พอได้ฟังคำขู่ของหลินเจว๋ หลินอิ่งก็หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน สีหน้าไร้อารมณ์
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป ถูกตระกูลหลินแห่งลังยาขู่แบบนี้ ในใจจะต้องมีหวั่นไหวบ้าง
แต่ว่าเขา ไม่ว่ายังไงก็เป็นถึง หลินอิ่ง ทายาทแก๊งมังกร
“คุณกำลังขู่ผม?”หลินอิ่งยิ้มอย่างเย้ยหยัน”คุณคิดจริงๆ เหรอว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณ? ถ้าผมฆ่าคุณ ตระกูลหลินจะสามารถคุ้มครองคุณได้ไหม?”
“สำหรับการกระทำในวันนี้ของคุณ อย่างน้อย ผมก็จะทำลายศิลปะการต่อสู้ของคุณ เพื่อที่จะไม่ให้คุณใช้ศิลปะการต่อสู้มาอวดเบ่งอีกแล้ว”
ท่าทีที่หยิ่งยโสของพวกหลินเจว๋ มาเล่นงานคนของเขาถึงที่ มันก็ทำให้หลินอิ่งมีเจตนาฆ่าขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
“หลินอิ่งเอ๋ย กิริยาท่าทางของแกนี่มันเหมือนกับตาของแกสมัยหนุ่มจริงๆ หยาบคายเอาแต่ใจสุดๆ “
ในขณะนี้เอง ข้างนอกประตูก็มีเสียงที่นิ่งลึกคาดเดาไม่ได้ดังขึ้นมา
ผู้ชายในชุดราชวงศ์ถังอายุประมาณห้าสิบปีขึ้นไป เดินเอามือไขว้หลังตรงเข้ามา หรี่ตามองหลินอิ่ง
คนที่มา ตั้งแต่หัวจรดเท้าดูมีรังสีไม่ธรรมดา หน้าตาเข้มงวดเคร่งขรึม สายตาเฉียบแหลมราวกับคมมีด แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี
“พี่ห้า เมื่อตะกี้เห็นแล้วใช่ไหม ว่าเด็กหลินอิ่งนี่มันหัวแข็งดื้อรั้นมาก กล้ามาลงมือกับพวกเด็กทั้งสองคนต่อหน้าผม”พอหลินเจว๋เห็นคนมา ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมา”คุณว่า ควรจะจัดการกับเด็กนี่ยังไง?”
“ฉันเห็นแล้ว เด็กนี่มันหยิ่งผยองกว่าที่คิดเอาไว้ แม้แต่นายยังจัดการมันไม่ได้ ทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ “
คนที่มาพูดขึ้นอย่างช้าๆ ไม่เร่งไม่รีบ มองมายังหลินอิ่งด้วยความสนใจ
“หลินอิ่ง ฉันชื่อหลินหวูเว่ย เป็นพี่ห้าของแม่ของแก สมัยก่อนตอนที่แม่ของแกยังอยู่ที่ตระกูลหลิน ฉันก็เคยพาแม่ของแกมาก่อน”
หลินหวูเว่ยค่อยๆ พูดขึ้น
“เห็นแก่ที่แกยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไร ฉันที่เป็นผู้อาวุโส ยกโทษให้กับความผิดของแกได้”หลินหวูเว่ยวางมาด พูดขึ้นอย่างทรงพลังน่าเกรงขาม”ตอนนี้ แกขอโทษหลินเจว๋น้าของแกต่อหน้าซะ จากนั้น ก็ส่งมอบกิจการธุรกิจของตี้จิงมาแต่โดยดี แล้วกลับไปตระกูลหลินแห่งลังยากับฉัน ทั้งหมดก็จะยังพูดดีๆ กันได้”
หลินอิ่งยิ้มไม่พูดอะไร แววตาเผยให้เห็นถึงความเยือกเย็น
เขาใกล้จะหมดความอดทนแล้ว ขี้เกียจเสวนากับคนของตระกูลหลินอีกแล้ว
คนของตระกูลหลินแห่งลังยา เป็นคนที่เย่อหยิ่งทะนงตัวทุกคน
บางทีเพราะว่าพวกเขาอาจจะยังไม่เคยเจอกับความทุกข์ยากมาก่อน
บางทีในสายตาของเขา ทุกอย่างในโลกธรรมอาจจะไร้สาระ ต่อให้มีพลังอำนาจแข็งแกร่งแค่ไหน มั่งคั่งขนาดไหน ภายใต้การควบคุมของอำนาจที่เด็ดขาดแล้ว ก็ไร้ประโยชน์
“ถ้าไม่อยากพูดดีๆ ล่ะ?”
