ท่าทางหลินอิ่งเย็นชาถึงที่สุด ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของสองอาวุโส
“ไม่จำเป็นต้องปรับความเข้าใจ ให้หลินเซี่ยวคุกเข่า!”
หลินอิ่งพูดด้วยเสียงเย็น
คำพูดนี้ราวกับสายฟ้าฟาดผ่า ทำให้ทุกคนในที่นี้ตกตะลึง
คนตระกูลหลินที่มุงดูพากันอ้าปากค้าง
พูดเป็นเล่น?! จะให้คุณชายรองหลินเซี่ยวคุกเข่า? คุณ…คุณชายสามหลินอิ่งที่กลับมาคนนี้เผด็จการขนาดนี้เลยเหรอ?!
หลินเซี่ยวเป็นถึงใครกัน? เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอด เป็นคุณชายรอง แบ็คกราวด์ยังมีอิทธิพลใหญ่ล้นฟ้า แถมยังเป็นที่โปรดปรานของแม่เฒ่าอีก!
คนตระกูลหลินกว่าพันชีวิต ไม่ว่าใคร ฐานะสูงแค่ไหน มีใครกล้าสั่งให้หลินเซี่ยวคุกเข่าบ้าง?
หลินอิ่งคิดว่าตัวเองเป็นนายท่านใหญ่ตระกูลหลินหรือยังไง?!
ผู้อาวุโสหลิวและผู้อาวุโสสวีต่างตะลึงกับคำพูดของหลินอิ่ง พาให้สมองหยุดชะงัก ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาหลอกล่อหลินอิ่งดี
“หลินอิ่ง! ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าแก แต่แกกลับจะให้ฉันคุกเข่า?! ไอ้นอกคอก! แกกล้าดียังไงฮะ?!”
หลินเซี่ยวเดือดพลุ ชี้นิ้วก่นด่าหลินอิ่ง
บ้าไปแล้ว!
ช่างไม่รู้ว่าตัวเองเป็นตัวอะไร!
จะให้เขาคุกเข่าต่อหน้าประชาชี?
หลินเซี่ยวโกรธจัด แทบอยากสั่งให้สองอาวุโสเก็บหลินอิ่งเสียตอนนี้
“คุณชายหลินอิ่ง คุณดื่มมากไปหรือว่าธาตุไฟเข้าแทรก? สถานการณ์อย่างนี้ คุณเป็นถึงคุณชายสามตระกูลหลิน พูดแบบนี้ได้เหรอ?!” ผู้อาวุโสหลิวพูดเสียงหนัก “คุณชายเซี่ยวเป็นพี่ชายของคุณ ตระกูลหลินเคร่งยศศักดิ์ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร?!”
“เหล่าสวี กุมตัวคุณชายหลินอิ่งไปสงบสติกับฉันก่อนเถอะ เรื่องนี้ต้องกลับไปให้คณะกรรมการผู้อาวุโสเป็นผู้ตัดสิน”
ผู้อาวุโสสวีพยักหน้านิ่ง
ว่าแล้วทั้งสองก็ค่อยๆ ขยับเข้าประชิดหลินอิ่ง
นัยน์ตาหลินอิ่งแวบไอเย็น บีบมือที่ไพล่หลังอยู่จนแน่น
“ใครจะกุมตัวคุณชายอิ่งเหรอ?”
ตอนนี้เองที่ปากประตูก็มีเสียงทุ้มเย้าแหย่ลอยมา
ชายสูงอายุผมหงอกคิ้วขาวในชุดเสื้อคอจีนสีเหลืองอ่อนเดินเอื่อยเข้ามา พร้อมกับชายชุดดำสายตาคมเฉียบมาสิบกว่าคน
ซือคงฟู่พาคนมาแล้ว
เขาย่างเท้าทางหลินอิ่งมาอย่างไม่เร็วไม่ช้า เผยรอยยิ้มแล้วเอ่ย “ระหว่างทางมีเรื่องนิดหน่อย คุณชายอิ่งคงไม่ถือที่ผมมาสายหรอกนะครับ?”
หลินอิ่งไม่ตอบ ก่อนหน้านี้ก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าซือคงฟู่อาจยื่นมือเข้ามา
ดูท่าตาแก่คนนี้คงจ้องเขาอยู่ตลอด น่าจะถึงโรงแรมชางไห่นานแล้ว แต่แค่ยื่นมือมาช่วยตอนนี้เท่านั้น
เมื่อรับกับความเย็นชาของหลินอิ่ง ซือคงฟู่ก็ไม่ได้โกรธ เขาหัวเราะแล้วมองไปทางพวกหลินเซี่ยว สายตาดูแคลน
“พวกคุณกล้าไม่ใช่เล่น จะจับกุมคุณชายอิ่งเหรอ? ถามผมหรือยัง?”
