บทที่ 69 จดหมายจากทนาย
“จริงสิ คุณหนู หลินอิ่งไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อวานที่คุณหนูให้พวกเราแอบสุ่มสังเกต พวกเราพบว่า หลังจากเมื่อวานตอนกลางคืนเขาถูกที่บ้านไล่ออกจากบ้าน เขาได้ไปกับวิลล่าหิมะกับเจียงฉีด้วย” ไอ้เจ็ด พูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น “แต่ระบบรักษาความปลอดภัยของวิลล่าหิมะมังกรดีมากเกินไป ทุกมุมแล้วมีกล้องวงจรปิดอยู่ พวกเราไม่สามารถสร้างความตกใจต่อพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ ดังนั้นเลยไม่รู้เลยว่าหลินอิ่งทำอะไรบ้างข้างใน?”
ต่อมาผมไปสืบประวัติของเจียงฉีคนนั้น พบว่าเขาเป็นผู้จัดการของสำนักงานใหญ่บริษัทโอเซี่ยนอสังหาริมทรัพย์สาขาเหนือ นับว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจ” ไอ้หก พูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น
“หืม คนที่น่าเวทนาอย่างเขาไปที่วิลล่าหิมะสามารถหมายถึงอะไรได้หรอ?” หวางหงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจขึ้น แล้วส่ายมือเล็กน้อย “เห็นได้ชัดเจนว่า หลังจากที่คนน่าเวทนาถูกไล่ออกจากบ้าน ก็ถูกกดดันจากผู้ใหญ่ตระกูลจาง เพราะกลัวหวางจื่อเหวิน ดังนั้นเลยหาเพื่อนช่วยเหลือ ส่วนคนที่ชื่อเจียงฉีคนนั้นก็ไม่ใช่คนมีความสามารถอะไร แค่เป็นผู้จัดการบริษัทขนาดเล็กเท่านั้น เขาไม่กล้าช่วย เลยพากันไปตามหาบุคคลที่มีอิทธิพลที่วิลล่าหิมะมังกรช่วยเหลือก็เท่านั้น”
“อืม คุณหนูพูดมีหลักเหตุผลมากครับ คงเป็นแบบนี้แน่เลยครับ” ไอ้หก พยักหน้าเล็กน้อยและพูดขึ้น ขณะเดียวกันก็ยอมรับความคิดเห็นนี้
“พวกนายไม่ลองคิดดูหน่อยหรอว่า ใครบ้างในตระกูลหวางไม่มีความสามารถเข้าวิลล่าหิมะมังกรบ้าง? ตอนนี้ในเมืองชิงหยูนมีใครบ้างกล้าช่วยเขาหรอ?” หวางรงหลิงพูดด้วยท่าทางโอ้อวด “ดังนั้นตอนนี้ทั้งเมืองชิงหยูน นอกจากฉันแล้ว ไม่มีใครกล้าช่วยต่อกรกับหวางจื่อเหวินหรอก นอกจากฉันแล้ว ใครก็ช่วยหลินอิ่งไม่ได้!”
“แล้วเขาจะไปหาใครช่วยเหลืออีก หืม! ถ้าไม่มาหาฉันก็รอถูกหวางจื่อเหวินค่อยๆทรมานเล่นจนตายได้เลย” หวางรงหลิงแค่นเสียงประชดออกมาเล็กน้อย
เธอแอบหัวเราะในใจเงียบๆ เมื่อคืนหลินอิ่งกล้าบอกกับตัวเองว่าไม่มีใครเหมาะสมเป็นเพื่อนกับเขา แต่หลังจากกลับบ้าน คิดไม่ถึงว่าจะถูกไล่ออกจากบ้าน จนถึงขั้นรีบร้อนใจไปหาคนช่วย และถึงขั้นไปหาคนที่วิลล่าหิมะมังกรด้วย? ที่แท้ก็ทำเป็นปากแข็งนี่เอง!
ผู้ชายน่าโง่ ตัวเองยิ่งใหญ่เหมือนดั่งพระพุทธอยู่เบื้องหน้าขนาดนี้กลับไม่รู้จักไหว้สักการะ แต่กลับไปตามหาคนช่วยตั้งไกล? หืม รอให้หวางจื่อเหวินเล่นงานให้พอใจก่อน ก็จะได้รู้เองว่าตัวเองดีขนาดไหน ถึงตอนนั้นคงมาขอร้องตัวเองแน่ แล้วค่อยเล่นงานให้เขาอับอายระบายความโกรธเคืองสักหน่อย!
