ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 631 แจ้งให้ลงมือ

พอได้ฟังหลินหวูเว่ยวิเคราะห์มาแบบนี้ หลินเจว๋สายตาก็เปล่งประกาย จู่ๆก็เหมือนกับเข้าใจอะไรขึ้นมา

“พี่ห้า ความคิดของคุณฉลาดเฉลียวมากจริงๆ”หลินเจว๋พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”แม่เฒ่าสีหน้าดูดีสุดๆ หลินอิ่งฉีกหน้าของตระกูลหลินจนหมดเกลี้ยง ขอแค่พวกเราใส่น้ำมันเข้าไปอีกหน่อย จะต้องส่งคนมาจับกุมตัวหลินอิ่งที่ตี้จิงด้วยความโกรธอย่างแน่นอน”

“ลุงสามกับตาของหลินอิ่งมีความแค้นต่อกัน ถ้ารู้ว่าหลินอิ่งมีพลังบูโดที่แข็งแกร่งขนาดนี้ จะต้องคิดหาวิธีกำจัดหลินอิ่งทิ้งไปแน่นอน”

หลินหวูเว่ยพยักหน้า พูดขึ้น”แน่นอนอยู่แล้ว”

“ครั้งนี้ พวกเราจะต้องคิดให้ดี ว่ากลับไปตระกูลหลินแล้วจะอธิบายยังไง ขอแค่ดำเนินการให้ดี ต่อให้ศิลปะการต่อสู้ของพวกเราถูกทำลายแล้ว ก็ยืมมือคนอื่นให้มาจัดการฆ่าหลินอิ่งได้ ลบล้างความอัปยศในอดีตไปซะ!”

พูดพลาง หลินหวูเว่ยก็เผยให้เห็นถึงสีหน้าที่ชั่วร้าย พร้อมกับพูดขึ้น”แถมตาของหลินอิ่งหลินซวนหวาก็ถูกเรียกกลับมาที่ตระกูลหลิน ต่อให้ยังรับมือกับหลินอิ่งไม่ไหวในตอนนี้ แต่ก็สามารถไประบายความโกรธแค้นกับหลินซวนหวาได้นี่!”

“หือ? พี่ห้าข้อเสนอนี้ของคุณไม่เลวเลย”หลินเจว๋แววตาสั่น พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน”ต่อให้หลินอิ่งจะมีอำนาจอิทธิพลยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานะต่ำต้อยของหลินซวนหวาตาของมันได้หรอก พวกเราก็ต้องคิดหาวิธีบีบคั้นกดขี่มัน ถึงตอนนั้นหลินอิ่งกลับมาตระกูลหลิน ก็จะลงเอยแบบตาของมัน”

“หึ”หลินหวูเว่ยสบถหึออกมาอย่างเย้ยหยัน พูดขึ้นด้วยแววตาชั่วร้าย”บังอาจมาทำลายศิลปะการต่อสู้ของพวกฉันทั้งสองคน ต่อให้ฉันตาย ก็ต้องทำให้ไอ้เด็กหลินอิ่งนั่นชดใช้มาอย่างสาสม……”

“แต่น่าเสียดาย พวกเราสองคนก่อนหน้านี้ไม่ได้เตรียมตัวให้ดี ประเมินพลังของหลินอิ่งต่ำเกินไป ไม่อย่างนั้น คงไม่ถึงกับต้องตกต่ำลงมาถึงขั้นนี้”

หลินหวูเว่ยกับหลินเจว๋ทั้งสองคน รู้สึกไม่เต็มใจ แล้วก็รู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย

การไปที่ตี้จิงในครั้งนี้ ทำให้ในใจของพวกเขาเกิดความอาฆาตแค้นไม่รู้จบ

ในใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นหลินอิ่ง แทบอยากจะฆ่าหลินอิ่งทิ้งให้สาแก่ใจ

……

วันต่อมา

บริเวณทางเข้า สนามบินนานาชาติตี้จิง

หลินอิ่งพาฮาเดสลงมาจากรถ

จ้าวเฉิงเฉียนพายอดฝีมือสองคนมารอเขาเรียบร้อยแล้ว

“คุณชายอิ่ง ได้ยินว่าคุณจะเดินทางไกล จะปฏิบัติฝึกฝนที่นี่แทนคุณเป็นพิเศษเลยครับ”จ้าวเฉิงเฉียนพอเห็นหลินอิ่งลงจากรถ ก็พูดขึ้นด้วยความเกรงใจ

