิงก็เต็มไปด้วยความกลัว ใบหน้าเหี่ยวชราก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ตุ๊บ!
ร่างกายของสวีจิ่วหลิงอ่อนลง พลางนั่งลงไปบนเก้าอี้ไท่ซืออย่างรุนแรง ดวงตาทั้งสองของเขาไร้แวว ราวกับว่าเพียงครู่เดียวเขาก็แก่ลงไปอีกหลายสิบปี เหมือนกับตะเกียงที่ใกล้จะดับลงไปทุกที เมื่อเทียบกับท่าทีเบิกบานเมื่อสักครู่นี้แล้วอย่างกับเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว
ในใจของสวีจิ่วหลิงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยว่าตระกูลสวีถึงคราวพินาศแล้วจริงๆ
ไม่ใช่เพียงแค่สูญเสียโครงการใหญ่อย่างเมืองเทียนหลง สูญเสียตำแหน่งทางโลกธุรกิจเท่านั้น
แต่รากฐานของตระกูลสวีทั้งหมดล้วนถูกหลินอิ่งกำจัดจนหมดสิ้น !
และสิ่งที่กัปตันพูดก็ล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด……แถมยังมีหลักฐานที่แน่นอนแล้วด้วย ไม่อย่างนั้นกองพิเศษเว่ยอันก็คงไม่ออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้ ……
หากตระกูลสวีรุ่นนี้ติดคุก ชีวิตหลังจากนี้ของตระกูลสวีในตี้จิง รากฐานที่ลำบากสั่งสมมานับร้อยปี รวมทั้งเกียรติยศความน่าเชื่อถือที่มีมานานนับศตวรรษก็คงจะถูกกำจัดจนสิ้นซาก !
ข้อหากบฏ ถูกกดทับลงมาจนหลังของตระกูลสวีแทบจะหักอยู่แล้ว!
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน ผมอยากจะขอโทรศัพท์สักหน่อย ขอโทรไปหารองผู้บัญชาการ……” สวีจิ่วหลิงพูดด้วยสั่นเทา
“สวีจิ่วหลิง คุณอย่าคิดว่าจะมีโชคดีเกิดขึ้นอีกเลย ทางผู้บัญชาการสูงสุดพวกเราได้ไปกล่าวทักทายมาก่อนแล้ว” กัปตันพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“คุณท่านอย่างคุณ จากนี้ก็ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบจิตสงบใจดีกว่านะครับ เรื่องนี้มีพยานหลักฐานที่แน่ชัดแล้ว ใครก็ขัดไม่อยู่แล้ว”
“นี่คือผลสรุปจากการเจรจาของท่านปู่ฉีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ฝ่ายทหาร ถ้าหากไม่ใช่คำขอของท่านปู่ฉี บางทีเกียรติยศช่วงสุดท้ายของชีวิตคุณก็คงจะไม่เหลือ ……”
สวีจิ่วหลิงเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะหันไปจ้องหลินอิ่งเขม็งด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว
หลินอิ่งสบตากับสวีจิ่วหลิงด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“เหอะๆๆ” สวีจิ่วหลิงหัวเราะออกมาอย่างทุกข์ใจ แววตาเต็มไปด้วยความทุกข์และสิ้นหวัง “ตระกูลฉีได้ให้กำเนิดคนที่มีความสุดยอดจริงๆ ……”
“ผมถามตัวเอง ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยพอใจในตัวฉีเวิ่นติ่งเลย แต่ทว่าลูกหลานของเขากลับทำให้ผมยิ่งไม่ชอบมากกว่านั้นหลายพันเท่า !”
“ช่างเถอะ ๆ” สวีจิ่วหลิงพึมพำกับตัวเองอย่างน่าเวทนา “เรื่องทุกอย่างมาถึงวันนี้ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของผมคนเดียว ช่างรู้สึกละอายต่อบรรพบุรุษ ตระกูลสวีเสียจริง บารมีนับศตวรรษ และชื่อเสียงนับหลายร้อยปี ……สลายจนหมดสิ้น”
“ถ้าหากว่าคุณไม่สั่งฆ่าคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ท้าทายกับความอดทน” หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “คุณปู่ของผมก็คงจะยังพอนึกถึงความสัมพันธ์ที่ดีมาแต่ก่อน และมอบโอกาสรอดให้กับคุณ”
“ภัยจากฟ้า หลบหลีกได้ แต่ภัยจากตัวเอง ไร้ทางหนี”
หลินอิ่งมองไปยังสวีจิ่วหลิง แล้วพูดอย่างเฉยชา
“ผม ผม!แค๊กๆๆ !”
สวีจิ่วหลิงใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและไม่พอใจ พร้อมกับกระอักเลือดสดๆ ออกมา ก่อนที่จะทรุดลงไปกับพื้นอย่างแรง
บุคคลที่มีอิทธพลแห่งยุคสมัยแห่งตี้จิงอายุราวเก้าสิบคนนี้ จากไปด้วยความเกลียดชัง และทรุดลงตายไปกับพื้น
“พ่อ!”
“คุณท่าน!”
“คุณท่าน คุณจะมาเป็นอะไรไม่ได้นะ!”
กลุ่มคนตระกูลสวี ต่างวิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ พลางล้อมรอบร่างของสวีจิ่วหลิงเอาไว้ ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและทุกข์ใจ
หลินอิ่งมองดูสถานการณ์นี้อย่างไร้สีหน้าก่อนจะหันหลังกลับอย่างใจเย็น
“ตรวจสอบชื่อทั้งหมดในรายการ แล้วจัดการซะ”
หลังจากที่ออกคำสั่งเสร็จ กัปตันก็กวักมือ แล้วเหล่าสุดยอดสมาชิกก็วิ่งเข้ามาเตรียมจะจับคน
ไม่มีใครกล้าต่อต้าน และไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวางเลย
ผู้คนทั้งหมดที่เบิกตามองดูหลินอิ่งกดดันสวีจิ่วหลิงจนตายคาที่ ต่างก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
สายตาที่พวกเขามองไปยังหลินอิ่ง เต็มไปด้วยความริษยาและความหวาดกลัว ดั่งเกรงกลัวต่อเทพเจ้า!