สองผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน ได้เข้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว
เสียงดังโครมคราม ราวกับสายฟ้าที่กำลังร้องคำราม
จนที่ตรงนั้นเกิดพายุหมุนที่รุนแรงขึ้น แรงลมทำให้หินก้อนใหญ่นั้นถูกพัดจนกระเด็น ฝุ่นควันลอยคลุ้งไปทั่ว
มองจากไกลๆ ก็เห็นเพียงร่างของทั้งคู่สวนกันไปมาราวกับสายฟ้า สู้กันจนพื้นดินนั้นพังทลายลงไปเรื่อยๆ และก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้องอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของท่านมังกรดำนั้น เคลื่อนราวกับสายฟ้า ที่เร็วทั้งรุนแรง ไล่ล่าตามฆ่าหลินอิ่ง ในการเคลื่อนที่ทุกครั้ง จะก่อให้เกิดพายุหมุนขึ้น ทำให้พื้นดินโดยรอบแตกออกเป็นทาง
เสื้อคลุมสีดำของเขาเคลื่อนไหวโดยที่ไม่มีแรงลม รอบตัวก็มีชี่กังที่แทบจะกลายเป็นของแข็งไหลเวียนอยู่
ชี่กังที่ทรงพลังและน่าเกรงขามนี้ ถ้าคนทั่วไปโดนเข้าแม้แต่นิดเดียว ก็จะแยกสลายเป็นก้อนเนื้อทันที
ส่วนหลินอิ่งนั้น ก็ได้ระเบิดชี่กังคลุมตัวที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ร่างกายดูเป็นธรรมชาติ เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และเข้าปะทะกับท่านมังกรดำไปหลายกระบวนท่า
การต่อสู้ระหว่างทั้งคู่ ได้เหนือจินตนาการไปแล้ว ท่ามกลางสายฟ้าและก้อนหินที่ระเบิด ทำให้พื้นดินของรัศมีโดยรอบกว่าร้อยเมตรเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่เป็นสิบหลุม ฉากที่เกิดขึ้นตรงนั้นสั่นสะเทือนกึกก้องอย่างแรง
ส่วนคนที่อยู่ใกล้เคียง ไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของคนทั้งสองได้อย่างชัดเจนได้เลย แม้แต่ร่างกายยังมองตามด้วยตาเปล่าไม่ทันเลย
ใครที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ ยิ่งไม่มีทางรู้เข้าไปใหญ่
รู้แค่เพียงว่า ลมพายุที่ซัดเข้ามาเป็นลูกๆ นั้น ทำเอาทุกคนที่กำลังมองดูอยู่ไม่กล้าเข้าไปใกล้เลย ต่างพากันถอยห่างออกไปเป็นร้อยเมตร
เพราะในใจของทุกคนต่างรู้ดี ว่าการต่อสู้ระหว่างหลินอิ่งกับท่านมังกรดำนั้น ต่อให้เป็นลูกหลงจากพลัง มันก็มากพอที่จะปลิดชีพของตนได้ จึงจำเป็นต้องถอยออกไปให้ไกล
โครมคราม!
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงใจกลาง ได้ดำเนินมาถึงในจุดที่น่าสะพรึงกลัวแล้ว
แค่การต่อสู้เพียงไม่กี่อึดใจ พื้นดินก็เละเทะจนเหมือนโดนระเบิดหลายสิบกิโลมาระเบิดใส่ รอยแตกร้าวเป็นแอ่งๆ ถูกชี่กังกระแทกจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ส่วนคนทั้งสองนั้น ยังคงแลกหมัดกันอย่างไม่หยุด รุนแรงจนทำให้เกิดลมพายุซัดมาเป็นช่วงๆ
“นี่เพิ่งจะเริ่มต้นก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่รุนแรงแบบนี้แล้ว นี่นะเหรอการต่อสู้ของผู้ที่อยู่ในระดับรายการแห่งฟ้า ……”
ร้อยกว่าเมตรที่ไกลออกไป นายพลงูที่เลือดไหลออกจากมุมปาก ถูกหัวกะทิองครักษ์มังกรดำสองคนประคองไว้ จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่ตกตะลึง แล้วกำลังพูดพึมพำกับตัวเอง
ในตอนนี้ ในหัวของเขา นอกจากตะลึง ก็ยังเป็นความตะลึงอยู่ดี
กำลังรบของหลินอิ่งกับท่านมังกรดำนั้น แข็งแกร่งเกินไป เหมือนจะเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไปแล้ว
การใช้กระบวนท่าที่น่าเกรงขามและรุนแรงโจมตีใส่กันแบบนี้ ถ้าให้เขาเข้าไปลองดูสักหน่อยละก็ ไม่ต้องถึงสิบกระบวนท่าหรอก เขาคงพ่ายแพ้อย่างราบคาบแน่นอน
แต่ท่านมังกรดำกับหลินอิ่งนั้น กลับโจมตีอย่างง่ายดายเหมือนกำลังกินข้าวกินน้ำอยู่เลย
ต้องรู้ก่อนว่า นี่เป็นแค่การหยั่งเชิงกันในช่วงแรกเท่านั้น ทั้งสองยังไม่ได้งัดไพ่ตายในมือออกมาใช้เลย
แต่มันก็ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่น่ากลัวถึงขนาดนี้แล้ว
ถ้ารอจนทั้งสองสู้กันจนถึงช่วงสำคัญ แล้วมันจะออกมาในสภาพไหนกันนะ?