ซือคงฟู่พูดเสียงกร้าว ตำหนิผู้อาวุโสทั้งสอง
ผู้อาวุโสหลินพูดเสียงหนัก “คุณเป็นใครถึงกล้าบุกเขาสถานที่ของตระกูลหลิน? แล้วยังกล้ามาโอหังวางอำนาจอีก!”
“ผม…ซือคงฟู่แห่งเจียงเป่ย”
ซือคงฟู่พูดเรียบ
“ไม่เคยได้ยิน ยังไง? แกก็เป็นคนของหลินอิ่งหรือไง? คนจากเจียงเป่ยกล้ามาวางก้ามที่ชางโจวเหรอ? แถมยังกล้าขวางความประสงค์คณะกรรมการผู้อาวุโสอีก?”
หลินเซี่ยวพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“แกบุกเข้าสถานที่ตระกูลหลินมาโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วยังมาเห่าหอนที่นี่อีก เดี๋ยวจะเจื๋อนไอ้แก่นี่ซะเลย!”
ทุกคนต่างมองออกว่าซือคงฟู่เป็นยอดฝีมือแห่งศิลปะการต่อสู้ แค่มองไม่ออกถึงระดับของเขาเท่านั้น
แต่จะว่าไป…ในเมื่อเป็นลูกน้องของหลินอิ่ง ก็คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง
เพราะตอนนั้น แค่หลินสวนถูคนเดียวก็ทำจนรังของหลินอิ่งในตี้จิงวุ่นวายอลหม่านไปหมด หากไม่ใช่เพราะเจ้าตัวออกหน้าในตอนท้าย ก็คงถูกกวาดเรียบไปนานแล้ว
“ฮ่าๆๆ? เจื๋อนไอ้แก่อย่างฉัน?” ซือคงฟู่สะบัดพัดขาวที่ถืออยู่ในมือ ส่ายหน้าด้วยท่าทางหยิบแกมหยอก “หลินเซี่ยวหนอหลินเซี่ยว ตาเฒ่ามังกรเหลืองอาจารย์ของเธอยังไม่กล้าโอหังต่อหน้าฉันเลย แต่เธอกลับกล้ายิ่งกว่า”
“ถ้าไม่รู้จักฉันซือคงฟู่ ก็โทรไปถามมังกรเหลืองอาจารย์เธอดูสิ ว่าซือคงฟู่เป็นใคร” ซือคงฟู่พูดเย้ยเรียบๆ “แต่เอ๊ะไม่ได้สิ! ตาแก่มังกรเหลืองพิลึกคนจริงเชียว นี่มันสมัยไหนแล้วยังใช้พิราบสื่อสารอยู่อีก จะหาเขายังต้องไปหวงไห่ด้วยตัวเอง ถ้าเธอจะไปหาเขาก็ต้องไปเกาะหวงหลงที่หวงไห่ แต่ก็นะ…ไม่แน่ว่าเขาจะเปิดประตูให้?”
เมื่อคนในตระกูลหลินได้ฟังคำพูดของซือคงฟู่แล้วก็งุนงง
แต่หลินเซี่ยวกลับเบิกตาโตจ้องซือคงฟู่ด้วยสายตาตกใจและหวาดกลัวอย่างหนัก
ความสัมพันธ์ของเขากับมังกรเหลืองมีคนรู้ไม่มาก
อย่าว่าแต่อย่างอื่นเลย การที่ซือคงฟู่พูดได้ละเอียดขนาดนี้ รู้นิสัยความเคยชินของนักพรตมังกรเหลือง ทั้งยังรู้ว่าเขาอยู่ที่เกาะหวงไห่
หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นคนรู้จักของนักพรตมังกรเหลือง?
จากที่ฟัง อีกฝ่ายก็เหมือนไม่เห็นนักพรตมังกรเหลืองอยู่ในสายตา
แต่…นี่เป็นแค่ลูกน้องหลินอิ่งนี่?
ลูกน้องหลินอิ่ง เป็นคนใหญ่คนโตขนาดนี้เชียวหรือ?
เป็นไปได้ยังไง?!