หลินอิ่งมองหลินหวูเว่ย พูดถามขึ้นอย่างสนใจ
เขามองออก ว่าพลังบูโดของหลินหวูเว่ยอยู่เหนือกว่าหลินเจว๋
สองคนนี้ล้วนแต่อยู่ในระดับโลก แต่แค่ว่า ท่าทางของหลินหวูเว่ยให้อารมณ์ความรู้สึกที่ทรงพลังแข็งแกร่งมากกว่า เกือบเข้าใกล้ระดับสวรรค์แล้ว
คนนี้ น่าจะเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดที่ตระกูลหลินส่งมาที่ตี้จิง
“ไม่พูดดีๆ ?”หลินหวูเว่ยยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“หลินอิ่ง เมื่อตะกี้ฉันไม่โผล่หน้าออกมา แค่อยากจะดูสักหน่อยว่าแกมีท่าทียังไง”หลินหวูเว่ยยิ้พูดขึ้นอย่างช้าๆ ไม่รีบไม่ร้อน”การต่อสู้ของแกกับหลินเจว๋ เผยให้เห็นถึงพลังของแกเรียบร้อยแล้ว”
“แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน อย่าให้ฉันต้องลงมือจัดการแกแล้วลากกลับตระกูลหลินเลย ถ้าเป็นแบบนั้นจะดูไม่ดีเอา”
หลินหวูเว่ยยิ้มท่าทางดูฉลาดมีปัญญา ราวกับว่ามองทะลุทุกสิ่งทุกอย่างของหลินอิ่งออกตั้งนานแล้ว
เพราะว่า การต่อสู้ของหลินอิ่งกับหลินเจว๋เมื่อตะกี้นี้ ทุกการกระทำของหลินอิ่ง ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขาหมดแล้ว
เขาตัดสินอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว ว่าพลังบูโดของหลินอิ่งอยู่ในระดับกลางของระดับโลก ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แน่นอน
แต่แค่เคล็ดลับวิชาบูโดของหลินอิ่งน่าประหลาดใจมาก คาดเดาไม่ได้
“หลินอิ่ง แกน่าจะมีได้รับบาดเจ็บอยู่ภายในสินะ ดูอ่อนแอ ตอนที่ต่อสู้กับหลินเจว๋เมื่อตะกี้ แทบจะฝืนรับเอาไว้เลยสินะ”หลินหวูเว่ยพูดขึ้นด้วยอารมณ์หยอกเล่น”ฉันก็ไม่อยากจะไปรังแกคนที่ด้อยกว่า ไม่อยากลงมือจัดการกับเด็กรุ่นหลังที่บาดเจ็บตามตัวแบบแก”
“แถม ต่อให้เป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของแก บูโดก็คงไม่ถึงขั้นระดับสวรรค์หรอก”
“สิ่งที่ฉันอยากรู้ในตัวแกมากที่สุด ก็คือเคล็ดลับวิชาบูโดน่าอัศจรรย์มากจริงๆ ขนาดระดับฉันเห็นแล้วยังมองไม่ออกถึงเงื่อนงำเลยสักนิด”
“แล้วก็ แกยอมบอกมาซะดีๆ เถอะ ว่าแกยังมีใครอยู่เบื้องหลังอีก? ที่ได้ครอบครองตี้จิง กำลังทำงานให้กับใครอยู่?”