“ระดับรายการแห่งฟ้า……” เหวินเทียนเฟิ่งที่อยู่ข้างๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ หรี่ตาแล้วจ้องมองการต่อสู้ระหว่างท่านมังกรดำกับหลินอิ่ง ความตกใจในแววตานั้นไม่อาจปกปิดได้เลย
เธอนั้นเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ในโลกของเธอนั้น ไม่เคยมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่เลย
คนเป็นๆ ที่มีเลือดมีเนื้อ กลับมีพลังการทำลายล้างที่น่ากลัวถึงเพียงนี้
นี่มันเป็นยอดมนุษย์ที่อยู่ในหนังชัดๆ
“นายพลงู ระดับรายการแห่งฟ้า มันคืออะไรกันแน่?” เหวินเทียนเฟิ่งถามไปด้วยความสงสัย
“รายการแห่งฟ้า คุณไม่มีทางเข้าใจหรอก” นายพลงูพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ” “มันคือสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเกียรติยศสูงสุดในแวดวงลึกลับ”
คนที่สามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้ ก็สามารถถูกยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ได้เลย เป็นปรมาจารย์ที่แท้จริง” นายพลงูพูดออกมาอย่างช้าๆ พร้อมกับสายตาที่เป็นประกาย
ระดับขั้นของหลินอิ่งกับท่านมังกรดำนั้น ก็คือระดับขั้นที่เขาคอยไล่ตามไขว่คว้าอย่างยากลำบากแต่ก็ไม่เคยเอื้อมถึงมาก่อนเลย เป็นการไขว่คว้าในด้านบูโดของเขา
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ” เหวินเทียนเฟิ่งพูดออกมาช้าๆ “งั้น นายพลงู คุณพอจะมองเห็นอะไรบ้างมั้ย? นายท่านกำลังเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบรึเปล่า?”
นายพลงูหรี่ตามองไปยังคนทั้งสองที่กำลังเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า “การต่อสู้ที่อยู่ในระดับนี้ มันเกินกว่าที่ผมจะสามารถคาดการณ์ได้แล้ว ตาเปล่าก็มองการกระทำของนายท่านกับหลินอิ่งไม่ทันแล้วนอกจากจะเคยฝึกใช้สายตาที่หยั่งรู้ถึงจะรู้ได้ แต่น่าเสียดายที่ผมยังไม่ถึงขั้นนั้น”
“แต่ว่า ด้วยความสามารถที่โดดเด่นของนายท่าน การจะจัดการกับหลินอิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องยาก พวกเรารอดูอีกสักพัก ก็น่าจะดูออกแล้ว” นายพลงูพูดออกมาอย่างใจเย็น แต่ในใจกลับกำลังตื่นเต้นมาก
เขาไม่ค่อยได้เห็นนายท่านจัดการด้วยตนเองมากนัก
เมื่อก่อนที่คอยติดตามไปจัดการกับพวกยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินนั้น ถ้านายท่านลงมือ มันก็แทบจะเป็นการปลิดชีพในชั่วพริบตาเลย
พวกที่อยู่ต่ำกว่ารายการแห่งฟ้า เมื่อมาอยู่ต่อหน้านายท่านแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลอดที่น่าสงสาร ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สวนกลับ
แต่หลินอิ่งที่อยู่ในช่วงอ่อนแอนั้น ยังคงแสดงฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ออก แล้วยังสามารถสู้ได้อย่างทัดเทียมกับนายท่านได้อีกด้วย
นี่จึงทำให้นายพลงูรู้สึกตกใจมาก ความรู้สึกเทิดทูนในความแข็งแกร่งอันไร้ที่ติของท่านมังกรดำที่อยู่ในใจเขานั้น ได้ถูกสั่นคลอนเข้าแล้ว
นายท่านมังกรดำจะสามารถเอาชนะหลินอิ่งได้ง่ายๆ จริงเหรอ?