หลินเซี่ยวคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก ทั้งมองค่ายสำนักของซือคงฟู่ไม่ออก ดังนั้นจิตใจเขาจึงเริ่มว้าวุ่น
“หลินเซี่ยว ไม่ต้องกลัวไป ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของคุณชายอิ่ง” ซือคงฟู่วางตัวตามสบายสะบัดพัด หยอกหลินเซี่ยว
ต้องยอมรับเลยว่าซือคงฟู่ข่มเก่งทีเดียว จากท่าทางแล้วก็กดหลินเซี่ยวได้อยู่หมัด
ขณะที่พูด ซือคงฟู่ก็หันกลับไปมองหลินอิ่ง พูดอย่างจริงจัง “คุณชายอิ่ง ไม่ทราบคุณคิดจะทำยังไงครับ? ผมจะทำตามที่คุณบอก ผมได้แสดงความจริงใจของผมแล้วนะ
หลินอิ่งมองซือคงฟู่สายตาหนึ่ง ยิ้มชืดเอ่ย “ผมคิดจะทำยังไง? เรื่องที่ผมต้องการให้คุณทำ คุณกล้าทำเหรอ?”
“ฮ่าๆๆ” ซือคงฟู่หัวเราะ “คุณชายอิ่ง ว่ามาได้เลย ในเมื่อพวกเราจะร่วมมือกันก็ต้องจริงใจต่อกันอยู่แล้ว ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องที่ผมกลัวหรอกนะ”
“ฆ่าหลินเซี่ยว”
หลินอิ่งกล่าวไปเรียบๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าสบายๆ ของซือคงฟู่ก็เคร่งเครียดขึ้นมา จ้องหลินอิ่ง
“ไม่กล้า?” หลินอิ่งมองซือคงฟู่ พูดด้วยความเย็นชา
ทันใดนั้น ซือคงฟู่ก็มองหลินอิ่งใจลอยไปเล็กน้อย รู้สึกอย่างกับกำลังเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจ
เมื่อเจอกับคำสั่งของหลินอิ่ง เขาก็รู้สึกหวั่นเกรง ถูกความกดดันส่งทอดมาถึง ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับอดีตท่านประมุขและอาจารย์กู้ต้าประมุขคนปัจจุบัน
ฆ่าหลินเซี่ยว?
ซือคงฟู่อดลังเลเป็นไม่ได้
หลินอิ่งใจเด็ดจริง
ชางโจวเป็นถิ่นของตระกูลหลินแห่งลังยา และหลินเซี่ยวก็เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลหลิน
คนที่สังหารคุณชายรองที่นี่ ก็คือเขาซือคงฟู่ เขาจำต้องทบทวนผลตามมาให้ดี…
“คุณชายอิ่ง ต้องฆ่าให้ได้หรือ?” ซือคงฟู่ถามด้วยความจริงจัง
หลินอิ่งพูดเรียบ “เขาทำให้ภรรยาผมตกใจ”
“ถ้าคุณไม่กล้า ก็สกัดผู้อาวุโสตระกูลหลินสองคนนั้นให้หน่อย ผมจัดการเอง!” หลินอิ่งพูดเป็นง่าย
“เพื่อสาวงามเองหรือนี่” ซือคงฟู่จ้องหลินอิ่งทีหนึ่ง แทบจะตบโต๊ะด้วยความสะใจ ครั้งแล้วก็ปรบมือ พูดสะท้อนใจ “คุณชายอิ่ง คุณใจเด็ดมาก! ผมชื่นชม! มีความใจเด็ดของคุณแบบนี้แล้วยังต้องกลัวอะไรอีก ผมซือคงนับถือ!”
“วันนี้ ผมจะทำเรื่องนี้เป็นเพื่อนคุณเอง!”
“เด็กๆ! คุณชายอิ่งจะฆ่าคน ทุกคนไปปิดล้อมโรงแรมชางไห่ไว้ ห้ามใครเข้าออก!” ซือคงฟู่สะบัดมือสั่งการ “เจ้าเจ็ดเจ้าแปด! ไปสกัดตาเฒ่าสองคนนั้นกับฉัน เปิดทางให้คุณชายอิ่ง!”
หลังจากทุกคนที่ได้ยินการสนทนาของหลินอิ่งกับซือคงฟู่แล้ว ก็สะดุ้งหนัก
หลินเซี่ยวทั้งตกใจทั้งเลือดขึ้นหน้า “พวกแกจะบ้าไปแล้วเหรอ? คนบ้าสองคนมาพูดเพ้อเจ้ออะไรที่นี่! จะฆ่าฉัน? ฉันหลินเซี่ยวยืนอยู่นี่แล้ว หลินอิ่ง! แกกล้าฆ่าฉันเหรอ?!”