ขณะที่พูด บนใบหน้าของหวางหงหลิงก็ปรากฏรอยยิ้ม และสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
“ถึงแม้หลินอิ่งคนนี้ไม่ค่อยเห็นคุณค่าของคนอื่นสักเท่าไหร่ และสมองก็ผิดปกติ แต่ความเขามีความสามารถการเก็บสะสมสูบมาก การอยู่ที่ตระกูลจางนับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ไม่มีพื้นที่แสดงความสามารถได้เต็มที่” หูหมิงหยินพูดขึ้น
เขาแอบครุ่นคิดในใจเงียบๆ ระดับความสามารถวิเคระห์อัญมณีของหลินอิ่งแล้ว ถ้าหากร่วมทำงานกับบริษัทของตัวเอง สามารถสร้างชื่อเสียงและเงินทองให้กับตัวเองแน่
“สมน้ำหน้าเขา” หวางหงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น “ถูกพ่อตาและแม่ยายไล่ออกจากบ้านขนาดนี้แล้ว ยังหน้าด้านหน้าทนมาทำงานเป็นผู้ช่วยที่บริษัทจางซื่อกรุ๊ปอีก นายว่า สมองของเขามีน้ำเข้าหรอเปล่า? ทำไมช่างโง่เขลาแบบนี้!”
หูหมองหยินหัวเราะแห้งๆเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า : “คุณหนู ถึงแม้หลินอิ่งคนนี้มีความสามารถอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่า คุณหนูไม่เห็นจำเป็นต้องมาสนใจเขามากขนาดนี้เลย เรื่องแค่นี้มอบหมายให้ผมจัดการก็ได้แล้วครับ”
ถึงแม้หลินอิ่งจะมีความสามารถ แต่ไม่มีคุณค่ามากพอให้คุณหนูให้ความสำคัญมากขนาดนี้ เพราะอย่างหลินอิ่ง คนระดับอย่างเขาออกหน้าช่วยก็ถือเป็นการให้เกียรติเขามากแล้ว
อีกอย่างคุณหนูเองก็เหมือนกัน เพื่อหลินอิ่งไอ้ขยะที่มีชื่อเสียงเลื่องลื่อคนนั้น เธอถึงไม่ให้นักฆ่ามืออาชีพอย่าง ไอ้หก กับ ไอ้เจ็ด ทำงานสำคัญเลย แต่กลับให้มาแอบสอดส่องหลินอิ่ง และยังให้พวกเขามารายงานด้วยว่าทุกวันหลินอิ่งกินอะไร ทำอะไรมาบ้าง
แถมวันนี้ยังควักเงินตั้งหกล้านกว่าซื้อห้องนิทรรศการนี้ด้วย คิดไม่ถึงเพียงเพื่อสะดวกในสังเกตการณ์ และได้เห็นหลินอิ่งมากขึ้นด้วย….
นี่…..
รูปแบบการทำงานแบบนี้ไม่เหมือนกับคุณหนูที่ใจกล้า สุขุม และฉลาดหลักแหลมคนก่อนเลย……
หูหมิงหยินสับสนและวุ่นวายใจมาก ไม่รู้เลยว่าคุณหนูกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาเองก็ไม่กล้าซักถามมาก
“พวกนายรอดูฉากสนุกเถอะ รอดูว่าฉันจะจัดการเจ้าคนน่าเวทนาคนนั้นยังไง” หวางหงหลิงพูดขึ้น
วันนี้เธอวางแผนทุกอย่างหมดแล้วสำหรับฉากสนุกนี้ เธออดใจไม่ไหวแล้วอยากเห็นหลินอิ่งพูดขอร้องต่อหน้าตัวเอง…..
……
อีกด้าน บริษัทเป่าติ่ง หลินอิ่งเดินขึ้นไปที่ห้องทำงานของพนักงานระดับสูง
ภายในห้องทำงานมีพนักงานสัญจรไปมาอย่างเร่งรีบ
หลินอิ่งกำลังคิดจะเดินไปที่ห้องทำงานของฉีโม่ แต่กลับพบว่ามีพนักงานระดับสูงจ้องมองตัวเองด้วยสายตาดูถูก
“ผู้ช่วยหลิน มาแล้วหรอ”
ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงคมเข้มดังขึ้น
หลินอิ่งหันหน้ามองกลับไป และเห็นเป็นผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทคนหนึ่งจ้องมองตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาคือคณะกรรมการจางหงจูน ส่วนด้านข้างมีจางหงซวนติดตามด้วย
หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีอะไรหรอ?”