เรื่องนี้มันแฝงไปด้วยความน่าสงสัย
ถ้าเกิดนายท่านแพ้ เขาเองก็น่าจะจบสิ้นเหมือนกัน……
“ก็จริง วิธีการของนายท่านนั้น ฉันเคยเห็นมากับตาแล้ว ต่อให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแค่ไหนก็ยังสามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย” เหวินเทียนเฟิ่งพูดพร้อมกับหวนคิดถึงเรื่องราวอะไรบางอย่าง แววตาก็ดูมั่นใจมาก
“ได้ยินพวกคุณบอกว่า หลินอิ่งนั้นมันบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว อย่างมากก็ต้านได้อีกไม่นานเท่านั้น พอสู้กันไปเรื่อยๆ มันต้องต้านนายท่านไม่ไหวแน่นอน”
“สิ่งที่คุณพูดมามันถูกแล้ว ด้วยพื้นฐานที่นายท่านมี ต่อให้เป็นพวกรายการแห่งฟ้าทั่วไประดับล่างก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับนายท่านตรงๆ เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลินอิ่งที่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว” นายพลงูแสดงออกอย่างเห็นด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองอีกนิด
“เฮ้อ นายท่านนั้นตั้งใจจะจับเป็นหลินอิ่งให้ได้ ถ้าทำตามแผนเดิมที่วางไว้ ใช้ความตายของจางฉีโม่มาข่มขู่ ไม่แน่หลินอิ่งอาจจะยอมจำนน แล้วส่งของออกมาอย่างว่าง่าย และคงไม่ต้องมาวุ่นวายเหมือนตอนนี้หรอก” เหวินเทียนเฟิ่งพูดด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
ในความรู้สึกของเธอนั้น ไม่อยากที่จะดำเนินตามแผนนี้เลยสักนิด เพราะแผนนี้มันเสี่ยงเกินไป ที่สำคัญ เธอก็ไม่มีทางยินดีที่จะให้หลินอิ่งเข้าร่วมกับกองกำลังของท่านมังกรดำแน่นอน
เพราะถ้าหลินอิ่งเกิดร่วมมือกับท่านมังกรดำเข้าจริงๆ งั้นตำแหน่งที่ได้ก็ต้องอยู่เหนือกว่าเธอแน่นอน
เป้าหมายของเหวินเทียนเฟิ่งคืออยากให้หลินอิ่งตาย และยังต้องตายอย่าทรมานด้วย
“คุณเองก็หยุดบ่นได้แล้ว การตัดสินใจของนายท่าน เป็นสิ่งที่คุณจะเข้าใจได้รึไง?” นายพลงูจ้องมองเหวินเทียนเฟิ่งด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ พร้อมกับตำหนิด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์
เหวินเทียนเฟิ่งทำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้อะไร
“เราก็ยึดตามแผนการที่นายท่านวางไว้แต่แรกดีกว่า ไปจับตาดูจางฉีโม่ให้ดี” นายพลงูค่อยๆ พูดออกมา หมุนตัวแล้วเดินไปยังบ้านที่อยู่ทางด้านหลัง
“เอื้อกอ้า!”
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ไฟของบ้านหลังที่ขังตัวประกันไว้ก็ดับลงจนมืดไปทั้งหลัง เหมือนไฟฟ้าในบ้านถูกใครบางคนตัดไป
ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีเสียงร้องโอดครวญดังมาจากด้านใน
“นี่มัน!” นายพลงูทำหน้าตกใจ เหมือนจะนึกอะไรได้อย่างกะทันหัน และไม่สนใจร่างกายที่บาดเจ็บ พุ่งตัวเข้าไปในบ้านที่มืดมิดทันที
“ท่านนายพลงู มียอดฝีมือบุกเข้ามาครับ มันตั้งใจจะเข้ามาช่วยจางฉีโม่……”
ที่ภายในบ้าน ได้มีเสียงที่ร้องขอชีวิตของหัวกะทิองครักษ์มังกรดำหลายคนดังขึ้น เหมือนได้เจอกับศัตรูตัวฉกาจเข้าแล้ว