หลินหวูเว่ยค่อยๆ พูดคำพูดนี้ออกมาอย่างช้าๆ มองจ้องหลินอิ่ง
พูดเข้าประเด็นทันที
หลินหวูเว่ยแค่รู้สึกประหลาดใจกับสองอย่างนี้ของหลินอิ่งเท่านั้น
อย่างแรกคือคิดไม่ถึงว่าตัวหลินอิ่งเองจะมีพลังบูโดที่ไม่ธรรมดา เคล็ดลับศิลปะการต่อสู้น่าทึ่งมาก
สองคือสงสัยว่า เบื้องหลังของหลินอิ่งมีคนที่เก่งกาจคนไหนคอยบงการอยู่ ถึงยังไงหลินอิ่งก็เงียบๆ ไม่มีข่าวคราวอะไรในกลุ่มสันโดษเลย ทักษะความสามารถนี้ ไม่มีทางมาโดยที่ไม่มีใครสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแน่นอน
หลินอิ่งมองหลินหวูเว่ยอย่างนิ่งลึก มุมปากเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเย้ยหยัน
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ในสายตาของตระกูลหลินแห่งลังยา ตัวเองไม่มีค่าพอให้พูดถึงจริงๆ ด้วย คิดว่าเบื้องหลังของตัวเองยังมีคนคอยสั่งการอยู่ ถึงได้สามารถครอบครองตี้จิงได้
ถึงยังไงมันก็เป็นแบบนี้มาอยู่แล้ว ประเมินตัวเองต่ำเพราะเห็นว่าตัวเองอายุน้อย
“ดูท่าแล้ว แกไม่ยอมส่งมอบอำนาจของตี้จิงมาให้แต่โดยดีสินะ? ไม่เต็มใจ?”หลินหวูเว่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าอารมณ์หยอกเล่น”แกยังคิดว่าแกสามารถขัดต่อเจตจำนงของตระกูลหลินแห่งลังยาได้อีกเหรอ?”
“ต่อหน้าของพลังที่เด็ดขาด แกขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้แกไม่ยอมส่งมอบทุกสิ่งทุกอย่างของตี้จิงมา ตระกูลหลินก็มีวิธีที่จะจัดการกับแกอยู่ดี”หลินหวูเว่ยพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
หลินอิ่งแทบจะแอบหลุดขำออกมา พูดขึ้น”แบบพวกคุณเนี่ยนะ กล้าเรียกตัวเองว่าพลังที่เด็ดขาด?”
“เหอะ ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูสิ ถ้าไม่เอาของจริงให้แกดูสักหน่อย เด็กแบบแกก็จะไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ โลกใบนี้มันมีอะไรมากกว่าที่แกคิด”หลินหวูเว่ยสีหน้าเยือกเย็นลง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
“หลินเจว๋ มาร่วมมือกับฉัน จัดการไอ้เด็กนี่ซะ แล้วลากมันกลับตระกูลหลิน!”
จู่ๆ หลินหวูเว่ยก็ออกคำสั่ง ดูท่าทางทรงพลังน่าเกรงขาม ที่ตัวมีคลื่นอากาศที่รุนแรงน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา กลายเป็นแสงสายฟ้า พุ่งไปยังหลินอิ่ง
ในขณะเดียวกัน หลินเจว๋ก็พุ่งลงมืออย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน โจมตีหลินอิ่งจากอีกทิศทางหนึ่ง
ยอดฝีมือสองคนนี้ เคลื่อนไหวดุจสายฟ้า รวดเร็วจนน่าทึ่ง
ส่วนหลิงอิ่ง ก็คาดไว้ก่อนแล้ว รู้ว่าสองคนนี้มีความคิดอะไรอยู่ เตรียมพร้อมไว้ตั้งนานแล้ว สังเกตทุกการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนตลอดเวลา
ช่วงเวลานี้
สองแขนของหลินอิ่งสั่นสะเทือน เกิดเสียงดังลั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งออกไปราวกับคลื่นสึนามิ อากาศแปรปรวนระเบิดดังกระหึ่ม พลังภายในแทบจะอัดรวมกันเป็นมวลสาร ราวกับว่ากลายเป็นสองมือล่องหนพุ่งไปคว้าพวกเขาสองคนเอาไว้
ปึง!ปึง!
เสียงดังขึ้นมาสองครั้ง พวกหลินหวูเว่ยถูกบล็อคเอาไว้ ร่างกายแข็งชะงัก ห่างจากหลินอิ่งไปสามฟุต ราวกับถูกพายุเฮอริเคนพัดโถมกระหน่ำอย่างรุนแรง เสื้อที่สวมอยู่พัดโบกอย่างแรง เสียงกระดูกแตกดังกร็อบแกร็บ!
กร็อบแกร็บ!
พลังงานที่โหดเหี้ยมรุนแรงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไปทั่ว สะเทือนสนั่นหวั่นไหวจนพื้นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ แยกกระจายออกจนละเอียด
ถึงขนาดที่แม้แต่กระจกกันระเบิดของโถงรับแขก ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ไปหมด ร่วงตกลงบนพื้น……
“นี่มัน!”
หลินหวูเว่ยกับหลินเจว๋สีหน้าตกใจ มองหลินอิ่งด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาคิดไม่ถึง ว่าพลังภายในที่ระเบิดออกมาของหลินอิ่ง จะน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้