หลินอิ่งหันมองจ้าวเฉิงเฉียนหนึ่งที ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง”มีเรื่องอะไร นายก็พูดออกมาตรงๆเลย”

เมื่อวาน จ้าวเฉิงเฉียนก็โทรศัพท์มา คุยธุระกับตัวเอง

หลินอิ่งไม่ว่างรับสาย สั่งกำชับให้จ้าวเฉิงเฉียนมารอที่สนามบินวันนี้ มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันซึ่งๆหน้า

ในใจของเขารู้ดี ว่าจ้าวเฉิงเฉียนอยากที่เจรจาหารือเรื่องธุระที่ไปมณฑลจี้โจว

ก่อนหน้านี้คุยเรื่องนี้กับจ้าวเฉิงเฉียนลงตัวแล้ว ตอนแรกก็ตั้งใจที่จะไปปฏิบัติงานให้เต็มที่ จัดการสยบตระกูลเผยแห่งจี้โจว ขยายอำนาจอิทธิพลของตัวเองภายในแวดวงลึกลับ

แต่แค่ ตอนนี้ตัวเองอยู่ในระยะวัฏจักร ศิลปะการต่อสู้ยังไม่เฟื่องฟูถึงขีดสุด ถ้าอยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องของตระกูลเผยจริงๆ ก็ต้องทำการวางแผนให้ดีๆ

แถมในใจของหลินอิ่งก็ปล่อยวางจางฉีโม่ไม่ลงมาโดยตลอดด้วย

วางแผนที่จะกลับไปที่มณฑลตุงไห่ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน

“คุณชายอิ่ง ถ้าอย่างนั้นผมไม่พูดเรื่องสัพเพเหระแล้วครับ”จ้าวเฉิงเฉียนไตร่ตรองอยู่สักพัก ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”สถานการณ์ทางฝั่งของจี้โจวไม่ค่อยชัดเจน ไม่มีการสนับสนุนจากคุณแล้ว ผมไม่กล้าเข้าไปง่ายๆ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงจับตาดูอยู่ครับ”

“ผมอยากถามคุณชายอิ่งสักหน่อย จะตัดสินใจได้เมื่อไร จะไปจี้โจวด้วยกันได้ตอนไหนครับ?”จ้าวเฉิงเฉียนพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

เรื่องของตระกูลเผยแห่งจี้โจว ถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งเลย

ถ้าพูดถึงเรื่องผลประโยชน์และการสูญเสีย เทียบกับสถานการณ์ของเมืองเทียนหลงแล้วก็ยังใหญ่กว่า

ถ้าทำดี เขากับหลินอิ่งก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดี แต่ละคนก็จะได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการ

หลินอิ่งนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง”อย่างสั้นครึ่งเดือน อย่างยาวหนึ่งเดือน”

เรื่องของตระกูลเผยแห่งจี้โจว เกี่ยวข้องกับเรื่องแผนการใหญ่ที่เขาจะยึดแก๊งมังกรคืนกลับมาอีกครั้งในอนาคต แล้วก็เป็นการเคลื่อนไหวก้าวแรกในแวดวงลึกลับเหมือนกัน

จะต้องระวังให้มากๆ

แต่ หลังจากที่ไปเมืองตุงไห่แล้ว ก็ยังต้องไปตระกูลฉู่แห่งเตียนหนานด้วย

นี่มันต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งเลย

จ้าวเฉิงเฉียนพยักหน้า พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”คุณชายอิ่ง เวลาหนึ่งเดือนก็ใกล้มาถึงแล้ว ทางฝั่งของตระกูลเผยผมจะคอยจับตาดูเอาไว้ ถ้ามีการเคลื่อนไหวอะไร ผมจะแจ้งมาทางคุณทันที”

“ถ้าอย่างนั้นก็รอข่าวดีจากคุณชายอิ่งแล้วกัน”

จ้าวเฉิงเฉียนรู้ว่าหลินอิ่งมีเรื่องงานที่ต้องทำมากมาย ก็ไม่กล้าไปเร่งรัดหลินอิ่ง

ถึงยังไง เขาก็ขอให้หลินอิ่งทำเรื่องให้ พลังของหลินอิ่งก็อยู่เหนือกว่าเขา

“ใช่แล้ว จ้าวเฉิงเฉียน ครั้งที่แล้วที่นายบอกว่ามีกลุ่มคนลึกลับจ้องมองนายที่ตี้จิง มีเงื่อนงำเบาะแสบ้างแล้วยัง?”จู่ๆหลินอิ่งก็นึกอะไรขึ้นมาได้ พูดถามขึ้น