“หลินอิ่ง นายรู้จักกฎระเบียบบ้างไหม?” จางหงซวนแสดงท่าทางกำเริบสืบสานขึ้น “พวกเราสองคนเป็นผู้ใหญ่ แถมเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงกว่านายที่บริษัทด้วย แต่นายพูดกับพวกเราแบบนี้หรอ? กล่าวทักทายก็ไม่เป็นหรอ?”
จางหงซวนจ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา แต่แอบหัวเราะเยาะในใจ
ครั้งที่แล้วตอนอยู่ที่สระว่ายน้ำ ไอ้ขยะหลินอิ่ง เขาทำให้ลูกชายต้องอับอายต่อหน้าครอบครัวของจางฉีโม่ แถมตอนนี้ยังกล้าแสดงท่าทางกำเริบสืบสานต่อหน้าตัวเองด้วย
ครั้งนี้ไอ้ขยะหลินอิ่งที่ไม่รู้จักเป็นรู้จักตาย คิดไม่ถึงกล้ายั่วโมโหหวางจื่อเหวินแห่งตระกูลหวาง ซึ่งนี่ถือเป็นการมอบโอกาสให้ตัวเองจัดการเขา
“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา ผมไม่สนิทสนมกับพวกคุณ” หลินอิ่งพูดขึ้น
“นายนี่มันกำเริบสืบสานจริงๆ! กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคณะกรรมการสองคนต่อหน้าได้ยังไง? ไม่รู้จักมารยาทเลยหรอ?” ผู้ใหญ่ของพนักงานระดับสูงคนหนึ่งพูดด่าทอขึ้น
“อยู่ต่อหน้าคณะกรรมการสองคนแบบนี้ หลินอิ่งยังกล้าพูดแบบนี้อีกหรอ? ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ”
“เขาไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน? ถึงได้กล้ามากขนาดนี้?”
“ไม่ได้ยินมาก่อนหรอ? ขนาดคุณชายหวางแห่งตระกูลหวาง เขายังกล้ามีเรื่องเลย สำนวนพูดได้ดีมาก ปลาหมอตายเพราะปาก สุดท้ายเขาก็ต้องเดือดร้อนเพราะคำพูดและการกระทำของเขาเอง” พนักงานระดับสูงผู้หญิงคนหนึ่งพูดประชดขึ้น
พนักงานระดับสูงที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันพูดวิพากษ์วิจารณ์หลินอิ่งขึ้น
“หืม!” จางหงจูนถอนหายใจ และจ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาขุ่นเคืองขึ้น “พี่สาม ก่อนหน้านี้คุณบอกกับผมว่า เด็กคนนี้ดื้อรันมาก ขนาดอยู่ต่อหน้าลุงสามยังกล้ากำเริบสืบสานเลย คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้จักมารยาทด้วยจริงๆ”
“มิน่าถึงมีเรื่องกับคุณชายหวางแห่งตระกูลหวาง!” จางหงจูนพูดขึ้น พร้อมเผยสายตาโมโหจ้องมองหลินอิ่ง
ช่วงนี้ตระกูลของตัวเองประสบวิกฤตมากมาย และกว่าจะแบกบริษัทจางซื่อกรุ๊ปข้ามผ่านไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย แต่กลับถูกอูหยางกดดันจนหายใจไส่ออก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคืนยังถูกคุณชายหวางโทรศัพท์มาข่มขู่ด้วย
ตอนแรกเขาแค่ถูกอูหยางยั่วโมโห และเมื่อวานยังถูกข่มขู่ด้วย ดังนั้นวันนี้เขาต้องสั่งสอนระบายความโกรธกับหลินอิ่งให้สะใจ!
“หลินอิ่ง ดูให้ดี นี่เป็นจดหมายเตือนจากทนาย!” จางหงจูนพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น แล้วโยนเอกสารใบหนึ่งลงบนโต๊ะเบื้องหน้าหลินอิ่ง