“อ๋อ?”จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าหลินอิ่งจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

“คุณชายอิ่ง ถือว่ามีเงื่อนงำบ้างแล้วครับ……”จ้าวเฉิงเฉียนขมวดคิ้วพูดขึ้น”คนกลุ่มนั้น น่าจะเป็นผู้มีอำนาจยักษ์ใหญ่ห้าอันดับแรกที่มาจากแวดวงลึกลับ ผมใช้สายลับที่เก่งกาจที่สุดในแก๊งหยางเหมินแล้ว ก็หาเบาะแสร่องรอยในตี้จิงของพวกเขาไม่เจอเลยแม้แต่นิดเดียว……”

“ผู้มีอำนาจยักษ์ใหญ่ห้าอันดับแรก?”หลินอิ่งรู้สึกสนใจ ไม่ได้สงสัยการตัดสินใจของจ้าวเฉิงเฉียนเลยแม้แต่น้อย

ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็ชักจะน่าสนใจขึ้นมาไม่น้อยแล้ว

ติ้จิง ก็ไม่ได้ง่ายๆเหมือนอย่างที่เห็น

เบื้องหน้า ตนเองควบคุมจัดการตี้จิงในทุกๆด้าน แต่เบื้องลึก ยังไม่รู้ว่าแอบซ่อนอำนาจอิทธิพลที่แข็งแกร่งแบบไหนเอาไว้อยู่

“คุณชายอิ่ง ถ้าคุณก็สนใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน พอในอนาคตมีผลลัพธ์ออกมาแล้ว ผมจะรายงานแบ่งปันข้อมูลให้กับคุณแล้วกันครับ”จ้าวเฉิงเฉียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“ก็ดีเหมือนกัน”หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย

จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าลังเลอยู่สักพัก มองหลินอิ่งหนึ่งทีก่อนจะพูดขึ้น”คุณชายอิ่ง มีอีกหนึ่งเรื่อง ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่ควรพูดดี……”

หลินอิ่งชำเลืองตามองจ้าวเฉิงเฉียน ในใจพอจะรู้ว่าเขาคิดจะพูดอะไร

“ว่ามา”

จ้าวเฉิงเฉียนพูดขึ้น”คุณชายอิ่ง ทางฝั่งน้องสาวของผม หลินเอ๋อร์ เธอฝากผมมาบอกอะไรบางอย่างกับคุณ หวังว่าคุณชายหลิ่งยังจำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอได้ตอนที่อยู่ที่ตระกูลจ้าวนะครับ”

“เรื่องนี้ ฉันรู้”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”ฉันพูดแล้วไม่คืนคำ รอฉันว่างเมื่อไร ฉันจะกลับไปเติมเต็มความปรารถนาของเธอแน่นอน”

“คุณชายอิ่ง เรื่องนี้ หลินเอ๋อร์ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ผมก็เคยพูดโน้มน้าวเธอแล้ว ว่างานของคุณยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปทะเลกุหลาบเป็นเพื่อนเธอหรอก”จ้าวเฉิงเฉียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”รอวันที่จะจัดการเรื่องของจี้โจวให้เรียบร้อยก่อน ผมเต็มใจที่จะไปคุ้มกันคุณชายอิ่งท่องเที่ยวทะเลกุหลาบด้วยตัวเองเลยครับ”

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร

ทั้งสองคนพูดพจบ ก็ค่อยๆเงียบสงบลง หลินอิ่งเดินตรงเข้าไปภายในสนามบิน จ้าวเฉิงเฉียนพาคน ไปส่งอยู่ข้างๆ

ตรงมุมมุมหนึ่งในสนามบินนานาชาติตี้จิง ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ม้านั่ง แววตาที่อยู่ภายใต้แว่นกันแดดสีดำมืดมนถึงขีดสุด กำลังจ้องหลินอิ่งอยู่ไกลๆ

จนกระทั่งหลินอิ่งขึ้นเครื่องบิน ชายชุดดำก็ล้วงมือถือออกมา โทรศัพท์ออกไป

“แผนเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดนิดหน่อย ตอนนี้หลินอิ่งขึ้นเครื่องบินที่จะบินกลับไปเมืองตุงไห่แล้ว แจ้งต่อไป ว่าให้ลงมือพาตัวของจางฉีโม่ได้เลย ต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนหลินอิ่งจะถึงเมืองตุงไห่ ห้ามประมาทแม้แต่นิดเดียว นี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดที่นายท่านสั่งกำชับพวกเราไว้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset